ระเบิดศึกยกใหม่ ลีเดีย-หมอกฤษฎ์ คอนเฟิร์ม-ฟ้องกลับ เรียกเงิน200ล้าน!!

ระเบิดศึกยกใหม่ ลีเดีย-หมอกฤษฎ์ คอนเฟิร์ม-ฟ้องกลับ เรียกเงิน200ล้าน!!

ระเบิดศึกยกใหม่ ลีเดีย-หมอกฤษฎ์ คอนเฟิร์ม-ฟ้องกลับ เรียกเงิน200ล้าน!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

หลังตกเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่พักใหญ่ มาวันนี้ หมอกฤษฎ์ คอนเฟิร์ม นายศุกฤษฎ์ ปทุมศรีวิโรจน์ หมอดูวัยรุ่นชื่อดัง ก็เริ่มปฏิบัติการเอาคืนกับคู่กรณี ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา นักร้องสาวชื่อดัง

ไม่เพียงแต่เอาคืนกับนักร้องสาวเท่านั้น แต่ยังพ่วง "แมทธิว ดีน" แฟนหนุ่มกับนางศันสนีย์ วิสุทธิธาดา มารดาเข้าไปด้วย

เป็นการฟ้องทั้งอาญาและแพ่งเรียกค่าเสียหายรวมกันเป็นเงินถึง 200 ล้านบาท!!!

โดยลีเดียและแฟนหนุ่มถูกฟ้องในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

ส่วนนางศันสนีย์ มารดาของลีเดีย ถูกฟ้องข้อหาละเมิดและบังคับขู่เข็ญ

วิพากษ์วิจารณ์กันว่านี่น่าจะเป็นการฟ้องเพื่อให้มีการเจรจาเกี่ยวกับคดีเก่า ที่ฝ่ายลีเดียฟ้องหมอกฤษฎ์ ไปก่อนหน้านี้ กรณีที่ออกมาทำนายว่าเธอตั้งท้อง!!!

และส่งผลให้เกิดเหตุวุ่นวายตามมาโดยเฉพาะการที่นางศันสนีย์ บุกไปอาละวาดหมอกฤษฎ์ ในงานแถลงข่าวที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน

ถึงขั้นให้หมอกฤษฎ์ กราบเท้าเพื่อขอโทษที่ออกมาทำนายทายทักอย่างไม่เหมาะสม!??

ก่อนที่ฝ่ายลีเดียจะยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย และศาลนัดไกล่เกลี่ยหลายรอบแต่ไม่เป็นที่ยุติ

ห้วงเวลานี้เองจู่ๆ ทนายความของหมอกฤษฎ์ ก็ขึ้นศาลอาญาและศาลแพ่ง ฟ้องลีเดีย พร้อมแฟนและมารดา เรียกค่าเสียหายรวม 200 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

ทนายความของหมอดูโจ๋ ยื่นฟ้องอาญาลีเดียและแมทธิว แฟนหนุ่ม ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

คำฟ้องบรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อเดือน พ.ย. 51 สื่อมวลชนได้นำดวงชะตาของจำเลยที่ 1 มาให้โจทก์ทำการทำนายโดยโจทก์ได้ทำนายว่า ตามช่วงเวลาดังกล่าวดวงชะตาของจำเลยที่ 1 มีเกณฑ์จะตั้งครรภ์ เป็นเหตุให้ครอบครัวของจำเลยที่ 1 และ 2 ไม่พอใจ

กระทั่งวันที่ 11-17 ธ.ค. 51 จำเลยทั้งสองให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในทำนองที่ว่า โจทก์ เป็นคนไม่มีหลักวิชาการ ไม่ประกอบอาชีพสุจริต อาศัยผู้หญิงหากิน พยายามเอาเปรียบประชาชน ทำนายชะตาแบบมั่วๆ ทำให้คนอื่นเสียหาย จำเลยที่ 1 ยังใส่ความโจทก์อีกว่า โจทก์ไปคอนเฟิร์ม (ยืนยัน) ว่า จำเลยที่ 1 จะท้องแบบไม่มีพ่อ ซึ่งความจริงแล้ว โจทก์ไม่มีพฤติการณ์ตามที่โจทก์กล่าวอ้าง แม้โจทก์เคยทำนายดวงชะตาของจำเลยที่ 1 ตามหลักวิชาการโหราศาสตร์ ด้วยความสุจริตใจว่า ช่วงเวลาที่มีการดูดวงชะตาของจำเลยที่ 1 ดวงชะตามีเกณฑ์จะตั้งครรภ์ เท่านั้น


"การกระทำของจำเลยทั้งสอง ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากประชาชน และมีผลกระทบต่อหน้าที่การงาน หลายประการ โดยโจทก์ถูกบอกเลิกสัญญาจ้างจากบริษัทสามารถมัลติมิเดีย ซึ่งให้บริการข้อมูลการทำนายดวงชะตาผ่านสื่อต่างๆ มูลค่า 5 ล้านบาท

ถูกบอกเลิกสัญญาจากบริษัทสามารถมัลติมิเดีย งดทำการทำนายโชคชะตาทางโทรศัพท์ แบบออดิโอแทกซ์ ซึ่งมีลูกค้าเข้ามาฟังการทำนายแล้วจะได้รับส่วนแบ่งเป็นจำนวนรวมกว่า 7,800,000 บาท"

นอกจากนี้ ยังถูกบอกเลิกการจ้างไปเป็นพิธีกร การออกรายการโทรทัศน์ ขาดรายได้จากการขายหนังสือ รวมทั้งหมดทั้งสิ้นกว่า 100 ล้านบาท ขอให้ศาลมีคำสั่งฟ้องจำเลย และ พิพากษาลงโทษรวมทั้งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 100 ล้านบาท

จากนั้นทนายก็ไปยื่นฟ้องนางศันสนีย์ มารดาของลีเดีย เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท กรณีที่นางศันสนีย์ ขู่บังคับให้หมอกฤษฎ์ กราบเท้าระหว่างร่วมงานแห่งหนึ่งในห้างสยามพารากอน

นอกจากนี้ ทีมทนายความยังฟ้องนางศันสนีย์ ข้อหาบังคับขู่เข็ญด้วย ซึ่งเป็นคดีอาญาที่ศาลแขวงปทุมวัน

พลันที่มีการฟ้องร้องลีเดียและครอบครัว เรียกค่าเสียหายรวมกัน 200 ล้านบาท เรื่องราวของทั้ง 2 ฝ่ายที่เงียบไปพักใหญ่ก็กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง

แถมทั้ง 2 ฝ่ายยังพาครอบครัวไปออกรายการทีวีประชันกันอีก

ลีเดีย พร้อมด้วยพ่อแม่และแฟนหนุ่มไปออกรายการช่อง 3 ช่วงสัมภาษณ์ของสรยุทธ สุทัศนะจินดา

ส่วนหมอกฤษฎ์ พาพ่อแม่แฟนสาว ไปออกรายการสัมภาษณ์สดทางช่อง 5

เนื้อหาแม้จะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ข้อปลีกย่อยดูเหมือนจะต่างกันตามมุมมองของฝ่ายตัวเอง

ลีเดีย ระบุว่า แปลกใจที่ว่าไปทำผิดตอนไหน รังแกเราครั้งแรกยังไม่พออีกหรือ จะให้คนทั้งประเทศมองหน้าแล้วบอกว่าเมียน้อย ท้องแล้วไปทำแท้งมา ครั้งนี้ยังมาพ่วงคนในครอบครัวมาเกี่ยวข้องอีก ความรู้สึกที่ถูกฟ้องกลับเหมือนเราโดนรังแก ครั้งที่แล้วตนออกมาปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิง ไม่ได้ท้อง ก็ออกมาพูดความจริง แม่ก็ออกมาปกป้องลูกในฐานะที่มารังแกลูก ซึ่งก็ไม่น่าที่จะผิดตรงไหน


"หมอกฤษฎ์บอกว่าได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่น เสียชื่อเสียง ลีเดียก็เป็นฝ่ายเสียหายเหมือนกัน คนเขาไม่จ้างงานเพราะมีกระแสข่าวไม่ดี กระทบถึงคอนเสิร์ต งานอีเวนต์ก็น้อยลง แถมยังถูกตราหน้าว่าท้องหรือเปล่า ไปไหนก็มีแต่มองที่ท้องไม่ได้มองที่หน้า ที่ผ่านมาก็ทำให้ครอบครัวของเราถูกดูหมิ่นเหมือนกัน"

นักร้องสาว กล่าวและว่า เรื่องนี้ความจริงมีการนัดไกล่เกลี่ยวันที่ 27 ม.ค. เดียส่งตัวแทนเป็นทนายความไป ครั้งนั้นทางเขาแจ้งว่าจะขอโทษลงสื่อ ออกรายการทีวี และจะยอมชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน แต่ไม่ระบุรายละเอียด เราเองก็รอคำตอบในวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่เมื่อถึงวันที่ 16 ก.พ. คำพูดเขาเปลี่ยนไป เขาจะขอโทษอย่างเดียว และขอให้ถอนฟ้อง ต่อมาวันที่ 18 ก.พ. เขาก็ยังมายื่นฟ้องกลับ

ในส่วนของหมอกฤษฎ์ กล่าวผ่านรายการว่า ที่ผ่านมาคุณแม่บอกว่าเราต้องยอม เราต้องพยายามอดทนอดกลั้น เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง แต่ทุกคนก็เห็นว่าที่ผ่านมาตนหยุดตลอด แต่ก็ยังเห็นฝ่ายนั้นออกรายการอยู่และวันนี้ศักดิ์ศรีความเป็นคนมันหายไปหมดแล้ว

"ผมถามนิดหนึ่ง ถึงวันที่ 16 ก.พ. มีการไต่สวนมูลฟ้องไปเรียบร้อยแล้ว การไกล่เกลี่ยมันจบไปแล้วยังจะต้องดูอะไรกันอีกครับ ผมขอโทษ เสียใจทุกอย่าง แต่ผมบอกว่าที่ผ่านมาศักดิ์ศรีผมหายไปหมดเลยทุกอย่าง คำว่าให้อภัย คำว่าเห็นน้ำตาลูกผู้ชาย คำที่บอกว่าจะให้อภัยมันไม่ใช่ มันไม่มี ผมกล้ายืนยันว่าไม่มี ลองคิดดู ครอบครัวผมบากหน้ากันไปที่ศาล แต่ผลปรากฏว่าฝ่ายเขาไม่มีใครมา"

"ผมกับครอบครัวพยายามมาจนถึงที่สุดแล้ว แต่สองครั้งที่ผ่านมาไม่เป็นผล เพราะฉะนั้นครั้งนี้การฟ้องของผมจะดำเนินต่อไปพร้อมกับหลักฐานที่ผมมั่นใจ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศาล"

จุดเริ่มต้นของศึกระหว่างนักร้องสาวกับหมอดูมาแรงแห่งยุค เกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2551 เมื่อมีข่าวว่าหมอกฤษฎ์ ทำนายดวงชะตานักร้องสาวว่ามีเกณฑ์ตั้งครรภ์ พร้อมจบประโยคด้วยคำพูดว่า "คอนเฟิร์ม"

ซึ่งในภายหลังหมอกฤษฎ์ อ้างว่าคำว่า "คอนเฟิร์ม" ไม่ได้หมายถึง "ยืนยัน" แต่เป็นเพียงคำพูดทิ้งท้ายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเท่านั้น!??

เท่านั้นเองก็กลายเป็นกระแสข่าวปั่นป่วนไปทั้งวงการ ตามมาด้วยการลือว่านักร้องสาวตั้งครรภ์ รวมทั้งลือไปถึงไหนต่อไหน และพาดพิงไปถึงอดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีกด้วย

ค่ายอาร์เอส ต้นสังกัดของนักร้องสาว ออกมาโต้ข่าว และยืนยันว่าไม่มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น

ขณะที่นักร้องสาวเก็บตัวเงียบ จึงยิ่งทำให้ข่าวสะพัดเข้าไปอีก

ในที่สุดลีเดีย ต้องออกรายการทีวีด้วยรูปร่างที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป

พร้อมกับร่ำไห้อย่างกดดัน โดยระบุว่าตั้งแต่มีข่าวออกมามีแต่คนมองที่ท้องของเธอ และซุบซิบกัน

เมื่อเห็นว่าไม่มีอาการของคนท้อง ก็ลือซ้ำไปอีกว่าคงเอาออกเรียบร้อยแล้ว!??

เหตุการณ์ยิ่งบานปลายมากขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคม 2551 เมื่อหมอกกฤษฎ์ เป็นแขกรับเชิญขึ้นเวทีกลางห้างสยามพารากอน ปรากฏว่านางศันสนีย์ มารดาของลีเดีย เดินทางไปด้วย

พิธีกรสอบถามหมอกฤษฎ์เรื่องที่ทำนายว่าลีเดียท้อง หมอดูโจ๋ยืนยันว่าทำนายดวงไปตามดวงชะตาที่เห็นจริงๆ

เท่านั้นเองก็ "งานเข้า" เมื่อนางศันสนีย์ บุกขึ้นไปโวยบนเวที จนหมอดูหนุ่มต้องเอ่ยปากขอโทษพร้อมยกมือไหว้

จึงโดนสวนกลับว่า "งั้นกราบตีนเลยมั้ยล่ะ"!??

ก่อนที่เหตุการณ์จะวุ่นวายมากขึ้น ทีมผู้จัดงานรีบแยกทั้ง 2 ฝ่ายออกจากกัน

หลังจากนั้นไม่นาน ลีเดีย ตั้งทนายความฟ้องหมอกฤษฎ์ และอยู่ระหว่างดำเนินการในชั้นศาล

นับจากเกิดเรื่องบนเวทีที่สยามพารากอน ชื่อของหมอกฤษฎ์ ก็ค่อยๆ เงียบหายไปจากวงการ

ก่อนที่หมอดูหนุ่มจะกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง เมื่อฟ้องกลับลีเดียและคนใกล้ชิด

พร้อมเกทับเรียกค่าเสียหายมากกว่าคู่กรณีเสียอีก!??

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook