ครูสาวยันไม่ได้ขืนใจ ซัดลูกศิษย์ บังคับ-แบล็กเมล์!!

ครูสาวยันไม่ได้ขืนใจ ซัดลูกศิษย์ บังคับ-แบล็กเมล์!!

ครูสาวยันไม่ได้ขืนใจ ซัดลูกศิษย์ บังคับ-แบล็กเมล์!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ครูสาววัย 29 เปิดใจยันไม่ได้ขืนใจลูกศิษย์ชายวัย 13 แต่ ยินยอมมีเพศสัมพันธ์เพราะทนเด็กรบเร้าไม่ไหว อ้างหลังเกิดเหตุโดนเด็กแบล็กเมล์หลับนอนซ้ำอีก 3 ครั้ง ไม่งั้นจะเอาเรื่องไปเล่าให้ครูกับเพื่อนๆฟัง พอความแตกก็อับอายเพราะถูกโรงเรียนตั้งกก.สอบจนต้องลาออก คิดไม่ถึงจะโดนตามจับ ก่อนยื่นหลักทรัพย์ 2 แสนประกันตัวออกไปทันที ขณะที่โรงเรียนต้นสังกัดรายงานศธ.แล้ว ปัดไม่รู้เรื่องครูสาว-ลูกศิษย์มีอะไรกันจนกระทั่งเรื่องแดง ครูก็ชิงลาออกไปแล้ว แฉครูสาวไปเที่ยวต่างจังหวัดกับครอบครัวของลูกศิษย์จนผู้ปกครองเห็นพฤติกรรมผิดสังเกตเลยสอบถามลูกจนรู้ความจริง ศธ.ล้อมคอกสั่งทุกโรงเรียนห้ามครูกับนักเรียนสอนพิเศษกับสองต่อสอง

จากกรณีตำรวจปดส.จับกุมน.ส.วรรณ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ครูภาษาอังกฤษโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งย่านยานนาวา กทม. กระทำอนาจารและขืนใจ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นป.6 โดยเหตุเกิดช่วงที่ด.ช.เอไปเรียนพิเศษที่ห้องพักของน.ส. วรรณจนเกิดการอนาจารขึ้น โดยผู้ปกครองของด.ช.เอเข้าแจ้งความตำรวจปดส.ให้ดำเนินคดี แต่น.ส.วรรณลาออกจากโรงเรียนไปก่อน จึงขออนุมัติหมายจับจากศาลและจับกุมตัวน.ส.วรรณได้ในที่สุด เบื้องต้นน.ส.วรรณระบุว่าด.ช.เอรบเร้าอยากมีสัมพันธ์ด้วยจึงยินยอม และมีเพศสัมพันธ์กันถึง 4 ครั้งกระทั่งมีเพื่อนครูทราบเรื่องและนำไปแจ้งทางโรงเรียนและผู้ปกครองของด.ช.เอ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 17 ก.พ. ที่บก.ปดส. พ.ต.อ.ณพวัฒน์ อารยางกูร ผกก.1 บก.ปดส. ได้สั่งการให้พ.ต.ท.มนัส ทองสีม่วง พนักงานสอบสวน (สบ 3) บก.ปดส. เบิกตัว น.ส.วรรณ (นามสมมติ) จากห้องขังของกองปราบปรามมาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างควบคุมตัวน.ส.วรรณ เดินจากตึกกองปราบปรามมายังตึกของ ปดส. ทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้เสื้อแจ๊กเกตสีดำคลุมศีรษะของน.ส.วรรณ เพื่อป้องกันการถูกถ่ายภาพจากสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามผู้ต้องหามีอะไรจะพูดบ้างหรือไม่ น.ส.วรรณกล่าวว่า เรื่องก็เป็นไปตามข่าวที่นำเสนอ แต่ตนยืนยันไม่ได้บังคับข่มขืนใจ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นไปด้วยความยินยอมพร้อมใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ก่อนเกิดเหตุด.ช.เอนั้นมาเรียนพิเศษกับตนที่ห้องพักสองต่อสอง เมื่ออยู่กันสองต่อสองเด็กได้รบเร้าขอมีเพศสัมพันธ์ ตนก็บอกไปว่าครูมีแฟนแล้ว แต่เด็กก็ยังรบเร้าจนเหตุ การณ์เกินเลยและเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

น.ส.วรรณกล่าวต่ออีกว่า ภายหลังเกิดเรื่องครั้งแรกแล้ว ลูกศิษย์คนนี้ก็พยายามติดต่อขอมีเพศสัมพันธ์กับตนอีก หากไม่ยอมจะนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปบอกเล่าให้อาจารย์และเพื่อนๆทราบ จึงต้องยอมไปมีเพศสัมพันธ์กับเด็กอีก 2-3 ครั้ง กระทั่งเรื่องกลับไปถึงหูอาจารย์คนอื่น ทางโรงเรียนได้ตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวน ทำให้เกิดความรู้สึกอับอายและเครียดมากก็เลยต้องลาออก และคิดว่าเรื่องจะจบ แต่กลับมาถูกจับกุมดังกล่าว

พ.ต.ท.มนัส ทองสีม่วง พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า เบื้องต้นจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้ความร่วมมือในการสอบปากคำเป็นอย่างดี โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาระบุว่าเด็กเป็นฝ่ายรบเร้าขอมีเพศสัมพันธ์ แต่ในแง่ของกฎหมายแล้วหากเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี แม้จะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ถือว่ามีความผิด อีกทั้งเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมอันดีระหว่างครูกับลูกศิษย์ ไม่สมควรจะเกิดเรื่องแบบนี้ในสังคมไทย โดยทางผู้ต้องหาได้ให้ญาติเตรียมเงินสดมา 2 แสนบาทเพื่อขอประกันตัวออกไป ซึ่งตำรวจให้ประ กันตัวผู้ต้องหาในชั้นสอบสวน เพราะไม่ใช่คดีร้ายแรง และผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกด้วยว่า จากการสอบ สวน ด.ช.เอ ให้การกับพนักงานสอบสวนไว้ก่อนหน้านี้ว่าเมื่อประมาณต้นเดือนธันวาคม 2551 ได้เกิดไปมีความสนิทสนมกับน.ส.วรรณที่สอนภาษาอังกฤษมากเป็นพิเศษ โดยครูสาวคนนี้นอกจากจะเป็นครูที่โรง เรียนแล้ว ยังเป็นครูสอนพิเศษอยู่ที่โรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่งด้วย ก่อนเกิดเหตุครูสาวได้ชักชวนไปเที่ยวที่ห้องพักภายในหอพักครู ระหว่างที่อยู่ในห้องพักก็มีการล่วงเกินกันจนถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์ นอกจากครั้งแรกแล้วยังมีครั้งต่อไปอีก 3 ครั้ง ภายหลังทางเพื่อนร่วมห้องรู้เรื่องจนคณะอาจารย์ภายในโรงเรียน และผู้ปกครองของด.ช.เอ จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนข้อเท็จจริง ส่วนผู้ปกครองของด.ช.เอเข้ามาแจ้งความกระทั่งได้มีการจับกุมน.ส.วรรณในเวลาต่อมา

วันเดียวกัน นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กล่าวว่า เพิ่งทราบตามที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อ กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นในโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านยานนาวา โดยในวันนี้ ผู้บริหารโรงเรียนดังกล่าวได้รายงานข้อมูลเบื้องต้นมายังสช.ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว โดยครูสาวได้สอนซ่อมเสริมให้กับนักเรียน ในช่วงหลังเลิกเรียน ซึ่งโรงเรียนเองก็ไม่ทราบว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองเกิดขึ้นเมื่อไร แต่หลังจากที่ทางครูและนักเรียนในโรงเรียนได้รู้เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสอง ครูสาวคนดังกล่าวได้หายตัวไป โดยแจ้งกับทางโรงเรียนว่าขอลาไปเที่ยวกับครอบ ครัวของเด็กผู้ชายคนดังกล่าว และหลังจากนั้นก็ไม่มาทำงานอีก กระทั่งโรงเรียนได้จำหน่ายชื่อออกจากระบบไปตามระเบียบ ซึ่งในช่วงที่ผู้ปกครองได้เข้าร้องเรียนต่อผู้บริหารโรงเรียนนั้น เป็นช่วงหลังจากที่ครูคนดังกล่าวออกไปแล้ว จึงยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ และนักเรียนชายก็ยังคงมาเรียนตามปกติ

"หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้นทางโรงเรียนไม่ได้แจ้งข้อมูลมายังสช. กระทั่งมาปรากฏเป็นข่าวขึ้น ผมจึงได้สั่งให้ทำหนังสือตักเตือนไปยังโรงเรียน ระบุว่าหากเกิดเรื่องในลักษณะนี้ขึ้น โรงเรียนจะต้องรายงานเข้ามายังสช.ทราบ รวมทั้งผมได้ตั้งคณะทำงานเข้าไปสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมแล้วด้วย นอกจากนั้นได้กำชับให้โรงเรียนมีระบบป้องกัน โดยเฉพาะการสอนพิเศษหลังเลิกเรียน ควรมีเวรยามดูแล ไม่ปล่อยให้ครูกับศิษย์อยู่ด้วยกันสองต่อสอง โดยเฉพาะครูและศิษย์ที่เป็นชายหญิง ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการกำชับไปยังโรงเรียนเอกชนอื่นๆ ด้วยเพราะโรงเรียนส่วนใหญ่ก็มีการเรียนการสอนซ่อมเสริมหลังเลิกเรียนด้วย ซึ่งจะต้องมีการป้องกันมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดเพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่แล้วจะไประวังปัญหาครูชายล่วงละเมิดศิษย์หญิงมากกว่า" นายบัณฑิตย์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสอบถามไปยังโรงเรียนเอกชนดังกล่าว ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล แจ้งเพียงว่าผู้บริหารโรงเรียนได้ทำหนังสือรายงานข้อเท็จจริงทั้งหมดให้กับผู้อำนวยการ สช.ได้รับทราบแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับหนังสือชี้แจงที่ทางผู้บริหารโรงเรียนดังกล่าวได้แจ้งมายังสช.นั้น ระบุว่า โรงเรียนมีมาตรการในการดูแลนักเรียนเป็นอย่างดี ในช่วงเย็นหลังเลิกเรียนมีครูคอยส่งเด็กกลับบ้านทุกคน รวมทั้งมีครูและมีเวรยามคอยดูแลทุกชั้นเรียน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางโรงเรียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นความสัมพันธ์ส่วนบุคคลและไม่ได้เกิดขึ้นในโรงเรียน โดยทางผู้ปกครองของนักเรียนชายคนดังกล่าวได้เข้าร้องเรียนกับทางผู้บริหารโรงเรียนเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2551 ระบุว่า เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2551 ครูสาวคนดังกล่าวได้ขอตามไปเที่ยวต่างจังหวัดกับครอบครัวของนักเรียนชาย กระทั่งผู้ปกครองเห็นพฤติกรรมที่ผิดปกติ จึงสอบถามเด็กจนทราบความจริง ซึ่งขณะที่ผู้ปกครองได้เข้าแจ้งข้อมูลกับทางโรงเรียนนั้น ครูสาวคนดังกล่าวก็ไม่ได้มาทำงานตามปกติแล้ว โรงเรียนจึงได้จำหน่ายชื่อครูออกไปตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ในส่วนของนักเรียนยังคงมาเรียนหนังสือตามปกติ

ด้านนายอิสสระ สมชัย รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ให้สัมภาษณ์เรื่องเดียวกันว่า หากดูจารีตประเพณีเรื่องเช่นนี้ไม่น่าเกิดขึ้นในสังคมไทย ทุกวันนี้สังคมเปลี่ยนแปลงไปมากจากปัจจัยแวดล้อมหลายอย่าง ทำให้สังคมไทยเพี้ยนไปจากอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของคุณธรรมจริยธรรม การรู้จักผิดชอบชั่วดี เรากำลังลืมนึกถึงศีลธรรมที่ดีงาม ซึ่งเดิมจะมีแต่ชายข่มขืนหญิง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากแล้ว แต่กรณีนี้เป็นหญิงข่มขืนชาย มิหนำซ้ำเป็นการข่มขืนเด็กชายที่มีอายุเพียง 13 ปี ยังถือว่าอ่อนด้อยไร้เดียงสามาก เมื่อเทียบกับครูที่มีอายุมากกว่ามาก และยังเป็นลูกศิษย์ของตนเอง แทนที่ครูจะเป็นฝ่ายสอนศีลธรรม ความรู้ กลับเป็นฝ่ายที่ทำร้ายศิษย์เสียเอง เรื่องเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคม

นายอิสสระกล่าวอีกว่า การป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคตต้องทำให้ประชาชนมีจิตสำนึกที่ดี โดยหน่วยงานต่างๆทั้งกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องควรเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา โดยเร็วๆนี้กระทรวงพม.จะเป็นเจ้าภาพในการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาระดมความคิดเห็นร่วมกันเพื่อหาวิธีในการกระตุ้นเตือนคนในสังคมให้คำนึงถึงสำนึกรับผิดชอบชั่วดี

ด้านนายสุจิตต์ ไตรพิทักษ์ รองผอ.สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (พม.) กล่าวว่า กรณีนี้ไม่ว่าเด็กชายจะสมยอมหรือไม่ ผู้หญิงก็ผิดเนื่องจากกระทำต่อเด็กชาย เช่นเดียวกับที่ผู้ชายกระทำต่อเด็กหญิง เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งต้องเร่งดำเนินการฟื้นฟูจิตสำนึกที่ดีของคนไทย เปิดเวทีกระตุ้นคุณธรรมของคนในสังคมให้มากขึ้น โดยการสนับสนุนให้มีการผลิตสื่อที่สะท้อนเรื่องเกี่ยวกับบาปบุญคุณโทษ เพื่อให้คนในสังคมรับรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจริง และไม่กล้าที่จะกระทำความผิด รวมทั้ง วัดหรือศาสนสถานต้องปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเข้าไปเรียนรู้เกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม ไม่ใช่ส่งเสริมให้คนเข้าวัดเพียงเพราะไปถวายสังฆทานเท่านั้น ซึ่งอาจจะเชิญปราชญ์ชาวบ้านหรือคนที่คนในพื้นที่ให้การเคารพนับถือมาเล่าประสบการณ์และสั่งสอนเรื่องของคุณธรรมจริยธรรมให้มากขึ้น

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook