โจรใจบาปลักองค์พระวัดพระศรีสรรเพชญ์กลางวันแสกๆ
ขโมยกลางวันแสกๆ พบคนร้ายใช้ชะแลงงัดองค์พระจนแตก ก่อนอุ้มไปทิ้งไว้แค่ฐาน เร่งหาภาพคนร้ายจากวงจรปิด
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 18 ก.พ. นายจิระศักดิ์ อรุณรัตน์ อายุ 35 ปี เจ้าพนักงานดูแลรักษาโบราณสถานอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กรมศิลปากร ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.จักรพันธ์ ธูปเตมีย์ พนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ว่ามีพระพุทธรูปหายไป 1องค์ที่บริเวณวิหารลาย ในวัดพระศรีสรรเพชญ์ ภายในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ต.ประตูชัย จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบพระประธานเป็นพระพุทธรูปเนื้อหินทราย ปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 120 ซม. สูง 150 ซม. ที่ตั้งอยู่ภายในวิหารลายถูกคนร้ายยกส่วนตัวองค์พระไป เหลือไว้แต่ฐานซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้แยกได้สามส่วน คือส่วนฐาน ส่วน องค์พระ และส่วนพระเศียร ซึ่งทางกรมศิลปะเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ ใก้ลกันที่วิหารลายอีกหลังพบว่าที่พระพุทธรูปแบบเดียวกันที่ถูกโจกรรมไป มีร่อยรอยคนร้ายใช้ชะแลงงัดตัวองค์พระจนหินทรายแตกหักตกอยู่แต่คนร้ายไม่สามารถเอาองค์พระไปได้
นายสมโชค เมฆะภูติ อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อุทยานประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา ผู้พบเห็นว่าพระพุทธรูปถูกโจรกรรม เมื่อเวลา 12.00 น. ให้การว่า เมื่อหลังพบเห็นจึงรีบรายงานให้หัวหน้าทราบ ปรกติเจ้าหน้าที่ รปภ.ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ จะมี 3 ชุด ชุดละ 3 คน เดินออกตรวจทั่วบริเวณ ก่อนที่จะพบว่าพระพุทธรูปหายไปตนได้เดินเท้าไปตรวจสอบอยู่ที่จุดอื่นแล้วย้อนกลับมาจุดที่เกิดเหตุ ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้าพระพุทธรูปองค์นี้ยังอยู่ใกล้ๆวิหารลาย มีกล้องวงจรปิดตั้งอยู่ สำหรับจุดที่ตั้งของพระในวิหารนี้ไม่รู้ว่ากล้องจะบันทึกภาพได้หรือไม่
นายอเนก สีหามาตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าพระพุทธรูปองค์นี้องค์พระเป็นเนื้อหินทรายผสมกับศิลาแรง ฉาบด้วยปูนปั้น สร้างในสมัยต้นๆกรุงศรีอยุธยา มีอายุ ประมาณ 600 กว่าปี เป็นพระปางมารวิชัย ส่วนที่หายไปมีน้ำหนักประมาณ 100 กก. เชื่อว่าคนร้ายที่ลักเอาองค์พระไป คงจะเอาไปประกอบเป็นองค์พระเต็มรูปจนสมบูรณ์ทั้งองค์ แล้วนำไปขายในตลาดค้าวัตถุโบราณและยังได้รับการายงานว่าท่อน้ำประปาซึ่งเป็นดินเผาสมัยกรุงศรีอยุธยาใกล้กับพลับพลาตรีมุข บางจุดได้หายไป
พ.ต.อ.สมบัติ กล่าวว่า จุดที่เกิดเหตุเป็นบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มีรั้วกันรอบๆและมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตรวจอยู่ลอดเวลาถึงวันละ 3 ชุด เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบภายในได้ได้แต่ตรวจอยู่รอบๆบนถนน ดูจากจุดที่เกิดเหตุคนร้ายน่าจะใช้รถยนต์กระบะเป็นพาหนะมาจอดอยู่ใกล้ๆ โดยอาจจะมีคนร้ายถึง 5-6 คน ช่วยกันยกเพราะองค์พระมีน้ำหนักมาก หลังเกิดเหตุได้ระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 30 นาย กระจายกำลังเดินค้นหาจนทั่วบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากมูลนิธิและหน่วยกู้ภัย นำชุดประดาน้ำลงงมภายในคลองท่อหลังอุทยานประวัติศาสตร์ ซึ่งมีระยะทางยาวกว่า 3 กม. จนถึงขณะนี้ยังไม่พบ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างละเอียดอีกครั้ง