ชัยสิทธิ์ นำเสื้อแดงเชียงใหม่ ร่วมทำพิธีสืบชะตาให้ ทักษิณ
ชัยสิทธิ์ ชินวัตร นำเสื้อแดงเชียงใหม่ทำพิธีสืบชะตาให้ ทักษิณ ที่วัดอุโมงค์ ปัดข่าว แม้วป่วย แค่ช่วยแก้กรรม ระบุ ชาติก่อนเป็นอดีตเจ้าเมืองที่เคยฆ่าคน-ปล้นทรัพย์-ลักพระจากข้าศึกมาเลยต้องกรรมหนัก
(17ก.พ.) ที่วัดอุโมงค์ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ประมาณ 300 คน นำโดยนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ ศิริกุล และ น.ส.กัญญาภัค มณีจักรหรือ"ดีเจอ้อม" ได้ร่วมกันทำพิธีสะเดาะห์เคราะห์สืบชะตาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบก ญาติผู้พี่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นประธานในพิธี มีพระครูสุคันธศีล เจ้าอาวาสวัดอุโมงค์และพระสงฆ์รวม 9 รูปประกอบพิธี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการทำพิธีสืบชะตาแบบทางล้านนาให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งนี้เป็นเช่นเดียวกับการทำพิธีบังสุกุลคนเป็นของภาคกลางและภาคใต้ วัตถุประสงค์เพื่อสะเดาะเคราะห์ให้กับผู้ที่ตกอยู่ในช่วงของดวงไม่ดีมีเคราะห์ โดยกลุ่มเสื้อแดงได้จัดเตรียมข้าวสารอาหารแห้งและผลไม้ใส่ไว้ในก๋วย(ตระกร้า)หลายใบ มีการจัดเตรียมไม้สามขามาวางตั้งเป็นซุ้มและนำภาพถ่ายใส่กรอบขนาดใหญ่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาวางตั้งไว้ตรงกลางไม้สามขาดังกล่าวแทนเจ้าตัวที่ไม่สามารถเดินทางมาสะเดาะเคราะห์ด้วยตัวเองได้ จากนั้นได้มีการโยงสายสิญจ์ให้พระสงฆ์สวดสืบชะตา
ใกล้กันนั้นกลุ่มเสื้อแดงได้มีการตั้งสำรับเป็นหัวหมู 2 หัว ไก่นึ่ง 3 ตัว ข้าวใส่ถ้วย เหล้าขาวและผลไม้พร้อมของหวานไว้บนผ้าขาวโดยหันหน้าถวายให้กับพระพุทธรูปปางห้ามญาติขนาดความสูงประมาณครึ่งเมตร ที่ฐานพระพุทธรูปดังกล่าวมีข้อความเขียนว่า "เจ้ามูลเมืองและเจ้าษิณขอคืนอำนาจให้กับเจ้าชายสิกะ กษัตริย์และมเหสีขออโหสิกรรมซึ่งกันและกัน" โดยนายเพชรวรรตแกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เป็นผู้กล่าวนำในการดำเนินพิธี
ต่อมาสมาชิกกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เป็นหญิงอายุประมาณ 50 ปีได้นุ่งขาวห่มขาวมาทำหน้าที่เป็นร่างทรง จากนั้นแกนนำประกาศแจ้งกับผู้มาร่วมพิธีว่าบัดนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งในครั้งอดีตชาติคือพระเจ้ามูลเมืองได้มาลงประทับร่างทรงแล้ว จากนั้นร่างทรงหญิงได้กล่าวกับกลุ่มเสื้อแดงด้วยน้ำเสียงเป็นหญิงในทำนองว่าชาติก่อนหลายร้อยปีที่ผ่านมาตนได้ไปทำกรรมระหว่างสู้รบออกศึกกับพม่าได้มีการฆ่า และไปเอาเงินข้าศึกฝ่ายตรงข้ามไปจนทำให้มีกรรมติดตัวมาจนถึงชาตินี้เลยต้องกรรมหนัก
ร่างทรงเจ้ามูลเมืองยังพูดอีกว่า "นายสนธิ ได้เคยเป็นหนี้ทักษิณในอดีตกาลมาจนถึงขณะนี้ยังเป็นหนี้กันอยู่ " และในระหว่างที่ร่างทรงเจ้ามูลเมืองกล่าวอยู่นี้กลุ่มสมาชิกเสื้อแดงหลายคนได้ตะโกนถามร่างทรงว่า "เมื่อไหร่ท่านทักษิณจะกลับมา" ร่างทรงเจ้ามูลเมืองก็ได้ตอบกลับไปว่า "จะกลับมาอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้ถูกสั่ง "
ร่างทรงเจ้ามูลเมืองที่กลุ่มเสื้อแดงเข้าใจว่าเป็น พ.ต.ท.ทักษิณในอดีตชาติยังได้มีการนำธนบัตรจำนวนหนึ่ง ซึ่งแกนนำระบุว่ามีมูลค่ารวม 5 แสนกว่าสตางค์ไปทำพิธียื่นส่งคืนให้กับกษัตริย์พม่า โดยยื่นคืนที่ด้านหลังพระพุทธรูปปางห้ามญาติดังกล่าว เมื่อพิธีทางไสยศาสตร์หลายขั้นตอนได้จบลง พล.อ.ชัยสิทธิ์จึงได้พร้อมด้วยกลุ่มเสื้อแดงได้ร่วมกันนั่งฟังพระสงฆ์สวดอ่านใบลานโดยพระสงฆ์มีการเอ่ยชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณไปด้วย จนการสวดสืบชะตาแล้วเสร็จกลุ่มเสื้อแดงจึงทำพิธีเลี้ยงเพลพระในเวลา 11.00น.และร่วมรับประทานอาหารร่วมกัน
ก่อนกลับ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ได้ลุกขึ้นกล่าวให้กำลังใจกลุ่มเสื้อแดงโดยระบุว่า ตนได้ติดตามพฤติกรรมของชาวเสื้อแดงเชียงใหม่มาโดยตลอดเป็นเสื้อแดงที่มีคุณภาพและมีจุดยืนที่ชัดเจนมาโดยตลอด เราจะไปสู่จุดหมายที่เราหวังไว้คือต่อต้านเผด็จการและรักษาประชาธิปไตยร่วมกัน
พล.อ.ชัยสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า การมาทำบุญสะเดาะห์เคราะห์ในวันนี้เนื่องจากบังเอิญเดินทางมาภาระกิจส่วนตัวอย่างอื่นเลยแวะมา ส่วนกรณีที่มีการปล่อยข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณป่วยตนเลยมาสะเดาะห์เคราะห์ให้นั้นเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง แต่ที่มาเนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ในอดีตชาติเขาทำกรรมไว้มากจึงมาแก้กรรม เพราะในอดีตเป็นนักรบไปฆ่าเขาไปปล้นเงินและไปเอาพระจากข้าศึกมา เมื่อมาทำพิธีคืนเงินให้เขาไปก็จะได้หมดเวรหมดกรรม
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ตอบว่ายังไม่ได้เจอ ไม่ทราบเหมือนกัน จะกลับมาเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้อยู่ที่เขาจะตัดสินใจ เพราะกลับมาก็ต้องมารับโทษ ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะยอมรับหรือไม่ว่าโทษนั้นเขาสมควรได้รับหรือเปล่า มีแต่เขาที่จะคิดได้คนเดียวคนอื่นคิดแทนเขาไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นด้วยหรือไม่กับร่าง พ.ร.บ.ปรองดองห่งชาติ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า อย่างที่เคยทำกันมาเมื่อมีการปฏิวัติเกิดขึ้น เพื่อให้บ้านเมืองสงบไปกันได้ เกิดความสมานฉันท์ก็ควรจะมีกฎหมายนิรโทษกรรมซึ่งเขาก็ทำกันตามปกติอยู่แล้ว แต่นี่มาเล่นแง่อะไรกันนักหนา มันเป็นการอภัยทั้งคู่ไม่ใช่อภัยให้คนๆเดียว ถ้านิรโทษกรรมเรื่องก็จะจบ ไม่เช่นนั้นก็คาราคาซังกฎหมายก็คือกฎหมายไม่งั้นความผิดก็ติดตัวกันไปทั้งสองฝ่าย ถ้าอภัยกันหมดเริ่มต้นใหม่มันก็ดี ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีโอกาสก็ทะเลาะกันไปตลอดใครจะชอบ บ้านเมืองก็ไม่สงบ