อ๋อม ถูกมองกั๊กรัก โสดนานแค่ไหน แม้แต่ตัวเองก็จำไม่ได้

 

ตั้งแต่ขึ้นแท่นพระเอกคิวทอง เพราะมีละครจ่อคิวรอแบบแน่นๆ จนไม่มีเวลารับงานอีเว้นท์แล้ว แต่เรื่องหัวใจของ "อ๋อม อรรคพันธ์" ก็ยังคงเงียบเหงาสวนทางกับงาน ถึงขนาดเจ้าตัวยังออกปากเองเลยว่า ใช้สเตตัสโสดมานานแค่ไหนก็ยังจำไม่ได้ แถมพอถูกถามถึงประเด็นที่หลายคนมองว่า เป็นพระเอกกั๊กรัก เพราะให้สถานะสาวๆ เป็นแค่พี่น้องหรือไม่ก็เพื่อนตลอด หนุ่มอ๋อมก็ได้ชี้แจงว่า ไม่ทราบเหมือนกันทำไมคนถึงคิดแบบนั้น แต่สำหรับตนเองแล้วที่ผ่านมาก็ให้เกียรติทุกคนตลอด หากมีคนที่ศึกษาดูใจอยู่จริงก็พร้อมพูดเสมอ ไม่เคยคิดจะปิดบังอยู่แล้ว...

งานหนักคิวแน่นไม่มีเวลารับอีเว้นท์
"ตอนนี้ทำงานเกือบจะเต็มเจ็ดวันแล้วครับ เพราะว่าละครจะออกอากาศแล้ว แถมเราถ่ายต่างจังหวัดแทบทุกคิวเลยด้วย มันก็เลยทำให้ไม่มีเวลาไปรับงานอื่น แต่ถามว่าเสียดายไหม เอ่อ...ผมขอเน้นงานละครก่อนดีกว่าครับ ถ้ามีเวลารับอีเวนท์ได้ก็ค่อยได้ คือเอางานหลักก่อนดีกว่า"

"ส่วนเรื่องรายได้จากงานอีเว้นท์กลัวจะขาดหายไหม เอาจริงๆ นะผมขอเน้นงานหลักก่อนดีกว่า เพราะคิดว่างานจ้างอีเว้นท์มันก็คงต้องมาจากงานละครด้วย เพราะฉะนั้นผมเอาการแสดงก่อนดีกว่าครับ ส่วนอีเวนท์ก็ค่อยเอาประกอบกันทีหลัง แต่ถามว่าผมจะหายไปไม่รับเลยไหม จริงๆ ก็ไม่ได้หายไปไหนนะ ถ้ามีโอกาสก็ยังรับอยู่ (ยิ้ม)"

ไม่มีเวลาให้หัวใจ โสดจนจำไม่ได้ว่านานแค่ไหนแล้ว
"หัวใจก็เหมือนเดิมครับ มีแต่เพื่อน คือเราทำงานหนักไม่ค่อยมีเวลาไปไหน แถมส่วนใหญ่ก็มีแต่เพื่อนพี่น้องที่คุยมากกว่า อีกอย่างเราเองก็ไม่ได้คิดที่จะเปิดใจคบใครจริงจังด้วย เพราะว่าเรายังทำงานหนักอยู่ (ยิ้ม) ซึ่งถ้าหากตอนนี้ผมมีคนที่คุยอยู่แล้วจริงๆ ผมก็ไม่คิดที่จะปิดบังหรอก คือถ้ามีผมก็บอกเลยว่ามีคนคุย และผมไม่ซีเรียสด้วยว่าจะเป็นคนในหรือนอกวงการ ขอแค่คุยกันถูกคอและเข้าใจกันก็ถือว่าโอเคแล้ว แต่ว่าตอนผมโสดไง ไม่ได้ซุ่มนะ คือผมโสดมาสักพักแล้วครับ โสดจนจำไม่ได้แล้วว่าโสดมานานแค่ไหนแล้ว (ยิ้ม)"

ถูกโยงดราม่าพระเอกกั๊กรัก ไม่ให้เกียรติผู้หญิง
"นั่นสิ ทำไมถึงโยงมาหาผม จริงๆ สำหรับตัวผม ผมให้เกียรติตลอดนะ แต่ผมไม่ทราบว่าอาจจะมีบางสิ่งบางอย่างทำให้ใครคิดกับผมแบบไหน จุดนี้ผมไม่ทราบ แต่สำหรับตัวผม ผมคิดว่าผมให้เกียรติทุกคนนะครับ คืออย่างที่บอกถ้ามันอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการคุยกัน การสร้างความสัมพันธ์ หรือการรู้จักกัน ผมก็อธิบายให้เข้าใจอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครเป็นพิเศษ ซึ่งที่คุยก็มีแต่เป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องกัน อย่างที่บอกมันอยู่ในขั้นของการเริ่มต้นการพูดคุย เพียงแค่เรายังไม่ได้คุยกันลึกซึ้งอะไรมาก"

"ถามว่าพอผมออกมาพูดแบบนี้กลัวคนที่ได้ยินเขาจะน้อยใจไหม จริงๆ ก็ไม่หรอกครับ ผมเชื่อว่าของแบบนี้มันต้องใช้เวลาพอสมควรที่จะศึกษาดูใจ คืออย่างเวลาเราทำงานเหนื่อย เราเหงา เราก็อยากมีคนคุย อยากมีคนปรึกษา ซึ่งมันก็มีบ้างแต่เราก็ไม่ได้บอกอะไรชัดเจนขนาดนั้น และมันก็ไม่ได้เป็นการให้ความหวังหรืออะไรด้วย เพราะเราคุยเป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้อง ผมชัดเจนอยู่แล้ว เวลาผมคุยกับใครผมจะบอกตลอด ซึ่งถ้าหากวันหนึ่งมันใช่ขึ้นมา ผมก็จะบอกเลยครับ"