ไฟป่าผลาญอุทยานฯทุ่งแสลงหลวงวอดครั้งละ200-500ไร่

ไฟป่าผลาญอุทยานฯทุ่งแสลงหลวงวอดครั้งละ200-500ไร่

ไฟป่าผลาญอุทยานฯทุ่งแสลงหลวงวอดครั้งละ200-500ไร่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไฟ่ป่าผลาญอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง วอดครั้งละ 200-500 ไร่ คาดฝีมือม้ง-คนไทยที่นำวัวเข้าเลี้ยงเขตอุทยาน อาศัยจังหวะเจ้าหน้าที่เผลอลักลอบเผาป่าเพื่อต้องการให้มีพื้นที่เลี้ยงวัว

ไฟป่าที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ของประเทศไทยนับว่าเป็นปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นทุกปีในช่วงหน้าแล้ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างเร่งหาวิธีป้องกัน ล่าสุดอุทยานแห่งชาติแสลงหลวงได้ประชุมหารือกันเพื่อหาแนวทางแก้ไข

นายวสันต์ ภูพิชิต ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง กล่าวว่า ขณะนี้มีชาวบ้านทั้งม้งและคนไทยส่วนหนึ่งนำวัวเข้ามาเลี้ยงในเขตพื้นที่ของอุทยานซึ่งถือเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน จากการสำรวจพบว่ามีฝูงวัวที่ถูกนำมาเลี้ยงไว้ในพื้นที่ของอุทยานรวม 13 จุดใหญ่ โดยมีจำนวนวัวมากกว่า 2,000 ตัว ผลที่ตามมาคือการเกิดไฟป่า อันเนื่องมาจากกลุ่มผู้ที่นำวัวเข้ามาเลี้ยงลักลอบเผาป่า เพื่อให้สามารถนำวัวเข้ามาเลี้ยงได้ ในเรื่องนี้มีการจับกุมผู้ที่ลักลอบเผาป่าไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีผู้ฝ่าฝืนอีก

ด้าน นายสวัสดิ์ อั้นเต้ง ผอ.ส่วนและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ สำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ พื้นที่ 11 กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับราษฎรลักลอบนำวัวเข้าไปเลี้ยงในเขตหวงห้ามในป่าอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงนั้น ตนทราบเรื่องดี มีการนำปัญหานี้มาร่วมกันแก้ไขด้วยการเชิญกลุ่มเจ้าของวัวมาหารือและประชุม ทุกคนก็รับปากว่าจะไม่นำวัวเข้ามาเลี้ยงในพื้นที่หวงห้าม แต่เมื่อถึงเวลาก็ไม่ปฏิบัติและยังลักลอบนำวัวเข้ามาปล่อยทิ้ง บางรายมาปลูกสร้างที่พักและยึดเป็นพื้นที่เลี้ยงวัวคล้ายกับว่าทุ่งแสลงหลวงเป็นป่าสาธารณะ ซึ่งเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายก็ร่วมกันแก้ไข แต่ยังไม่บรรลุเป้าหมาย

"นอกจากนี้เมื่อเข้าสู่ฤดูแล้งของทุกปี คนกลุ่มนี้มักจะลักลอบเผาป่าเพื่อให้มีสถานที่เลี้ยงวัว แต่ละปีมีความเสียหายจากกรณีไฟป่าเป็นจำนวนมาก บางปีมีการลักรอบเผา 4-5 ครั้ง แต่ละครั้งมีพื้นที่ป่าถูกเผา 200-500 ไร่ ซึ่งปีนี้ก็เช่นกัน" นายสวัสดิ์ กล่าว

ด้าน นายอุดม ใบศิริ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง กล่าวว่า หลังจากได้รับรายงานว่ามีการลักลอบเผาป่าบริเวณเขตรอยต่อของ ต.ทุ่งสมอ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งส่วนหนึ่งดูแลโดยเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าของ จ.พิษณุโลกที่เข้าไปตั้งฐานดูแลและป้องกันไฟป่าในเขตรับผิดชอบส่วนพื้นที่ป่าของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ก็ได้รับผลกระทบไฟป่าเช่นกัน

"ขณะนี้ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานเข้าไปตัดแนวกันไฟ พร้อมทั้งได้ตรวจสอบความเสียหายไฟป่าในครั้งนี้ว่ามีจำนวนเท่าไร เพราะมีการลักลอบเผาเป็นหย่อมๆ แต่ละหย่อมก็มีเนื้อที่กว่า 100-300 ไร่ แต่รวมกันแล้วคาดว่าพื้นที่ป่าคงเสียหายหลายร้อยไร่" นายอุดม กล่าว

จากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายพื้นที่ใน จ.เชียงราย เริ่มแห้งแล้ง จนทำให้เกิดไฟป่าบ่อยครั้ง มีหมอกควันเข้าปกคลุมอย่างหนาแน่น และเริ่มส่งผลกระทบต่อประชาชน ทำให้กรมควบคุมมลพิษจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาติดตั้งเครื่องตรวจวัดสภาพอากาศเพื่อประเมินสถานการณ์และแจ้งเตือนประชาชน หากมีหมอกควันรุนแรงตลอด 24 ชั่วโมง

ว่าที่ พ.ต.ธีระ สันติเมธี ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 ที่กำกับดูแล ในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย พะเยา แพร่ และ น่าน กล่าวว่า สถานการณ์หมอกควัน เนื่องจากการเผาเศษหญ้าและป่าไม้ โดยเฉพาะกลุ่มชาวไทยภูเขาที่ต้องการทำไร่และล่าสัตว์เพื่อหาของป่าทำให้ไฟป่าลุกลามได้ง่าย ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดหมอกควันปกคลุมทั่วทั้ง จ.เชียงราย ซึ่งเกิดค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ประมาณ 200 ไมโครกรัม ก็จะประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมทันที

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตรวจวัดค่าฝุ่นละอองในอากาศที่ จ.เชียงราย ที่มีขนาดต่ำกว่า 10 ไมครอน อยู่ที่ประมาณ100-150 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ยังถือว่าปลอดภัย แต่เชื่อว่าแนวโน้มจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหากมีการประกาศเตือนประชาชนให้งดเผาเศษหญ้าและอื่นๆ ควบคู่กันไปในขณะนี้ เพื่อไม่ให้เกิดหมอกควันเข้าไปปกคลุมหรือลอยทั่วท้องฟ้า จ.เชียงราย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook