แม้ว สั่งเสื้อแดงยกระดับรุนแรง-ยืดเยื้อ กดดันรัฐใช้กำลังปราบ!!

แม้ว สั่งเสื้อแดงยกระดับรุนแรง-ยืดเยื้อ กดดันรัฐใช้กำลังปราบ!!

แม้ว สั่งเสื้อแดงยกระดับรุนแรง-ยืดเยื้อ กดดันรัฐใช้กำลังปราบ!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แฉใบสั่ง แม้ว สั่งม็อบชุมนุมยืดเยื้อ-ขยายวงไปทั่วประเทศ-เพิ่มดีกรีความรุนแรง กดดันรัฐใช้กำลังปราบปราม ด้านเสื้อแดงฝ่าวงล้อม ตร.ปิดล้อมทำเนียบสำเร็จ เตรียมดาวกระจายไป บัวแก้ว วันนี้ นายกฯ สั่งจัดการเด็ดขาดหากม็อบบุกเข้าทำเนียบ รัฐงัดภาพถ่าย จตุพร-แกนนำ นปช. ปีนรั้วเข้าทำเนียบ จ่อเอาผิดฐานบุกรุกสถานที่ราชการ ขณะที่ ครม.อนุมัติขึ้นเงินเดือนกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน 100% ทยอยขึ้นภายใน 2 ปี

กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำกลุ่มเสื้อแดงบุกเข้าชุมนุมโอบล้อมทำเนียบรัฐบาลแล้ว เมื่อช่วงสายวันที่ 24 กุมภาพันธ์

กลุ่มเสื้อแดงจากต่างจังหวัดและในกรุงเทพมหานครทยอยเดินทางมาถึงท้องสนามหลวงซึ่งเป็นจุดนัดพบตั้งแต่กลางดึกวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังพบว่ามีรถแท็กซี่ผูกโบสีแดง ตระเวนรับส่งประชาชนกลุ่มเสื้อแดงที่ต้องการมาร่วมชุมนุมฟรี


ต่อมาเวลา 09.15 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช. เป็นประธานพิธีบวงสรวงเทพยดา กลางลานท้องสนามหลวง เอาฤกษ์เอาชัย โดยมีพราหมณ์มาทำพิธีเพื่อให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความราบรื่น มีแกนนำ นปช. อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายขวัญชัย ไพรพนา และนายการุณ โหสกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย ร่วมพิธี

เวลา 10.50 น. กลุ่มผู้ชุมนุมตั้งขบวนออกจากท้องสนามหลวงมุ่งหน้าไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยมีแกนนำ นปช.ร่วมเดินเท้าไปกับผู้ชุมนุม การเคลื่อนขบวนครั้งนี้ส่งผลให้ถนนราชดำเนินกลางฝั่งขาเข้าติดขัดอย่างมาก ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ผู้ชุมนุมหลายรายเป็นลมต้องช่วยปฐมพยาบาลกันโกลาหล

การจัดขบวนมีกลุ่มจักรยานยนต์จำนวนหนึ่งนำหน้าขบวนไปประมาณ 300-400 เมตร ขณะที่หัวขบวนนำโดยนายจตุพร ที่เดินเท้าร่วมไปกับผู้ชุมนุม ขณะที่บนรถบรรทุกซึ่งใช้เป็นเวทีปราศรัยสั่งการ มีนายจักรภพ เพ็ญแข และนายณัฐวุฒิ คอยบัญชาการอยู่

กระทั่งเวลา 11.30 น. หัวขบวนเดินทางมาถึงถนนด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยนายณัฐวุฒิปราศรัยบนรถบรรทุกขอให้ผู้ที่ฟังรายงานสดการชุมนุมใหญ่ผ่านสถานีวิทยุชุมชน ช่วยนำคีมตัดเหล็ก ค้อนปอนด์ และถังแก๊สมายังบริเวณทำเนียบ

ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในทำเนียบรัฐบาลนั้น เจ้าหน้าที่ปิดประตูทางเข้า-ออกทำเนียบรัฐบาลทั้งหมด พร้อมทั้งนำรถขนขยะขนาดใหญ่มาจอดกั้นประตูอีกชั้นหนึ่ง ส่วนโดยรอบรั้วทำเนียบรัฐบาลนั้นมีการนำรถดับเพลิง รถควบคุมผู้ต้องหา รวมทั้งรถบดถนนหลายคันมาจอดขวางตลอดแนวรั้ว อีกทั้งทหารได้นำรั้วลวดหนามมากั้นบริเวณรั้วและกำแพงทำเนียบรัฐบาลอีกชั้นหนึ่ง พร้อมทั้งนำแท่งปูนมาปิดขวางทางเข้า-ออก ขณะที่การรักษาความปลอดภัยด้านนอกเป็นหน้าที่ของตำรวจ ส่วนการดูแลความปลอดภัยภายในทำเนียบรัฐบาลเป็นหน้าที่ของฝ่ายทหาร

เวลา 12.00 น. กลุ่มมวลชนเสื้อแดงเดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาลด้านถนนพิษณุโลก และตั้งเวทีชั่วคราวที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ฝั่งตรงข้ามตึกไทยคู่ฟ้า

แกนนำบุกปีนรั้วเข้าทำเนียบเจรจา ตร.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำคนเสื้อแดงนำโดยนายจตุพร นพ.เหวง โตจิราการ และนายการุณ ได้ปีนรั้วเข้าภายในทำเนียบเพื่อเจรจากับ พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น. และพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 โดยขอเข้ามาตั้งเวทีด้านหน้ารั้วทำเนียบ แต่ตำรวจไม่ยอม และให้ชุมนุมด้านนอกเท่านั้น ปรากฏว่าใช้เวลาเจรจา 15 นาที ไม่สามารถตกลงกันได้ ทำให้แกนนำทั้งหมดต้องปีนกลับออกไปชุมนุมด้านนอกต่อไป

ทั้งนี้ ที่บริเวณด้านในทำเนียบรัฐบาลมีการเสริมกำลังทหารตามแนวรั้วตลอดแนว โดยเข้ามาด้านสะพานอรทัย พร้อมทั้งนำรั้วลวดหนามและรถดับเพลิงจำนวน 8 คัน มาจอดขวาง รวมทั้งมีรถพยาบาลจาก รพ.วชิรพยาบาล 2 คัน เตรียมพร้อมหากเกิดเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น

มีรายงานว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงพยายามจะปีนรั้วเข้ามาภายในทำเนียบรัฐบาล แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่นำไปติดตั้งไว้บนหลังคาตึกสันติไมตรี ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบและไม่ให้บุกรุกสถานที่ราชการ พร้อมทั้งย้ำว่าเจ้าหน้าที่ภายในทำเนียบรัฐบาลบันทึกภาพพร้อมเสียงในเหตุการณ์ทั้งหมดไว้แล้ว

ใช้คีมตัดรั้วลวดหนามบุกล้อมทำเนียบ

กระทั่งในเวลา 12.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมปีนข้ามแนวรั้วลวดหนามเข้าที่ถนนด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล และพยายามใช้คีมตัดโซ่ที่คล้องล้อรถบดถนนที่เจ้าหน้าที่นำมาจอดไว้ จนเวลา 12.35 น. กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถฝ่าข้ามแนวรั้วลวดหนามเข้ายึดถนนหน้าทำเนียบรัฐบาลด้านที่ติดกับคลองเปรมประชากร แต่ไม่สามารถเข้ามาภายในทำเนียบรัฐบาลได้

จากนั้นแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้ขอแรงชายฉกรรจ์จำนวนมากขยับรถที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาจอดขวางไว้ออกทั้งหมด แล้วเข้าปิดล้อมพื้นที่ 4 ด้านของทำเนียบรัฐบาล โดยยึดพื้นที่ตั้งแต่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ บริเวณถนนพิษณุโลกที่อยู่ด้านหน้าสำนักงาน ก.พ. และ ป.ป.ช.ตลอดทั้งสาย

นายจักรภพ กล่าวปราศรัยประกาศชัยชนะ พร้อมทั้งระบุว่า รูปแบบการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันนี้จะเป็นการปักหลักปราศรัยตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน หากครบ 24 ชั่วโมงแล้วเห็นว่าเนื้อหาการพูดยังไม่หมด โดยเฉพาะการใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรมจากรัฐ ก็อาจจะประเมินสถานการณ์กันตรงนั้นว่าจะชุมนุมกันต่อไปกี่วัน

ยันวันพุธนี้นำเสื้อแดงบุก "บัวแก้ว"

