จีโน่ โพสต์ซึ้งถึงเชสเตอร์ จากใจคนเป็นโรคซึมเศร้าเช่นกัน
เป็นอีกคนบันเทิงที่ต้องต่อสู้กับโรคซึมเศร้าเช่นกัน สำหรับอดีตดาราเด็กชื่อดัง “จีโน่ ชูทส์” เลยขอออกมาพูดบ้าง หลังจากทราบข่าวการเสียชีวิตของ “เชสเตอร์ เบนนิงตัน” นักร้องนำวง LINKIN PARK ซึ่งป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และคิดสั้นฆ่าตัวตายจนเป็นข่าวช็อกใจแฟนคลับทั่วโลก โดย จีโน่ ระบุว่า
"วันนี้อยากจะพูดเรื่อง พี่เชสเตอร์กับเรื่องโรคซึมเศร้าหน่อย
อย่างแรกที่ผมอยากบอกคือ ผมก็ไม่ได้ทราบสาเหตุของการฆ่าตัวตายของเค้า แต่ผมคนนึงก็เป็นโรคซึมเศร้า ต้องทานยาให้ถูกเวลา ต้องไปพบหมอบ่อยๆ ผมเลยอาจจะเข้าใจอาการและอะไรหลายๆอย่าง ของการจบชีวิตลงครั้งนี่ (ผมไม่ได้รู้แต่ผมเข้าใจ อ่านดีๆนะ)
การเป็นโรคซึมเศร้า เคยเล่นยา และมีอดีตที่ไม่ดี มันมีอะไรที่เชื่อมโยงกันหลายอย่าง
ผมไม่ใช่หมอนะ แต่ผมขอยกตัวผมเป็นตัวอย่างหน่อย
ผมมีอดีตตอนเด็กๆที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ผมว่าสิ่งๆนี้มันไปกระตุ้นอาการซึมเศร้าของผมตอนเด็กๆ ทำให้วิ่งไปหายา ผมตอนเลิกยาไปรอบนึง ก็กลับมากินยาแก้โรคซึมเศร้า พอเริ่มดีขึ้น(ตอนนั้น) ก็ทะลึ่งเลิกกินยา กลับมาซึมเศร้าโอดครวญกับชีวิตในอดีต อยู่คนเดียวซึม กลับไปเล่นยา (ที่ไม่กินยาแก้โรคนั้นต่อ เพราะคิดว่าตัวเองแค่เศร้าเฉยๆคิดว่าตัวเองหายขาด) คือมันก็จะวนกันไป แบบนี้เรื่อยๆ
อ่ะ พูดเรื่องตัวเองมาคร่าวๆล่ะ
ถ้าใน"มุมมอง" ของผมนะ ผมว่าเชสเตอร์คงต่อสู้กับความรู้สึกตัวเองมานานพอสมควร ต่อสู้อดีตที่หลอกหลอนเค้ามาตลอด และการที่คนเราเป็นโรคนี้นะ มันจะชอบดึงเหตุการณ์ที่เจ็บปวดในชีวิตกลับมาหาเราเสมอ จากช่วงแรกๆที่เราเกลียดตัวเอง เกลียดสิ่งที่เกิดขึ้น มันจะกลายเป็นคำถามที่ว่า ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงต้องเกิดขึ้นกับเรา ทำไมเราต้อง "เกิดมา" โดนอะไรแบบนี้ หลังจากนั้น พอเราโตขึ้น เราก็คิด หาเหตุผลได้ว่า เรื่องมันเป็นแบบนี้ เพราะอย่างนี้ คือวุฒิภาวะ เราสูงขึ้น
แต่ ถ้าโรคนี้มันกำเริบขึ้นมา วุฒิภาวะ จะไม่ช่วยอะไรเลย ครับ คุณจะหาเหตุผลเพื่อที่จะดึงตัวเองให้มันดิ่งลงไปในความทุกข์
หลายๆคนถามว่า ผู้ชายคนนี้ มีหลายๆอย่างที่คนอื่นไม่มี เค้าไม่ต้องต่อสู้กับความหิวโหย เค้ามีเงินใช้มากกว่าคนหลายคน เค้าไม่ต้องสู้กับอะไรที่คนธรรมดาเค้าสู้กัน
แต่คุณอย่าลืมว่าเค้ากำลังสู้กับ "ตัวเอง" อยู่ และ สู้มาโดย "ตลอด"
มีบางคนที่ผมอ่านเจอ บอกว่าเค้าทิ้งลูก ทิ้งเมีย ทิ้งวง ทิ้งหลายๆอย่างเค้าดูเป็นคนเก็นแก่ตัว
แต่พวกคุณรู้อะไรไหม เค้าอาจจะไม่ได้เห็นแก่ตัว และหนีทุกอย่าง เค้า อาจจะคิดว่าถ้าโลกนี้ไม่มีเค้าอยู่แล้ว อาจจะดีกว่า ทุกคนจะได้ไม่ต้องมากังวลเรื่องเค้า ทุกคนจะได้ไม่ต้องมารับกับคนที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวเศร้าเดี๋ยวร้าย เพราะอาการของเค้าอาจจะทำให้หลายๆคนต้องลำบาก
ส่วนฟางเส้นสุดท้ายที่เค้าอาจจะจบชีวิต เค้าลง น่าจะเกี่ยวกับเพื่อนสนิทของเค้าคริส คอเนลล์ คนที่เป็นเหมือนเค้า ต่อสู้แบบเดียวกับเค้า ต่างคนต่างอาจจะให้กำลังใจกันมาตลอด แต่คนนึงได้จากอีกคนนึงไปก่อนแล้ว
การที่เราเป็นอาการนี้แล้วไม่ได้หมายความว่าเราจะมีความคิดฆ่าตัวตาย แบบรวดเร็ว มันไม่ใช่ความคิดของเมื่อวาน ของอาทิตย์ที่แล้ว หรือ ของเดือนที่แล้ว มันเป็นความคิดที่สะสมมาตลอด และ เมื่อถึงจุดๆนึงที่สภาพจิตใจไม่เหลืออะไรแล้ว .... ก็อย่างที่เห็นกันหลายๆคนครับ
สิ่งสุดท้ายที่อยากบอกคือ อย่าไปตั้งคำถามอะไรเยอะแยะ จะตั้งอีกร้อย อีกกี่พันคำถาม เค้าก็ไม่กลับมา คิดถึงเค้าก็ขอให้ฟังเพลงของเค้า
ทุกอย่างคือมุมมองของผม มุมมองของแฟนเพลง มุมมองของคนที่เป็นโรคเดียวกัน ไม่มีบ้านติดกับเค้า ไม่เคยนั่ง ดื่มเบียร์ด้วยกัน จะผิด จะถูก เค้าก็จากไปแล้ว สิ่งที่ผมเขียนตอนนี้อาจจะทำให้คนที่อ่านได้เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นโรคนี้
แต่ไม่ว่าเค้าจะจากไปด้วยเหตุผลไหน.... การต่อสู้ของเค้าได้จบลงแล้ว
I'll face myself to cross out what I've become
Erase myself
And let go of what I've done
ป.ล ส่วนตัวผมแล้ว ผมก็ยังสู้อยู่ ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง การที่ผมบำบัดมาไม่ใช่ว่าปัจจุบันทุกๆอย่างมัน จะดีเสมอไป ก็ต้องสู้กับอาการแบบนี้ไปเรื่อยๆ ยาต้องกินตลอด(ยอมรับเลยว่าเพิ่งกลับมากิน ตอนไปไทยหยุดกิน เพิ่งจะมารู้สึกดิ่งลงเมื่อ6อาทิตย์ที่ผ่านมา)
มันจะมีช่วงที่ผมเล่นเฟสบ่อยๆ กับ หายๆไปๆ คือทะเลาะกับตัวเองอยู่
ก็สู้กันต่อไป"
อัลบั้มภาพ 14 ภาพ