สุดท้ายก็หมดอายุความ ผิดหวัง ตร.ตามจับมือปืน 20 ปีไม่ได้

สุดท้ายก็หมดอายุความ ผิดหวัง ตร.ตามจับมือปืน 20 ปีไม่ได้

สุดท้ายก็หมดอายุความ ผิดหวัง ตร.ตามจับมือปืน 20 ปีไม่ได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ครอบครัวแสนประเสริฐ”  ผิดหวังหลังเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาฆ่าพ่อส่งศาลได้ทันในวันหมดอายุความ หลังรอคอยมานาน 20 ปี  พร้อมเผยติดใจการทำคดีของพนักงานสอบสวน

(28 มิ.ย.) นางสง่า อายุ 62 ปี ชาวบ้านหัวสะพาน ต.ช่อผกา อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ พร้อมลูกชายและทนายความ ได้เดินไปยังศาลจังหวัดนางรอง ตามที่ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยและตรวจพยานในคดีที่ นายบัวพา ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านใช้อาวุธปืนยิง นายมน สามีของนางสง่า เสียชีวิตในงานแต่งงานเพื่อนบ้าน เมื่อคืนวันที่ 28 มิ.ย. 2540 หรือเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ครบกำหนดสิ้นสุดอายุความ 20 ปีในคดีดังกล่าว

แต่เมื่อถึงเวลานัดเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหามาส่งศาลได้ตามที่มีการออกหมายจับ ศาลจึงต้องจำหน่ายคดีนี้ออกจากสารระบบชั่วคราว เนื่องจากการพิจารณาต้องทำต่อหน้าจำเลย แต่ตามกำหนดยังมีเวลาถึงเที่ยงคืนของวันนี้ หากสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ก็ให้ควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจพื้นที่ใกล้เคียงแล้วลงบันทึกการจับกุมไว้เป็นหลักฐานก่อน ก็จะถือว่ายังอยู่ในห้วงเวลาอายุความตามที่กฎหมายกำหนด และยังสามารถนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีใหม่ได้ แต่หากเที่ยงคืนวันนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ก็จะสิ้นสุดคดีทันและไม่สามารถทำอะไรได้

หลังจาก นางสง่า พร้อมลูกชาย เดินออกจากห้องพิจารณาคดีแล้วก็มีสีหน้าค่อนข้างกังวล เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะสิ้นสุดคดีความ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ก็รู้สึกผิดหวังและเสียใจหลังต้องทนทุกข์ทรมานมานานถึง 20 ปี แต่ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุยิงสามีเสียชีวิตกลับลอยนวลไม่ได้รับโทษตามกฎหมาย

นางสง่า ยังบอกด้วยว่า ติดใจการทำสำนวนคดีของพนักงานสอบสวน เพราะตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ไม่เคยเรียกลูกชายซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ไปสอบปากคำเลย แต่กลับมีชื่อลูกชายไปให้ปากคำในสำนวน ทั้งทราบข่าวว่าเจ้าหน้าที่จะเอาผิดลูกชายฐานให้ข้อมูลเท็จ ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมกับครอบครัว เพราะสามีถูกยิงตายทั้งคนและมีพยานเห็นเหตุการณ์แต่ผู้กระทำผิดกลับลอยนวล แต่สุดท้ายจะมาเอาผิดกับลูกชาย จึงอยากให้มีการตรวจสอบการทำสำนวนในคดีดังกล่าวใหม่

ทางด้าน นายสมคิด ลูกชายยืนยันว่าวันเกิดเหตุตนเองเห็นพ่อถูกยิงเสียชีวิตนอนจมกองเลือด แต่ตำรวจไม่เคยเรียกไปสอบปากคำเลย ยิ่งสร้างความกังขามากขึ้นเมื่อทราบว่ามีชื่อของตนเองไปให้ปากคำในสำนวนคดี ซึ่งตนยืนยัน 100 เปอร์เซ็นต์ว่าหลังจากพ่อถูกยิงเสียชีวิตก็ไม่เคยไปโรงพักเลย พร้อมให้พิสูจน์ลายชื่อในสำนวน จึงอยากให้มีการตรวจสอบการทำสำนวนคดีของพนักงานสอบสวนด้วย เพื่อความเป็นธรรมของครอบครัว แต่หลังจากนี้จะมีการเดินเรื่องต่อหรือไม่อย่างไรก็ต้องรอปรึกษากับครอบครัวอีกครั้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook