ตะลุยข่าว-ครูสาว-ลูกศิษย์หนุ่มสัมพันธ์ไม่ลับ...ครูสาวกับศิษย์เด็ก

ตะลุยข่าว-ครูสาว-ลูกศิษย์หนุ่มสัมพันธ์ไม่ลับ...ครูสาวกับศิษย์เด็ก

ตะลุยข่าว-ครูสาว-ลูกศิษย์หนุ่มสัมพันธ์ไม่ลับ...ครูสาวกับศิษย์เด็ก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อ้ำอึ้งกันไปทั้งสังคมไทยกับข่าวครูสาววัย 29 มีอะไรๆ กับลูกศิษย์วัยหนุ่มต้นๆ นมยังไม่ทันแตกพานดี แถมเกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้ง เกินกว่าจะพูดได้ว่าเกิดจากความพลั้งเผลอ

ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ดีเท่ากับครูสาวกับลูกศิษย์หนุ่ม เนื่องจากเหตุเกิดในที่รโหฐานตามลำพังสองต่อสอง มีเพียงพยานแวดล้อมเท่านั้น ที่ชี้ให้เห็นว่าทั้งสองมีสัมพันธ์กันลึกซึ้งมากกว่าคำว่าลูกศิษย์กับอาจารย์ !?!

"คม ชัด ลึก" มุ่งหน้าไปที่หอพักแห่งหนึ่งย่านบางโพงพาง กรุงเทพฯ ไม่ไกลจากโรงเรียนของทั้งสองมากนัก หอพักขนาด 5 ชั้น มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลอยู่ด้านล่าง 1 คน ใต้ถุนมีม้าหินอ่อนตั้งอยู่ แต่ก็ลึกเข้าไปในมุมมืด พ่อค้าแม่ขายละแวกนั้นต่างจับกลุ่มพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างครูและลูกศิษย์...ภายในหอพักนี้

มีอยู่ครั้งหรือสองครั้งที่มีชาวบ้านเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งพอรู้คร่าวๆ ว่าเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนไม่ไกลจากหอพักนัก ขี่รถจักรยานยนต์กลับมาโดยมีชายร่างใหญ่ซ้อนท้าย รปภ.ถึงกับใช้คำว่าผู้ใหญ่ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดถึงตัดผมสั้นเกรียนและหอบหนังสือติดมือกลับมา

"เอ ไม่รู้ว่าใช่เธอหรือเปล่านะ" รปภ.พยายามนึกภาพทั้งสอง

ออกจากหอพักมุ่งหน้าไปโรงเรียน จนถึงวันนี้แล้วเรื่องสัมพันธ์นอกจารีตนี้ก็ยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์และพูดถึงในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่ค้าขายขนมหน้าโรงเรียน

เธอทั้งหลายเล่ากันอย่างสนุกปากว่า เรื่องนี้เป็นที่โจษจันไปทั่วโรงเรียนมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เริ่มจากในหมู่เด็กนักเรียนก่อน จากนั้นก็ไปเข้าหูครูบาอาจารย์ และขยายไปสู่ในหมู่ผู้ปกครอง แม้กระทั่งแม่ค้าขายขนมละแวกโรงเรียน

เรื่องมีอยู่ว่า ?

ครูสาวสอนภาษาอังกฤษ อายุ 29 ปี จะเรียกว่าสาวก็ยังสาว หรือจะเรียกว่าเริ่มก้าวเข้าสู่การเป็นสาวใหญ่ก็ได้ สอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนนี้มาได้ 3-4 ปีแล้ว มีความสนิทสนมกับลูกศิษย์คนหนึ่งวัย 13 ปี แม้อายุจะยังน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกันแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นเด็กตัวโต ล่ำสัน สูงใหญ่ เกินกว่าเด็กวัยเดียวกัน จนอาจเรียกได้ว่าเข้าขั้นหนุ่มน้อย ความสนิทสนมนี้จึงดูไม่เหมาะนักในสายตาคนทั่วไป

แม่ค้าขายขนมเล่าอย่างสนุกปากว่า ครูสาวแสดงความสนใจลูกศิษย์หนุ่มมากเป็นพิเศษ และบางเวลาแสดงออกมาในลักษณะประเจิดประเจ้อ ถึงขนาดหอมแก้มลูกศิษย์กลางที่สาธารณะ บ้างก็ว่าจับมือถือแขน จนผิดวิสัยของครูพึงกระทำต่อศิษย์ บ้างก็ว่าขี่รถจักรยานยนต์ไปรับไปส่งเรียนพิเศษที่สถาบันแห่งหนึ่งด้วยตัวเอง ทั้งที่เธอก็มีแฟนเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนเดียวกันนี่เอง

ระยะหลังๆ เมื่อเสียงโจษจันเริ่มดังเข้าหูผู้ปกครองคู่กรณี แม่ของเด็กจึงพยายามกันลูกชายออกมา

นั่นคือสิ่งที่เขาเล่ากัน ว่ากันว่า จากปากหนึ่งสู่หูหนึ่ง และอีกปากสู่อีกหลายๆ หู กระทั่งวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา เมื่อเสียงที่เคยกระซิบกระซาบกลายเป็นพูดคุยกันอย่างคะนองปาก โรงเรียนจึงตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนและครูสาวตัดสินใจยื่นใบลาออก ก่อนจะมาจบลงตรงที่เป็นคดีความในเวลาต่อมา

"คม ชัด ลึก" มุ่งหน้าไปต่อที่สถาบันสอนภาษาที่เด็กหนุ่มเรียนพิเศษอยู่ พบเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ซึ่งยืนยันได้ว่า ครูสาวเทียวรับเทียวส่งเด็กชายจริง จนเขาเข้าใจว่าเป็นแม่ลูกกัน กระทั่งมาปรากฏเป็นข่าวใหญ่โตถึงได้รู้ว่า ทั้งสองเป็นเพียงครูสาวกับลูกศิษย์หนุ่ม !?!

ความรักและสัมพันธ์เพศระหว่างชายหญิงไม่ใช่สิ่งผิด หากว่าเขาและเธอจะไม่ทำอะไรผิดทำนองคลองธรรมลงไป อย่างเช่นกรณีนี้ ครูสาวประพฤติผิดกฎหมายหลายบทหลายตอน ซึ่งล้วนมีสาเหตุมาจากความเป็นผู้เยาว์ของอีกฝ่ายนั่นเอง

ตามประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 9 ความผิดเกี่ยวกับเพศ มาตรา 277 บัญญัติไว้ว่า ผู้ใดกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี และปรับตั้งแต่ 8,000-40,000 บาท

การกระทำชำเราตามวรรคหนึ่ง หมายความว่า การกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำ โดยการใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำกระทำกับอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น หรือการใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผู้อื่น ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำแก่เด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 7-20 ปี และปรับตั้งแต่ 14,000-40,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต

ส่วนประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 11 ความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพและชื่อเสียง หมวด 1 ความผิดต่อเสรีภาพ มาตรา 317 บัญญัติไว้ว่า ผู้ใดปราศจากเหตุอันสมควรพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปีและปรับตั้งแต่ 6,000-30,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก มาตรา 26 วรรคหนึ่ง และมาตรา 78 อีกด้วย

พยานแวดล้อมเหล่านี้จะมีน้ำหนักพอเอาผิดหรือไม่ คงต้องรอดูกันต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook