ป.ป.ช.เชือด ขวัญชัย ไพรพนา - อุทัย แสนแก้ว ผิดอาญา ตีม็อบพันธมิตรฯ
ป.ป.ช.มีมติไม่เอกฉันท์เชือด ขวัญชัย ไพรพนา - อุทัย แสนแก้ว ผิดอาญา ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบบุกทำร้ายม็อบพันธมิตรที่อุดรธานีฯ ขณะที่ผู้บังการตำรวจอุดรฯโดนผิดวินัยร้ายแรง ข้อหาปล่อยปละละเลย
นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีทำร้ายผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ จ.อุดรธานี จนทำให้มีการผู้เสียชีวิต 1 ราย เปิดเผยเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ภายหลังการประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ว่า ที่ประชุมได้ชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้แล้ว มีทั้งความผิดทางวินัย อาญา และความผิดฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในราชอาณาจักร โดยก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.ได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 7 ราย ประกอบด้วยผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี ผกก.จว.อุดรธานี ฯลฯ รวมถึง นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักอุดร และ นายอุทัย แสนแก้ว น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ด้วย แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าป.ป.ช.ชุดใหญ่ชี้มูลว่าใครมีการกระทำผิดบ้าง เนื่องจากอยู่ระหว่างการจัดทำเอกสาร และจะแถลงข่าวอีกครั้งในช่วงสายวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ว่า ในการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ได้มีมติด้วยเสียงไม่เอกฉันท์ว่า นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำชมรมคนรักอุดรฯและอดีตข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ นายอุทัย แสนแก้ว อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลไชยวาน น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนกรณีชมรมคนรักอุดรฯพร้อมอาวุธหลายชนิดบุกเข้าทำร้ายร่างกายในลักษณะหมายเอาชีวิตกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)ที่กำลังจัดเวทีปราศรัยต่อต้านรัฐบาลนายสมัครบริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2551
นอกจากนั้นยังมีมติว่า พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี มีความผิดวินัยร้ายแรงฐานร้ายแรง และ นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี(เกษียณอายุ)ผิดวินัยไม่ร้ายแรง ฯลฯในฐานะเจ้าของพื้นที่ได้ปล่อยปละละเลยให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในเรื่องนายขวัญชัยว่ามีความผิดทางอาญาฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่เพราะขณะเกิดเหตุเป็นข้าราชการการเมืองประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งส่วนที่เห็นว่า ไม่น่าจะมีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพราะมิได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการกระทำความผิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2551 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ตั้งอนุกรรมการไต่สวนเรื่องนี้ขึ้นมีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธานโดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาในกรณีที่ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนและกรณีมีผู้ไม่ประสงค์ออกนามส่งแผ่นดีวีดีบันทึกภาพเหตุการณ์กลุ่มประชาชนพร้อมอาวุธหลายชนิดบุกเข้าทำร้ายร่างกายในลักษณะหมายเอาชีวิตประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังจัดเวทีปราศรัยต่อต้านรัฐบาลบริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี กับพวก ในฐานะผู้รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดอุดรธานีได้ปล่อยปละละเลยให้กลุ่มประชาชนพร้อมอาวุธดังกล่าวเข้าทำร้ายร่างกายประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งที่ใช้สิทธิแสดงความคิดเห็นโดยสงบปราศจากอาวุธ เป็นเหตุให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บจำนวนมากอีกทั้ง ประชาชนหลายคนได้รับบาดเจ็บสาหัส
สำหรับ นายขวัญชัย นั้น นายสมัครมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 107/2551 แต่งตั้งนายขวัญชัย สาราคำหรือไพรพนาเป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีพร้อมกับบุคคลอื่นรวม 12 คนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2551ได้เงินเดือนตำแหน่งเทียบเท่าข้าราชการซี 8 จำนวน 27,000 บาท
ผบก.อุดรฯมึนถูกชี้มูลความผิด
พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ทราบมติ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด และย้อนถามผู้สื่อข่าวด้วยว่าชี้มูลว่าอย่างไร มีความผิดอาญาด้วยหรือไม่
"หน้ามาก่อน ประกอบกับมีภารกิจที่ ภ.จว.อุดรธานี เกี่ยวกับการรับเสด็จฯ ต่างจากเหตุการณ์วันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงที่ จ.อุดรธานี เพราะทราบล่วงหน้าจึงเตรียมการณ์ไว้ มติที่ออกมาคงมีผลกระทบหน้าที่การงานบ้าง คงต้องรอดูว่ามีรายละเอียดอย่างไร" ผบก.ภ.จว.อุดรธานีกล่าว
ขณะที่ นายขวัญชัย สาระคำ หรือไพรพนา กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "ทราบเรื่องแล้ว แต่ไม่อยากจะพูดอะไรตอนนี้"