ด้านนายจตุพรกล่าวว่า หากนายกรัฐมนตรีต้องการจะเข้ามาทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ก็สามารถทำได้ หากมีคนน้อยก็สามารถเปิดทางให้รถเข้าได้ หากคนเยอะก็คงจะเปิดทางให้ไม่ได้ โดยการชุมนุมจะตั้งเวทีถาวรที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ส่วนเรื่องการปักหลักกี่วันนั้นจะใช้สถานการณ์เป็นตัวประเมิน โดยจะประกาศให้ทราบวันต่อวัน อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น วันที่ 25 กุมภาพันธ์ จะเดินทางไปที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อกดดันให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ลาออก

"แม้ว"สั่งเดินเกมแรง-ชุมนุมยืดเยื้อ

รายงานข่าวจากกลุ่ม นปช.เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดง ที่ล่าสุดสามารถเคลื่อนขบวนปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลได้สำเร็จแล้วนั้น แกนนำกลุ่ม นปช.นำโดยนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้สรุปแผนยุทธศาสตร์การชุมนุมเป็นการภายใน หลังจากที่ก่อนหน้านี้นายวีระได้นำแผนการชุมนุมดังกล่าวไปหารือร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง โดยเห็นว่าควรจะมีการเพิ่มระดับความรุนแรงในการชุมนุม โดยเฉพาะควรจะใช้วิธีปักหลักชุมนุมยืดเยื้อ คู่ขนานไปจนกว่าการประชุมอาเซียนจะเสร็จสิ้น คือในวันที่ 1 มีนาคม 2552

รวมทั้งจะขยายการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงไปในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดภาพคนเสื้อแดงที่ไม่เอารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้เกิดขึ้นเป็นเสียงส่วนใหญ่ เพื่อเป็นการกดดันรัฐบาลอีกทางหนึ่ง ในช่วงที่หลายๆ ประเทศต่างจับตาสถานการณ์ไทย ขณะที่ในส่วนของการเคลื่อนไหวทางใต้ดิน จะใช้กลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้าง กลุ่มแท็กซี่เสื้อแดง ออกมาสร้างสถานการณ์ความไม่สงบรอบๆ นอกพื้นที่ที่กลุ่มเสื้อแดงการชุมนุม เพื่อกดดันให้รัฐบาลออกมาสั่งปราบปรามการชุมนุม

นอกจากนี้แกนนำยังได้ประเมินสถานการณ์และเตรียมรับมือ เนื่องจากได้รับทราบข้อมูลว่ารัฐบาลมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมจับกุมแกนนำทั้ง 3 คน ตามที่ศาลมีคำสั่งห้ามแกนนำ นปช.ชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง หากมีการบุกเข้าไปในทำเนียบหรือเกิดเหตุรุนแรงอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยประเมินว่าตำรวจอาจใช้วิธีสร้างสถานการณ์เพื่อจับกุมแกนนำ นปช.ในเร็วๆ นี้

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า ยอมรับว่าเกิดเสียงแตกกรณีที่จะให้ พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินเข้ามาร่วมในการชุมนุมครั้งนี้ โดยแกนนำ นปช.และคณะจัดรายการความจริงวันนี้ ต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณต่อสายโฟนอินเพื่อให้ดึงมวลชนเข้ามาร่วมชุมนุมต่อสู้อย่างเต็มตัว ขณะที่แกนนำพรรคเพื่อไทยกลุ่มชินวัตร และ ส.ส.พรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะไม่ต้องการให้กลุ่มเสื้อแดงดึงภาพ พ.ต.ท.ทักษิณไปเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามจะมีการหารือประสานกันอีกครั้งของแกนนำ

นายกฯ ยันพร้อมเข้าทำงานในทำเนียบ

เวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สั้นๆ ก่อนเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ถึงการชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลของกลุ่มเสื้อแดงว่า ไม่ห่วงอะไร ได้รับรายงานสถานการณ์แล้ว

เมื่อถามว่าในวันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ จะเดินทางเข้าไปทำงานที่ทำเนียบหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "เข้าครับ"

นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงความพร้อมในการเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลว่า ถ้าผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบ ไม่มีอาวุธก็ไม่มีปัญหา

เมื่อถามย้ำว่า ถ้าถึงขนาดต้องเดินเท้าเข้าทำเนียบจะเสี่ยงทำหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ผมเดินได้ครับ แต่ว่าผู้ชุมนุมต้องไม่มีอาวุธ ต้องไม่เหมือนหน้าสภาเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม และต้องไม่มีการขว้างปา อีกทั้งแกนนำผู้ชุมนุมยืนยันว่าจะไม่ขัดขวาง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ต้องรับผิดชอบ และที่ผมพูดเช่นนี้ ก็ไม่ได้เป็นการท้าทาย ผมอยู่ที่ทำงานของผม"

ส่วนหากผู้ชุมนุมบุกเข้ามาในทำเนียบ รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาประกาศว่าจะไม่ทำ แต่ถ้าทำก็แสดงว่าทำผิดกฎหมาย ซึ่งก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายตามขั้นตอน

เล็งบ้านมนังคศิลาเป็นที่ทำงานสำรอง

ด้าน พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยว่า ในที่ประชุม ครม.วันนี้มีการถ่ายทอดภาพการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.จากโทรทัศน์วงจรปิดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์มายังห้องประชุม ครม.สัญจรที่ รร.ดุสิตธานี หัวหิน เพื่อรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ ครม.รับทราบ อย่างไรก็ตามหากการชุมนุมของ นปช.ยืดเยื้อออกไปจนไม่สามารถเข้าไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลได้ สมช.ได้เตรียมบ้านมนังคศิลาไว้เป็นสำนักงานชั่วคราวแล้ว

งัดก.ม.เชือด "จตุพร-นปช." ปีนเข้าทำเนียบ

นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงการชุมนุมปิดล้อมทำเนียบว่า ที่ประชุมครม.ได้หารือเรื่องนี้ โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้รายงานสถานการณ์ให้ครม.รับทราบ และยังมีภาพเหตุการณ์จาก กทม. นำมาฉายให้ ครม.ดูด้วย โดยมีรายงานว่า มีผู้ชุมนุมราว 1.8-2 หมื่นคน พยายามฝ่าเครื่องกีดขวางประตูเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ รวมทั้งประตูต่างๆ รอบทำเนียบ แต่เจ้าหน้าที่ผลักดันไม่ให้เข้ามาภายในทำเนียบได้ หากใครฝ่าฝืนเข้ามาในสถานที่ราชการ จะถือว่าผิดกฎหมายและสามารถจับกุมได้

รายงานข่าวเปิดเผยว่า ครม.ได้ดูภาพการชุมนุมจากกล้องวงจรปิดจากทำเนียบแล้ว และเห็นภาพที่นายจตุพรและแกนนำ นปช.ปีนรั้วเข้าไปยังทำเนียบ จึงตั้งข้อสังเกตว่าจะจับกุมนายจตุพรได้หรือไม่ เพราะนายจตุพรอาจใช้เอกสิทธิ์การเป็น ส.ส.คุ้มครอง แต่เมื่อนำรัฐธรรมนูญมาพิจารณาแล้ว เห็นว่า หาก ส.ส.กระทำความผิดซึ่งหน้า ย่อมสามารถเอาผิดได้ ดังนั้น นายจตุพรน่าจะถูกจับกุมได้ในข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ

โฆษกปชป.อัดนปช.รับใบสั่ง "แม้ว"

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม และนายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรค ร่วมกันแถลงข่าวถึงผลการประชุมคณะทำงานเพื่อปฏิบัติการทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ (วอร์รูม) ต่อการชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม นปช. และกลุ่มเสื้อแดงที่เคลื่อนมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลว่า ศูนย์วอร์รูมเชื่อว่าการชุมนุมครั้งนี้ ได้รับคำสั่งมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ หลังจากที่ ส.ส.เพื่อไทยบางส่วนเดินทางไปพบ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์และโค่นล้มรัฐบาล โดยไม่อาศัยกลไกของรัฐสภา เพราะการประชุมอาเซียนถือว่าเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อสายตาประชาคมโลก

ขณะที่นายสาธิตกล่าวว่า จะทำเรื่องถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้เชิญ ส.ส.เพื่อไทย ที่เดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ฮ่องกง มาให้ข้อมูลว่าพ.ต.ท.ทักษิณพำนักอยู่ที่ใด เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นผู้หลบหนีคดี ซึ่งถ้าหากไม่ให้ความร่วมมือก็จะผิดมาตรา 189 ของประมวลกฎหมายอาญา ฐานปิดบังซ่อนเร้นช่วยเหลือผู้หลบหนีคดี

กองทัพสั่งทหารใช้ความอดทนถึงที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก กล่าวว่า กำลังพล 21 กองร้อย ที่ถูกร้องขอให้ดูแลม็อบเสื้อแดง จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลสถานที่ราชการเท่านั้น และจะไม่ใช้กำลังกับกลุ่มผู้ชุมนุม แม้ว่าจะถูกยั่วยุก่อน เพราะทหารได้รับคำสั่งให้มีความหนักแน่นและอดทนอย่างถึงที่สุด

ส่วนหากกลุ่มผู้ชุมนุมบุกรุกสถานที่ราชการ จะดำเนินการอย่างไรนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ เพราะการบุกรุกสถานที่ราชการเป็นการทำผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เท่าที่ได้รับรายงานจนถึงขณะนี้ ยังไม่พบว่าจะมีการก่อเหตุวุ่นวายขึ้น

ขณะที่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษมาดูแลการชุมนุมเพราะเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดเหตุอะไรรุนแรง

ทหารแต่งแดงแฝงกายในม็อบ

รายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงเปิดเผยว่า หน่วยความมั่นคงได้ส่งกำลังบางส่วนแฝงกายเข้าไปในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อจับตาดูสถานการณ์การชุมนุมและหาทางส่งข่าวตลอดจนป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้น หรือหากเกิดขึ้นก็จะได้หาทางแก้ไขโดยเร็ว

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า แกนนำนปช.ได้สั่งจับตาบุคคลที่อาจแฝงกายเข้ามาในม็อบเสื้อแดง หากจับได้จะส่งตัวคืนต้นสังกัด หากเป็นทหารจะส่งให้ พล.อ.ประวิตร หรือส่งคืนให้นายอภิสิทธิ์

ผบ.ตร.ปัดรับใบสั่งยื้อหมายจับ 21 พธม.

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาตรวจความพร้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจและให้สัมภาษณ์ว่า นายกฯ ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลอย่างเด็ดขาด

พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลและรื้อถอนสิ่งกีดขวางว่า เจ้าหน้าที่ได้บันทึกภาพวิดีโอการกระทำดังกล่าวไว้แล้ว จะมีการดูความผิดในด้านกฎหมายต่อไป ส่วนที่นายกฯ ยืนยันว่าจะเดินทางเข้ามาทำงานในทำเนียบรัฐบาลวันที่ 25 กุมภาพันธ์นั้น ผบ.ตร.กล่าวว่า ตำรวจมีการเตรียมแผนรองรับ โดยจะเตรียมเส้นทางให้นายกรัฐมนตรีเดินทางเข้าไปทำงานในทำเนียบรัฐบาล ไม่น่าจะมีปัญหา และเชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะอยู่ไม่เกิน 3 วัน

ผบ.ตร.กล่าวถึงการออกหมายจับเพิ่มเติมแกนนำกลุ่มพันธมิตร 21 คน ที่มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการออกหมายจับครั้งนี้ล่าช้า เป็นเพราะผู้ใหญ่ในรัฐบาลดึงเรื่องไว้ว่า ขอยืนยันว่าไม่มี เพราะทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการของกฎหมาย การออกหมายจับจะต้องออกหมายเรียกก่อน ข่าวที่ออกมานั้น เข้าใจว่าคนที่ให้ข่าวคงจะเอาขั้นตอนสุดท้ายมาตอบสื่อมวลชนก่อน ยืนยันว่าไม่มีใบสั่งเกี่ยวกับการทำงานเรื่องนี้

พท.เคาะเชือดมาร์ค-กษิต-กรณ์-อิสสระ

รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยว่า การประชุมคณะทำงานเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และหัวหน้าทีมอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นประธาน โดยเบื้องต้นที่ประชุมยังยืนยันว่า จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ 4 รัฐมนตรี ได้แก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และนายอิสสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

นอกจากนี้ยังมีรัฐมนตรีอีก 3 คน ที่อยู่ในการพิจารณาคือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ ประเด็นการบริหารนโยบายเรียนฟรีที่ผิดพลาดในการแจกตำราเรียน อีกทั้งจะมีการขุดคุ้ยเรื่องกล้ายาง นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประเด็นเงินบริจาค 80 ล้านบาทให้แก่พรรค ตามที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแฉ รวมทั้งนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ในประเด็นโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน

ครม.อนุมัติขึ้นเงินเดือนกำนัน-ผญบ.

นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมอนุมัติการปรับเพิ่มอัตราเงินตอบแทนตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ จากอัตราเดิมคือ กำนัน 5,000 บาทต่อเดือน ผู้ใหญ่บ้าน 4,000 บาทต่อเดือน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครองและฝ่ายรักษาความสงบ 2,500 บาทต่อเดือนนั้น กระทรวงมหาดไทยเห็นว่าเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัตหน้าที่ จึงขอปรับอัตราเงินค่าตอบแทนของแต่ละตำแหน่งโดยเสนอปรับเพิ่ม 100% ของแต่ละตำแหน่งคือ กำนัน 1 หมื่นบาทต่อเดือน ผู้ใหญ่บ้าน 8,000 บาทต่อเดือน ส่วนอีก 4 ตำแหน่งนั้น ตำแหน่งละ 5,000 บาทต่อเดือน โดยปรับแบบค่อยเป็นค่อยไปภายใน 2 ปี คือปีละ 50% ซึ่งครม.อนุมัติหลักการในเรื่องนี้ และขอให้กระทรวงมหาดไทยประสานรายละเอียดกับสำนักงบประมาณด้วย เพราะต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น

ปัจจุบันอัตรากำลังทั้งหมดมี 294,998 ตำแหน่ง แบ่งเป็นกำนัน 7,077 ตำแหน่ง ผู้ใหญ่บ้าน 68,785 ตำแหน่ง แพทย์ประจำตำบล 7,077 ตำแหน่ง สารวัตรกำนัน 14,154 ตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง 151,724 ตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ 46,181 ตำแหน่ง

รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม.แจ้งว่า มติครม.ที่อนุมัติการขึ้นเงินเดือนให้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านนั้น เดิมนายกฯ ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นเงินเดือนแบบ 100% โดยการทยอยจ่าย 2 ปี เพราะนายกฯ ต้องการให้ขึ้นเพียง 50% รวมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลการเสนอขึ้นเงินเดือนครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ยืนยันว่า ได้เจรจาต่อรองกับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านแล้ว และรับปากไปแล้ว หากไม่เป็นไปตามนั้นจะเสียหายได้ และยืนยันว่าจะต้องอนุมัติ ทำให้ที่ประชุมครม.ใช้เวลายาวนานและเคร่งเครียดในการหารือเรื่องนี้ แต่สุดท้ายก็อนุมัติ แม้ครม.บางส่วนจะกังวลและเป็นห่วงเรื่องรายได้ของรัฐ ที่ต้องนำมาจ่ายเพิ่มเติม

"บิ๊กบัง"ไม่คิดเล่นการเมือง-รับแก่เกินไป

พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ถึงการตัดสินใจศึกษาต่อระดับปริญญาเอก สาขาดุษฎีบัณฑิต สาขาการเมือง ว่า การเรียนปริญญาเอก หรือการเรียนหนังสือนั้น ตนสนใจตั้งแต่เด็กมีช่องทางตรงไหนก็จะไป อีกทั้งจะได้นำความรู้ไปใช้อะไรได้มากขึ้น

ต่อข้อถามที่ว่าจะนำไปใช้เล่นการเมืองในอนาคตหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อีก 4 ปี ก็อายุ 67 ปีเข้าไปแล้ว ไม่เหมาะที่จะไปทำงานด้านการเมืองให้แก่ประเทศชาติ เพราะแก่เกินไป

เมื่อถามว่าเป็นห่วงสถานการณ์การปิดล้อมทำเนียบของกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ห่วง เพราะคิดว่ารัฐบาลคงมีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหา ในช่วง 1-2 ปีกว่านี้ คงจะมีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงก็ไม่ต่างกับเสื้อเหลือง แต่คราวนี้กลุ่มเสื้อแดงจะต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะกฎหมายบ่งชัดว่าบางอย่างก็ล่อแหลม ถ้าเราอยากเห็นบ้านเมืองเราสงบเรียบร้อย ก็ควรมีกฎหมายหลายๆ ตัวที่จะมาช่วยกันในการจัดระเบียบสังคม อย่างไรก็ตาม คิดว่าทุกคนคงจะมีจิตสำนึกที่ดีอยู่แล้ว

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook