พบแล้ว สาวขายพวงมาลัยหายตัว แม่เผยปมชีวิตสุดดราม่า

พบแล้ว สาวขายพวงมาลัยหายตัว แม่เผยปมชีวิตสุดดราม่า

พบแล้ว สาวขายพวงมาลัยหายตัว แม่เผยปมชีวิตสุดดราม่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ความคืบหน้ากรณีญาติ น้องก้อย แม่ค้าขายพวงมาลัย วัย 24 ปี ชาวราชบุรี เข้าแจ้งความหลังหายตัวลึกลับนานกว่า 3 วัน จากบริเวณที่ได้หายตัวออกไปจากจุดที่ขายพวงมาลัยประจำ ที่บริเวณสี่แยก ถนนเพชรเกษม ราชบุรี – เขางู หรือที่เรียกกันว่าแยกนิสสัน เมื่อเวลา 21.30 น. ของวันที่ (25 มิ.ย.) ที่ผ่านมา

ล่าสุด (29 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางมาลัย อายุ 63 ปี แม่ของน้องก้อย เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.00 น. ลูกสาวได้ใช้หมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัวติดต่อกลับมายังที่บ้าน พร้อมทั้งระบุว่า ต้องขออภัยที่ทำให้เป็นห่วง ตนปลอดภัยดี มีปัญหาส่วนตัวและอยากเริ่มต้นใหม่ จึงตัดสินใจไปและไม่ได้บอกใคร

ทั้งนี้ ตนเองอยากฝากขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจและช่วยกันแจ้งเบาะแสต่างๆ โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่ช่วยกันนำเสนอข่าว ซึ่งตนเองก็อยากฝากบอกลูกสาวว่า อยากให้กลับมาหาแม่เพราะยังเป็นห่วงอยู่ ยังไม่เห็นตัวลูกสาวได้แต่ยินเสียง มีปัญหาอะไรก็กลับบ้านมาคุยกัน มีติดขัดอะไรจะได้เข้าใจกัน ลูกจะได้ไม่ต้องน้อยใจ พี่ชายเขาก็รักก้อย ทุกคนก็รักก้อยหมด เพราะทั้งพ่อและแม่รวมไปถึงทุกๆ คนเป็นห่วงลูก “แม่รักลูกนะ”

ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. Facebook ของ สภ.เมืองราชบุรี ได้เผยแพร่ภาพพร้อมข้อความว่า น้องก้อย ได้ติดต่อมาทางชุดสืบสวน สภ.เมืองราชบุรี เพื่อขอพบ พ.ต.อ.อภิชาต พุทธบุญ ผกก.สภ.เมืองราชบุรี โดยระบุว่าตนเองได้ติดตามข่าวสารจากสื่อมวลชนว่าตนเองได้หายตัวไปนั้น

จึงอยากจะเดินทางมาพบเพื่อแจ้งให้ทราบว่าตนมีปัญหาเข้าใจผิดเล็กน้อย ต้องการความเป็นส่วนตัว จึงได้ออกจากบ้าน โดยไม่ได้แจ้งให้พ่อแม่หรือญาติพี่น้องทราบ จึงเกิดความเข้าใจผิด วันนี้จึงเดินทางมาแจ้งข้อเท็จจริงให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเพื่อเป็นสื่อกลาง พร้อมทั้งขอโทษในสิ่งที่ตนเองกระทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง

โดยที่น้องก้อยได้นำพวงมาลัยมามอบให้กับทาง พ.ต.อ.อภิชาต พุทธบุญ ผกก.สภ.เมืองราชบุรี เพื่อเป็นการแสดงความรู้สึกขอโทษผ่านไปถึงทุกๆท่านที่เป็นห่วงตนเอง โดยทาง พ.ต.อ.อภิชาต ได้เป็นตัวแทนรับและกล่าวคำชี้แนะและให้แง่คิดในการดำเนินชีวิตว่า ปัญหาทุกอย่างมันมีทางออก เราต้องกล้าที่จะพบและสู้กับปัญหา และเราค่อยหาทางแก้ไข

การที่เราหนีปัญหาเรายังมีอีกหลายๆ คนที่เป็นห่วงเรา เพราะฉะนั้นการจะทำอะไรขอให้เราคิดถึงคนข้างหลังอย่าคิดถึงตัวเราเอง วันนี้ดีใจที่น้องก้อยปลอดภัยและไม่เป็นอะไร ซึ่งทุกคนเป็นห่วงเกรงว่าจะเกิดอันตรายที่มันไม่ปลอดภัยสำหรับน้องก้อย

วันนี้น้องมาด้วยความปลอดภัยและก็มาบอกปัญหา ซึ่งเป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆ ซึ่งในชีวิตเราต้องเจออีกเยอะ เพราะฉะนั้นเรื่องเล็กๆน้อยเราค่อยแก้ปัญหา อย่าหนีปัญหา มีความสุขกับชีวิต เรายังมีพ่อมีแม่มีพี่มีอะไรก็ปรึกษาผู้ใหญ่แล้วชีวิตจะสมหวัง

ด้าน น้องก้อย ได้กล่าวแสดงความรู้สึกขอโทษต่อครอบครัวและสังคมว่า ที่ออกไปต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะที่ทำให้เป็นห่วงตนเองไม่ได้ตั้งใจ แค่อยากออกไปตั้งตัวใหม่ค่ะ ก็อยากฝากน้องๆ ด้วยนะคะใครที่อยากทำแบบตนเองก็ขอให้คิดทบทวนดูก่อน ให้บอกพ่อบอกแม่บอกคนที่เป็นห่วงก่อนนะคะ ก่อนที่จะทำอะไร

ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงความรู้สึกของ นางมาลัย ผู้เป็นแม่ เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 17 ปี ไม่เคยได้กอดลูกเลย ด้วยความที่ฐานะครอบครัวตอนนั้นยากจน ตนเองกับสามีผู้เป็นพ่อของน้องก้อยต้องออกไปทำมาหากิน เริ่มแรกจากการเลี้ยงกบเมื่อปี 2539 และเกิดประสบปัญหากับน้ำท่วม ทำให้การเลี้ยงกบประสบปัญหาขาดทุนและต้องเลิกไป และหันไปขับรถขายแตงโมตามต่างจังหวัด จะกลับบ้านก็นานๆครั้ง จึงไม่มีเวลาที่เลี้ยงดูแลลูกทั้งสองคน

ซึ่งตนเองก็มีลูกเพียงสองคนโดย เก่งเป็นลูกชายคนโต ส่วน ก้อยเป็นลูกสาวคนเล็ก ทำให้น้องก้อยขาดความอบอุ่นจากพ่อและแม่ เพราะด้วยเหตุผลที่ครอบครัวเราฐานะยากจนจริงๆ หลังจากที่ขายแตงโมมาประมาณ 10 ปี ก็ได้กลับมาเลี้ยงกบ ปลูกมะลิ อยู่กับบ้าน ฐานะก็พอขยับขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ทว่าตอนนั้นน้องก้อยก็เข้าเรียนมหาลัยแล้ว และย้ายออกไปอยู่กับเพื่อนหรือคนสนิท

พ่อกับแม่ก็พอส่งเสียให้เรียนได้บ้าง แต่ก็บอกกับลูกว่าพ่อแม่อาจจะไม่มีเงินส่งให้เรียน ก้อยจึงตัดสินใจที่จะออกหางานทำเพื่อหาเงินที่จะไปส่งเสียตัวเองให้เรียนจนจบ โดยงานแรกที่ไปทำเป็นพนักงานอยู่ที่บริษัททำเส้นไวไวแห่งหนึ่งที่อำเภอบ้านโป่ง เข้างาน 6 โมงเช้าเลิกก็ 6 โมงเย็น แต่ก็ทำไม่ไหวจึงได้ออกมาบอกให้แม่ทำพวงมาลัยให้เพื่อที่จะลองนำไปขาย และก็ทำเรื่อยมาจนเลยจบชั้นปริญญาตรี ซึ่งตนเองก็ภาคภูมิใจในตัวลูกนะ แต่เสียใจตัวเองที่ไม่ได้มอบความรักความอบอุ่นให้ลูกเลย

นางมาลัย กล่าวต่ออีกว่า ก่อนวันที่น้องก้อยจะหายตัวไป เขามาเอาของทำพวงมาลัย และเงินมาให้ แม่อยากจะกอดลูกแต่ก็ไม่กล้า เนื่องจากตนเองไปเลี้ยงไก่บ้างไปในไร่บ้างมันเหม็นเหงื่อแล้วเดี๋ยวเขาจะไปขายพวงมาลัยก็ไม่อยากให้ตัวเขาเหม็นก็ไม่ได้กอด

แต่วันนั้นเป็นอะไรก็ไม่รู้ อยากกอดเขามากก็มองตัวมีแต่เหงื่อก็เลยไม่ได้กอด พอเขาหายไปก็เหมือนมีอะไรว่าให้เราคิดถึงว่าตรงนี้หรือเปล่า ก็เลยให้พี่ชายเขาตามหาเพราะว่าแม่นอนไม่หลับเลย กินก็ไม่ได้นอนก็ไม่หลับ

ตอนที่เขาเขาโทรกลับมาวันนี้ เหมือนยกอะไรออกไปจากอกหลายๆอย่าง มีแต่ความดีใจ คิดว่าลูกยังดีนะที่ไม่คิดสั้นไม่คิดว่าแม่ไม่รัก อยากจะบอกว่าลูกจะเป็นอย่างไรให้กลับมาหาแม่อย่างเดียว แม่ไม่ว่าลูกซักคำ ไม่ต่อว่าลูกให้ลูกกลับมาหาแม่ แม่จะสร้างฐานะให้ลูกอย่างเดียว แม่จะไม่พูดถึงที่ผ่านมาแม่จะให้ลูกพูดถึงวันข้างหน้า แม่อยากบอก “แม่รักลูกสุดๆ เท่าที่แม่ยังมีลมหายใจอยู่ ถ้าแม่ขาดลมหายใจไปคือวันนั้นแม่ไม่ได้รักลูกแล้ว”

ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงเรื่องสุขภาพตอนนี้ นางมาลัยเล่าให้ฟังว่า ตนเองสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเพราะเป็นมะเร็งเต้านมและตัดมา 6 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงต้องเฝ้าระวังอยู่ อีกทั้งยังเป็นเส้นเลือดตีบคือจากการให้ยาที่รักษามะเร็ง และก็เป็นโรคหัวใจ ความดันสูง แต่ก็ยังสู้

เมื่อตอนที่ให้ยารักษามะเร็งตนเองก็ไม่อยากทานให้ครบตามที่หมอนัด อยากที่จะตายไป เพื่อที่จะไม่ให้ทุกคนลำบาก แต่เมื่อนึกถึงหน้าลูกยังไงก็ต้องสู้ อยากจะอยู่กับลูกไปนาน ถ้าตนเองตายไปแล้วก็ไม่ได้เจอได้เจอกันอีก ก็สู้สุดๆ ทุกวันนี้ก็ยังคงทำงานเหมือนเดิมแม่จะเหนื่อยเพียงไรก็ตาม ขอเพียงให้ลูกทั้งสองคนได้สบาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook