แม้ว ชี้ รบ.ถึงทางตัน! แก้ศก.ผิด พท. เปิดชื่อย่อ3กิ๊กรมต.
"แม้ว"ฟันธงการเมืองถึงทางตัน รบ.แก้ศก.ไม่ถูกทาง ชี้ไปไม่รอดหากยังหวังผลทางการเมือง "เพื่อไทย"เล็งยื่น ป.ป.ช.สอบนายกฯ สงสัยซุกรถยนต์ โอ่หลักฐานใหม่น็อค "อภิสิทธิ์"กลางสภา เปิดชื่อย่อ "ศ.-ณ.-ด." 3 กิ๊กรมต. นายกฯประกาศต้องปฏิรูปการเมือง ทาบสถาบันพระปกเกล้าเจ้าภาพ "ชัย"เร่งนำเข้าหารือบอร์ด 9 มี.ค.
"แม้ว" ชี้การเมืองถึงทางตัน
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ถึงกระแสข่าว ส.ส.พรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฮ่องกง ว่า เป็นเรื่องจริง เพราะมีความรักใคร่ชอบพอกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เป็นหาทุนก่อนการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง เพราะการชุมนุมไม่ต้องระดมทุน
รายงานข่าวแจ้งว่า วันที่ 21 กุมภาพันธ์ จะมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยอีกจำนวนหนึ่งเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่ฮ่องกง และมีเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่น 10 (ตท.10) รายหนึ่งร่วมเดินทางไปด้วย โดย พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้นัดหมายเพื่อนเก่ารายนี้ด้วยตัวเอง จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางออกจากเกาะฮ่องกงในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ แต่ไม่เปิดเผยว่าจะเดินทางไปที่ประเทศใดต่อไป
ข่าวแจ้งว่า การเดินทางของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยมีนายพายัพ ชินวัตร น้องชาย พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้พาไป ตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับ ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทยว่า จะพาไปเยี่ยมหาก พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางมาใกล้ประเทศไทย ทั้งนี้นอกจากไปเยี่ยมเยียน พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ยังถือโอกาสเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบ 52 ปี ให้กับนายพายัพ ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ด้วย นอกจากนี้ มีรายงานว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และนายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย เดินทางร่วมไปกับคณะด้วย
ซัดปชป.แก้เศรษฐกิจไม่ถูกทาง
แหล่งข่าว ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ร่วมคณะเดินทางไปเยี่ยม พ.ต.ท.ทักษิณ เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังสบายดี และไม่ได้มีความซีเรียส หรือวิตกกังวลอะไร และได้วิเคราะห์การเมืองให้ฟังว่า วันนี้การเมืองถึงทางตันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเส้นไหนๆ ก็ไม่สามารถช่วยได้ เพราะวิกฤตเศรษฐกิจเริ่มออกฤทธิ์เหมือนพีระมิดที่ล่มสลายจากรากหญ้า ก่อนที่จะส่งผลต่อยอดพีระมิด ซึ่งก็คือผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่จะเจ๊งและไปไม่รอด ประชาชนก็จะตกงาน ส่วนธนาคารนั้นคงจะปล่อยสินเชื่อให้ยากขึ้นเพราะเวลานี้ต้องกอดเงินเอาไว้อย่างเดียว
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่า เมื่อก่อนเศรษฐกิจเมืองไทยคือ สวรรค์ของนักลงทุน แต่ตอนนี้การเมืองทำให้สวรรค์กลับกลายเป็นนรก ถ้ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ยังทำการเมืองเพื่อหวังผลทางการเมืองก็จะไปไม่รอด นอกจากนี้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจยังไม่ถูกทางเหมือนดำน้ำหาปลาอยู่
"พ.ต.ท.ทักษิณปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ และเชื่อว่าเป็นการสกัดนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ที่ไปช่วยผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย หาเสียงอยู่บ่อยครั้ง" แหล่งข่าวอ้างคำพูด พ.ต.ท.ทักษิณ
เล็งยื่นป.ป.ช.สอบรถยนต์ "มาร์ค"
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) และนายคารม พลทะกลาง คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีร้องเรียนนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงมหาดไทย แจกเงินผู้ยากไร้พร้อมแนบนามบัตรให้กับชาวบ้าน จ.นครราชสีมา โดยนายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ภาพในซีดีที่นำมามอบให้ ป.ป.ช.ชุดนี้จะชัดเจนว่ากว่าที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดว่านายบุญจงกระทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นหรือปฏิบัติหรือหน้าที่โดยมิชอบ โดยไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอเลย
นายคารมกล่าวว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี เนื่องจากสงสัยว่าอาจมีการปกปิดบัญชีทรัพย์สิน หรือแสดงบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ เพราะบัญชีทรัพย์สินที่นายอภิสิทธิ์ แจ้งต่อ ป.ป.ช.ครั้งแรก เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2551 ได้ระบุว่าเป็นเจ้าของรถยนต์ 2 คัน คือรถยนต์ฮอนด้า รุ่นซีอาร์วี ทะเบียน วณ 4533 กทม. และรถยนต์ฮอนด้าโอดิสซี ทะเบียน 9ฬ-2733 กทม. แต่การยื่นบัญชีทรัพย์สินตอนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2551 ปรากฏว่า รถยนต์ฮอนด้าโอดิสซีหายไป และมีรถยนต์มิตซูบิชิ สเปซวากอน ทะเบียน 5317 เข้ามาแทน ซึ่งจากการตรวจสอบไปยังกรมการขนส่งทางบกปรากฏว่าไม่พบรถยนต์ทะเบียน 9ฬ-2733 อยู่ในสารบบ จึงอยากตั้งคำถามกับนายอภิสิทธิ์ว่ารถยนต์คนนี้หายไปไหน ถ้าถูกขาย ขายให้ใคร หรือนายอภิสิทธิ์ต้องการปกปิดอะไรหรือไม่
พท.ขู่หลักฐานใหม่น็อคกลางสภา
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่าขอให้พรรคประชาธิปัตย์เตรียมรับมือดีๆ เพราะกรณีเงิน 250 ล้านบาท ถือเป็นเรื่องของเด็กอนุบาลไปเลยเมื่อเทียบกับหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยมีอยู่ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำนิติกรรมการเงินที่มีการฉ้อฉลและอำพราง เรื่องนี้มีหลักฐานที่ชัดเจน นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องตอบคำถามให้ได้ เพราะเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง
"ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่เปิดเผยหลักฐานนี้ต่อสภา จะถือว่าเราทรยศต่อประชาชน ดังนั้น ขออย่าให้พรรคประชาธิปัตย์โกรธเคือง และแม้ว่าการเปิดอภิปรายจะไม่สามารถล้มรัฐบาลในสภาได้ แต่กระแสสังคมจะรับไม่ได้กับรัฐบาลชุดนี้อย่างแน่นอน และหลักฐานดังกล่าว ความผิดอยู่ในระดับที่สามารถยุบพรรคได้ ยิ่งกว่ากรณีที่กรรมการบริหารพรรคไปซื้อเสียงอีก เพราะกรณีนี้มีการกระทำที่เข้าข่ายว่ากระทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ในบทบัญติที่เกี่ยวกับพรรคการเมือง รวมไปถึงกฎหมายแพ่งและอาญาด้วย นายประชากล่าว
เก็บข้อมูลทุจริต "แอร์พอร์ตลิงก์"
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แถลงที่รัฐสภาว่า ขณะนี้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จำนวนเกินกว่ากึ่งหนึ่ง พร้อมสนับสนุน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี แทนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะเท่าที่คุยกันภายพรรคเห็นตรงกันว่า ไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับ ร.ต.อ.เฉลิม
"พรรคเชื่อว่ามีข้อมูลที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ จนทำให้นายอภิสิทธิ์ต้องหลุดออกจากตำแหน่ง แม้ว่าฝ่ายค้านจะแพ้โหวต แต่กระแสสังคมก็จะกดดันจนทำให้นายอภิสิทธิ์อยู่ไม่ได้ เพราะนายอภิสิทธิ์เป็นคนหน้าบาง" นายสุรพงษ์กล่าว และว่า ฝ่ายค้านยังได้เตรียมข้อมูลเรื่องทุจริตโครงการแอร์พอร์ตลิงก์ในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่พบว่ามีการทุจริตกันอย่างต่อเนื่อง
แฉอักษรย่อ "ศ.-ณ.-ด." กิ๊กรมต.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยกำลังเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับ กิ๊ก ของรัฐมนตรีบางคน
ที่ทำให้มีปัญหาเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน เนื่องจากเห็นว่ารัฐมนตรีถือเป็นบุคคลสาธารณะ ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลอย่างน้อยมีรัฐมนตรี 3 คน ที่มีกิ๊กอักษรย่อ คือ ศ. ณ. และ ด. เข้ามามีบทบาทต่อการบริหารราชการแผ่นดินและจริยธรรมของผู้เป็นรัฐมนตรีที่ต้องโปร่งใสมากกว่าบุคคลธรรมดา ถือเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และการปกปิดการแจ้งบัญชีทรัพย์สินด้วย
นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เห็นแต่ตีกลองกันอยู่ข้างนอกสภา เมื่อถามต่อว่า หากเป็นการอภิปรายเรื่อง ส.ส.รัฐบาล หรือรัฐมนตรีมีกิ๊กจะทำอย่างไร นายชัยกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า แสดงว่าเขามีความสามารถ ความจริงต้องยกย่องเขา เรื่องนี้อยู่ที่จริยธรรมของผู้อภิปราย และเป็นเรื่องจริยธรรมของผู้ที่ถูกกล่าวหา
"มาร์ค" ทาบ"พระปกเกล้า"ปฏิรูปการเมือง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ก่อนเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการว่า เมื่อวันที่19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้คุยกับนายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน และนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เกี่ยวกับการปฏิรูปการเมือง โดยรัฐบาลได้ทำหนังสือสอบถามไปยังสถาบันพระปกเกล้าแล้วว่าจะสามารถเข้ามาเป็นแกนหลักในการปฏิรูปการเมืองได้หรือไม่ โดยจะให้ไปดูว่ากลไกนี้ใครเป็นผู้ดำเนินการ ใช้เวลาเท่าใด มีประเด็นอะไรบ้างที่คิดว่าสมควรแก้ไข รวมถึงกฎหมายนิรโทษกรรมด้วย โดยจะให้ทุกฝ่ายเข้าไปมีส่วนร่วม
"ฝ่ายค้านก็ยอมรับว่าจะใช้ช่องทางนี้แสดงความเห็น คิดว่าจะช่วยให้ทุกฝ่ายเกิดความเข้าใจมากขึ้น ทั้งนี้ ประธานและเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าขอเวลาไปหารือ เพราะต้องใช้มติจากสภากรรมการ" นายกรัฐมนตรีกล่าว และว่า หากสถาบันพระปกเกล้ายอมรับและทำข้อเสนอมาก็จะนำไปคุยกับฝ่ายค้านอีกทีว่า ข้อเสนอตรงนี้ดีที่สุดแล้วหรือไม่ หรือต้องปรับปรุงตรงไหนหรือไม่ ทั้งนี้ ไม่ควรใช้เวลานานเกินไปเพราะจะทำให้เกิดปัญหา แต่ไม่อยากเข้าไปชี้นำเรื่องใดๆ เพราะต้องการให้เป็นองค์กรกลางจริงๆ จะต้องทำให้สำเร็จในรัฐบาลชุดนี้
"ชัย" เร่งนำเรื่องเข้าบอร์ด 9 มี.ค.
นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานกรรมการบริหาร (บอร์ด) สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า หากรัฐบาลส่งเรื่องมาก็จะนำเข้าที่ประชุมบอร์ดในวันที่ 9 มีนาคมนี้ เพื่อพิจารณาว่าจะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ หากรับก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป เพราะบอร์ดประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากด้านต่างๆ จำนวนมาก ทั้งอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ อดีตผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 อดีตนายทหาร อดีตนักการเมืองและนักวิชาการที่ได้รับการยอมรับในสังคม และมีทั้งเสื้อเหลือง และเสื้อแดงรวมอยู่ด้วย หากทุกฝ่ายมีมติเป็นอย่างไรก็จะนำไปพิจารณาร่วมกัน เพราะเป็นการทำเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่ทำเพื่อคนใดคนหนึ่ง นอกจากนี้จะต้องเชิญคนนอกที่เป็นกลางจริงๆ มาช่วยกันทำงาน
"เหมือนกับปัญหาที่นักเรียนช่างกล 2 สถาบัน คือ อุเทนถวาย และปทุมวัน ประกาศยุติการตีกัน วันนี้เด็กเริ่มให้เห็นแล้ว ผู้ใหญ่ควรเอาเป็นตัวอย่าง อยากให้เสื้อเหลืองและเสื้อแดงดูตัวอย่างจากเด็ก ส่วนผู้ที่จะมาเป็นประธานการปฏิรูปการเมืองครั้งนี้ ผมยังไม่ได้คิด ขอหารือกันก่อน" นายชัยกล่าว
อัยการนัดถกคดีกรุงไทย23ก.พ.
ด้านนายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด ในฐานะประธานคณะทำงานอัยการคดีที่รับมาจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณี ป.ป.ช.มีมติส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และพวก กระทำผิดต่อตำแหน่งราชการ กรณีที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อนุมัติสินเชื่อ 9,000 ล้านบาท ให้บริษัทเอกชนโดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ว่า ขณะนี้สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับสำนวนจาก ป.ป.ช. และได้เสนอให้นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด (อสส.) แล้ว ซึ่ง อสส.จะส่งสำนวนมาให้คณะทำงานอัยการตรวจสอบอีกครั้งว่า ข้อไม่สมบูรณ์แห่งคดีนั้นได้สอบสวนเพิ่มเติมทุกประเด็นแล้วหรือไม่ หากครบถ้วน อสส.ก็จะยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป หากพบว่ายังไม่สมบูรณ์ อสส.ก็จะเสนอความเห็นให้ ป.ป.ช.ทราบ หาก ป.ป.ช.ไม่เห็นด้วย ตามกฎหมายก็สามารถนำคดีไปยื่นฟ้องต่อศาลได้เอง
"คาดว่าคณะทำงานจะใช้เวลาตรวจสอบความสมบูรณ์ของสำนวนเกินกว่า 1 สัปดาห์ เนื่องจากคดีมีพยานหลักฐาน เอกสารจำนวนมาก รวมทั้งผู้ถูกกล่าวมีหลายกลุ่ม และข้อไม่สมบูรณ์ที่ได้ทำการสอบสวนเพิ่มมีหลายประเด็น" นายวัยวุฒิกล่าว
ข่าวแจ้งว่า คณะทำงานอัยการคดีที่รับมาจาก คตส.ได้นัดประชุมหารือคดีดังกล่าวในวันที่ 23 กุมภาพันธ์
ปชป.จี้ตำรวจเร่งขอตัวกลับไทย
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย จึงเป็นหน้าที่ของ 3 หน่วยงาน คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ต้องประสานไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) และกระทรวงการต่างประเทศ แต่จากการสอบถามไปยัง ตร.พบว่ายังไม่มีการดำเนินการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทยเลย
นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ กล่าวถึงการติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณว่า อัยการเตรียมส่งหนังสือประสานงานไปยังตำรวจ เพื่อขอเอกสารที่เกี่ยวข้องในการติดตามตัว แม้ว่าล่าสุดจะทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ฮ่องกง แต่เนื่องจากตำรวจยังไม่แจ้งที่อยู่แน่ชัด รวมทั้งยังไม่มีหนังสือประสานชี้แจงขั้นตอนการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ตามหมายจับของศาล และสำเนาหมายศาล ส่งมายังอัยการเพื่อประสานขอความร่วมมือส่งผู้ร้ายข้ามแดน จึงทำให้อัยการยังไม่สามารถดำเนินการประสานส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้ ซึ่งที่ผ่านมาอัยการเตรียมเอกสารคำร้องสำหรับการนำเรื่องส่งไปยังประเทศต่างๆ เพื่อติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีพร้อมหมดแล้ว
กกต.พร้อมรับลูกสอบเงิน250ล้าน
นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะส่งสำนวนเส้นทางเงิน 250 ล้านบาท ของบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) ให้ กกต.ดำเนินการสอบสวน เนื่องจากดีเอสไอไม่มีอำนาจสอบสวนคดีที่เกี่ยวกับกฎหมายพรรคการเมือง ว่า ยังไม่ทราบเรื่อง เท่าที่จำได้คือ ดีเอสไอเพียงแค่ขอให้ กกต.ส่งเจ้าหน้าที่ของ กกต.ไปร่วมสอบสวนเรื่องเงิน 250 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่ง กกต.ยังไม่ได้พิจารณาในเรื่องนี้ด้วย แต่หากโอนมาจริง กกต.ก็พร้อมที่ดำเนินการ
แหล่งข่าวจากดีเอสไอระบุว่า ดีเอสไอจะส่งเฉพาะสำนวนที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองให้ กกต.ดำเนินการต่อ แต่ในส่วนของความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ดีเอสไอยังคงดำเนินต่อ เพราะมีหลักฐานว่าบริษัทนำเงินกว่า 250 ล้านบาทออกจากบริษัทโดยไม่ผ่านความเห็นชอบของกรรมการบริษัท ซึ่งเข้าข่ายความผิดยักยอกทรัพย์ และทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์