เปิดปากคำ “ซูริกฟัต” อ้างสถานการณ์บังคับ "ฆ่ายกครัว"
กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ เตรียมพื้นที่รับตัวผู้ต้องหาฆ่ายกครัวจากทหารในวันพรุ่งนี้ที่จะครบกำหนดคุมตัวผู้ต้องหาโดยใช้อำนาจพิเศษ ล่าสุด พบข้อมูลใหม่เกี่ยวกับมูลเหตุฆาตกรรมยกครัวผู้ใหญ่วรยุทธ เมื่อแหล่งข่าวจากชุดคลี่คลายคดีเปิดเผยปากคำ “ซูริก์ฟัต” ไม่มีเจตนาฆ่ายกครัวตั้งแต่แรก แต่สถานการณ์บังคับทำให้จำเป็นต้องลงมือ
วันนี้ (20 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีกำหนดเดินทางลงพื้นที่มารับตัวผู้ต้องหาฆ่ายกครัวผู้ใหญ่บ้านวรยุทธ จากการควบคุมตัวของทหาร รายงานข่าว การเคลื่อนย้ายผู้ต้องหาห่ายกครัว ใช้กำลังตำรวจควบคุมฝูงชนมากกว่า 100 นาย เข้ามาดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามแผนรับตัวผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่จะนำผู้ต้องหาทั้ง 8 คน มายังจุดรับมอบตัว และลงบันทึกประจำวัน ก่อนจะให้ผู้ต้องหาตรวจร่างกาย หลังจากนั้นจะผ่านจุดตรวจรับมอบของกลาง ซึ่งจะมีอาวุธและเครื่องมือที่ใช้ก่อเหตุทั้งหมด ก่อนส่งให้ ผบ.ตร.สอบถาม จากรายงานระบุว่าตำรวจจะไม่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากมีพยานหลักฐานเพียงพอและชัดเจนแล้ว โดยหลังรับตัวจากทหารจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดขออำนาจศาลฝากขังทันที
แหล่งข่าวชุดคลี่คลายคดี ให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการกับสื่อมวลชนวันนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจต่อข้อเท็จจริงของคดีให้ตรงกัน โดยระบุว่า นายซูริก์ฟัต สังหารคนในครอบครัวผู้ใหญ่วรยุทธทั้งหมด เพราะต้องการฆ่าปิดปาก หลังสถานการณ์บังคับให้เขาต้องเปิดเผยใบหน้าและแสดงตัวต่อผู้ใหญ่วรยุทธ รวมถึงทุกคนในบ้าน และการฆาตกรรมยกครัวไม่ใช่แผนที่นายซูริก์ฟัตวางไว้ แต่เป็นเพราะเหตุการณ์บานปลาย
แหล่งข่าว เล่าว่า เหตุสังหารยกครัวครั้งนี้เริ่มขึ้นเมื่อเวลาราว 16.00น. ของวันที่ 10 กรกฎาคม นายซูริกฟัตและพวกอีก 6 คน เดินทางมาที่บ้านของผู้ใหญ่วรยุทธพร้อมปิดบังใบหน้า นำหมายศาลปลอมแสดงต่อคนภายในบ้าน โดยอ้างว่า ขอเข้าตรวจค้นอาวุธและยาเสพติด จากนั้นควบคุมเครือญาติของผู้ใหญ่วรยุทธที่อยู่ภายในบ้านรวม 8 คน ประกอบด้วย ภรรยา ลูกๆ น้องภรรยาผู้ใหญ่วรยุทธ และลูกน้องผู้ใหญ่วรยุทธอีก 2 คน
เวลาประมาณ 20.00 น.เมื่อผู้ใหญ่วรยุทธเดินทางมาถึง และได้พบกับกลุ่มคนร้าย ถูกจับตัวเข้าไปในบ้านก่อนที่จะเจรจากันเรื่องปัญหาที่ดินที่และหนี้สิน นายซูริก์ฟัตพูดคำว่า “จะไม่คิดดอกเบี้ยแล้ว” ทำให้ผู้ใหญ่วรยุทธทราบทันทีว่าคนที่กำลังคุยด้วยคือนายซูริก์ฟัต ก่อนที่เขาจะถอดหมวดเปิดเผยใบหน้าต่อทุกคนในบ้าน นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เหตุการณ์บานปลาย
ต่อมาประมาณ 23.00 น.นายซูริก์ฟัตให้ลูกน้องไปหยิบปืนและกระสุนในรถ พร้อมให้ลูกน้องอีก 2 คน คือนายอับดุลเลาะ ดอเลาะ และนายอรุณ ทองคำ นำตัวผู้ใหญ่บ้านเข้าไปในรถโตโยต้ายาริส พร้อมเปิดเพลงให้ดัง เพื่อไม่ให้ได้ยินเหตุการณ์ที่นายซูริก์ฟัตจะลั่นไกสังหารคนในบ้านเพื่อปิดปากหลังเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน แต่ปรากฏว่าผู้ใหญ่วรยุทธได้ยิน จึงวิ่งหลบหนีเข้าไปในสวนปาล์มข้างบ้าน แต่ถูกนายอับดุลเลาะ และนายอรุณตามจับมาได้ ก่อนที่จะเข้ามาเห็นคนในบ้านนอนเสียชีวิต และต่อสู้กับนายซูริก์ฟัต จนปืนตก ทำให้นายคมสรรค์ เวียงนนท์ คว้าปืน ยิงศีรษะผู้ใหญ่วรยุทธจนเสียชีวิต
แหล่งข่าวยืนยันว่า มูลเหตุของความขัดแย้งนี้มาจากเรื่องปัญหาที่ดิน ที่ผู้ใหญ่วรยุทธนำโฉนดที่ดิน 2 แปลงไปกู้ยืมเงิน แต่เมื่อชำระหนี้หมดแล้วกลับไม่ได้โฉนดที่ดินคืน ทำให้เกิดการขู่ฆ่ากัยมาแล้วหลายครั้งก่อนหน้านี้ และนายซูริก์ฟัต ก็เคยวางแผนอุ้มฆ่าผู้ใหญ่วรยุทธมาแล้วถึง 3-4 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ และครั้งนี้ก็มาจากการวางแผนอุ้มไปฆ่าเช่นกันแต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นไปตามแผน เนื่องจากผู้ใหญ่วรยุทธไม่ได้อยู่ภายในบ้านตั้งแต่แรก ส่วนรถโตโยต้ายาริสที่บังคับให้ผู้ใหญ่วรยุทธเซ็นโอนลอย ก็ต้องการนำไปขายเพื่อเอาเงินไปชำระหนี้นายทุน