รักเพื่อรัก ...จะแปลกทำไม เมื่อชายรักชาย และหญิงรักหญิง

รักเพื่อรัก ...จะแปลกทำไม เมื่อชายรักชาย และหญิงรักหญิง

รักเพื่อรัก ...จะแปลกทำไม เมื่อชายรักชาย และหญิงรักหญิง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ความรัก เป็นสิ่งที่สวยงาม และก็ไม่ได้มีแต่ความรักของพ่อแม่ เพื่อน หรือแบบคนรักเท่านั้น เพราะทุกวันนี้ความรักมีได้หลากหลายรูปแบบ ไม่จำกัดอายุ ความสูง น้ำหนัก หรือแม้แต่ในเรื่องของ เพศ ก็ตาม!

"เพศที่ 3" หลายคนรู้จักกันดี เช่น ทอม ดี้ เกย์ เลสเบียน ฯลฯ กลุ่มคนเหล่านี้เป็นคนรักเพศเดียวกัน ซึ่งบางคนมองว่าเป็นเรื่องที่ผิดธรรมชาติ และยอมรับไม่ได้กับพฤติกรรมดังกล่าว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนเช่นกัน ที่มองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาเป็น

"หน่อย" กนกพร ประทีปทอง อายุ 40 ปี พนักงานของโรงแรมแห่งหนึ่ง เป็นคนหนึ่งที่มีความรักในรูปแบบนี้ ได้บอกเล่าถึงชีวิตครอบครัวที่ผ่านมาว่า "ก่อนหน้านี้เคยมีสามีมาก่อน และมีลูกด้วยกันหนึ่งคน ตอนแรกชีวิตคู่ก็มีความสุขดี แต่พออยู่กันไปนานๆ ชีวิตคู่ก็ไม่ราบรื่น ส่วนฝ่ายชายไม่มีความรับผิดชอบ จนทำให้รู้สึกแย่ เลยคิดว่าชีวิตคู่ของเราคงจะไปไม่รอดอยู่กันไปก็ทะเลาะกัน เลยแยกทางกับสามี" หญิงวัยกลางคนเล่าเสียงราบเรียบ

หน่อยยังพูดถึงการเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับแฟนคนปัจจุบันที่เป็นผู้หญิงให้ฟังว่า

"ได้รู้จักกัน เพราะบ้านอยู่ใกล้กันเดินผ่านทุกวัน เขาขายของ ส่วนเราทำงาน เวลาเจอกันก็ทักทายพูดคุยกัน และเขาก็เคยมีสามีและลูกเหมือนเรา พอมีปัญหาอะไรก็ต่างปรึกษากัน จากนั้นเลยสนิทกันมาเรื่อยๆ และได้มาเป็นคนที่รู้ใจกัน แต่บางครั้งอยู่ด้วยกันก็มีทะเลาะบ้าง เช่น เรื่องครอบครัว แต่ไม่ถึงขั้นรุนแรง ส่วนเวลางอนกัน สักพักก็หันหน้าเข้าหากัน ปรับความเข้าใจกัน และคุยกันด้วยเหตุผลไม่ใช้อารมณ์"

มาถึงตรงนี้ คงอยากรู้ว่าทำไมพวกเธอถึงมารักกันได้

"เพราะว่านิสัยเราคล้ายกันมั้ง ต่างคนก็ต่างเข้าใจกัน พอได้มาเจอเขาก็รู้สึกว่าชีวิตเราดีขึ้นไม่เหมือนก่อน เพราะเขาสามารถให้คำปรึกษาให้กำลังใจมาตลอดเวลาที่เราท้อแท้ คนอื่นจะคิดยังไงเราไม่รู้ แต่ว่ารู้เข้าใจกันก็พอแล้ว และอยากให้ทุกคนเข้าใจ เพราะเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่มีใครสามารถบังคับใจใครได้"

แม้ว่าจะรับซึ่งกันและกันได้ แต่กระนั้น ใช่ว่าชีวิตคู่จะราบเรียบ หน่อยบอกว่ามีปัญหาในเรื่องการยอมรับของครอบครัวและสังคมเหมือนกัน

"เราคบกันมา 4 ปีกว่า ช่วงแรกๆ ที่คบกันทางบ้านก็รับไม่ได้ ทุกวันนี้ก็ยังไม่เต็มร้อย ส่วนอีกฝ่ายไม่มีปัญหาเขารับได้และเข้าใจ ทางบ้านเราก็พยายามพูดให้เขาเข้าใจในตัวเรามากที่สุด ส่วนลูกตอนนี้อายุ 6 ขวบ ยังเด็กอยู่ก็เลยยังไม่รู้เรื่อง แต่พอเขาโตขึ้นจะอธิบายให้เขาเข้าใจ ถึงตอนนั้นลูกจะรับได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะเข้าใจเรามากแค่ไหน"

ถึงวั้นนี้หน่อยและแฟนจึงยังตอบไม่ได้เต็มปากกว่าอนาคตของเธอทั้งสองจะเป็นอย่างไร เพราะไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

"แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด อยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจกัน มีความรู้สึกดีๆ ให้แก่กันก็พอ ตามหลักความเป็นจริงเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ผิดปกติ แต่ทุกวันนี้สังคมก็เริ่มที่จะยอมรับได้แล้ว มีหลายคู่ที่เป็นแบบนี้และก็อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าก็มี อีกอย่างก็อยู่ที่ใจของคนทั้งสองคนด้วย ก็อยากให้คนในสังคมยอมรับในความเป็นตัวเรามากขึ้นกว่านี้" หน่อยพูดทิ้งท้าย

ลองมาฟัง เขมณัฏฐ์ รณรัตน์ ผู้บริหารนิตยสาร @ TOM ACT หนังสือเกี่ยวกับหญิงรักหญิง กูรูอีกคนที่เข้าใจธรรมชาติของพวกเธอ เขาเล่าถึงความเป็นมาของการทำหนังสือเล่มนี้ว่า

"อยากที่จะทำหนังสือแนวนี้มานาน 10 ปีแล้ว พอมีโอกาสก็ได้ทำ และถือว่าเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่ทำหนังสือเกี่ยวกับทอมดี้คือ จริงๆ ถนัดอาร์ต แล้วพอดีได้ไปเที่ยวปาร์ตี้ทอม ดี้ พอได้เห็นแล้วก็สงสารเด็กเขาไม่มีผู้นำที่จะเป็นแนวทางที่ดี เลยคิดทำหนังสือขึ้นมาไม่ได้คิดว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร แต่จะพยายามทำให้ออกมาให้ดีที่สุด และอยากให้ผู้ปกครองได้อ่านด้วย แต่ถ้าสังคมภายนอกมองพวกเราดีขึ้นก็ถือว่าเป็นผลพลอยได้"

หลังจากเขมณัฏฐ์ ทำหนังสือมาได้ 1 ปี กระแสตอบรับเกินคาด แม้จะเป็นหนังสือเฉพาะกลุ่มก็ตาม

ส่วนมุมมองความรักของเพศที่ 3 ผู้บริหารหนุ่มบอกว่า "เหมือนกับผู้หญิงผู้ชายรักกัน เพราะคนเป็นทอมคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายต้องรักกับผู้หญิง แต่มันจะยั่งยืนหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจซึ่งกันและกัน แต่ก็จะมีเรื่องของความมั่นคง ไม่มีหลักให้เราผูกพันกันได้เหมือนเท่ากับผู้ชาย"

ด้าน มารุต ประเสริฐศรี หรือ "หนุ่ม" บรรณาธิการนิตยสาร @ TOM ACT เสริมถึงมุมมองความรักในรูปแบบนี้ว่า

"ความรักของทอม ดี้ ก็เหมือนกับคนอื่นทั่วไป มีทั้งรักเร็ว เลิกเร็ว และสังคมนี้มันแคบ จริงๆ แล้วจะมองว่าทอมเข้าใจผู้หญิงมากกว่าผู้ชายก็มีส่วน เพราะทอมมีความเป็นผู้หญิงเหมือนกัน จึงมีความเข้าใจมากกว่า เช่น เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้ชายมองข้าม แต่เขาสามารถรับรู้และเข้าใจซึ่งกันและกันได้มากยิ่งขึ้น คนอาจคิดว่าในสังคมตอนนี้ยอมรับและเปิดกว้างมากขึ้นแล้ว แต่จริงๆ ยังไม่ยอมรับและยังไม่เปิดหรอก อย่างเช่น โฆษณาในหนังสือนี้ เวลาเราไปขอโฆษณาอย่างนี้ เขาก็บอกว่าเราไม่ตรงกับคอนเซ็ปต์ของเขาบ้าง แล้วทอม ดี้ อยู่ตรงไหนในสังคม แต่ว่าก็มีบางครอบครัวที่เปิดรับ ยอมรับลูก การที่ลูกเป็นอย่างนี้ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งก็มาจากเรา ลูกจะเป็นยังไงก็ตาม ยังไงก็คือลูกเรา"

หนุ่มยังได้ฝากถึงความรักของทอม ดี้ รุ่นใหม่ว่า อยากให้ค่อยๆ คบกันให้แน่ใจก่อน ดูว่าเราเข้ากันได้ไหม แล้วค่อยพัฒนาไปเรื่อยๆ ดีกว่า อย่าคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเสียหายแล้วเราสามารถเปลี่ยนแฟนบ่อยๆ ได้

"อยากให้ทุกคนเปิดใจ อย่าตัดสินกันแค่ภายนอก เราอยากให้คนที่เขาแอนตี้มาสัมผัสตัวตนของเราก่อน" หนุ่มฝากคำเตือน

ลองมาฟังความคิดเห็นจากนักจิตวิทยาเกี่ยวกับเรื่องนี้กันบ้าง...วัลลภ ปิยะมโนธรรม ที่ปรึกษาพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ ประสานมิตร ได้อธิบายว่า "โลกเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ผู้หญิงครองโลก ในอนาคตผู้หญิงจะเป็นผู้นำ เนื่องจากปัจจุบันผู้หญิงใช้สมองมากกว่าผู้ชายทุกอย่าง และสาเหตุส่วนใหญ่ที่มีการเปลี่ยนแปลงก็มาจากการเลี้ยงดูและความแปรปรวนในโลก ซึ่งสาเหตุเหล่านี้มีไม่ต่ำกว่า 50 สาเหตุ"

ทั้งนี้นักจิตวิทยาคนเดิมยังบอกว่า ในสังคมนั้นคิดว่ายังไงมนุษย์หรือพ่อแม่ก็ยังไม่มีการยอมรับในเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่คนทั่วไปอาจจะยอมรับ ทางออกก็คือต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระแสต่อไป เพราะยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook