แพร ณัฏฐธิดา อดีตดาราเด็ก กับแรงกดดันที่ต้องเริ่มต้นใหม่ในวงการอีกครั้ง
หลายคนคงจำกันได้ดีกับภาพของนักแสดงเด็กตาหวาน “แพร ณัฏฐธิดา” ที่ได้ฝากผลงานในวัยเยาว์ไว้ให้ดูหลายต่อหลายเรื่อง แต่จู่ๆ ในช่วงอายุที่กำลังก้าวเข้าสู่การเป็นวัยรุ่น เธอก็ตัดสินใจหันหลังให้กับวงการบันเทิงเพื่อไปศึกษาต่ออย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 12 ปี เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ยากต่อการหาบทละครที่เหมาะสมกับวัย
ล่าสุด แพร ณัฏฐธิดา ได้กลับมาอีกครั้งในบทบาทของนักแสดงที่หลายคนคงอาจจะคุ้นหน้า แต่การกลับมาครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอเลย เพราะล่าสุดเธอได้ให้สัมภาษณ์กับทีมงาน Sanook! News ถึงแรงกดดันต่างๆ ที่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ใหม่หมด สำหรับคำว่า “นักแสดง” ที่ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป
“ถ้าเปรียบถ้าเปรียบเทียบการทำงานสมัยเด็กกับตอนนี้จะค่อนข้างต่างกันมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแพทเทิร์นในการแสดงหรือการปฏิบัติตัวต่อผู้คน ทุกอย่างค่อนข้างจะเปลี่ยนไปหมด”
มีช่วงเวลาที่หายไป เราทำอะไรอยู่ ?
“มันเป็นช่วงเวลาก่ำกึ่งของอายุค่ะ บทค่อนข้างจะหายาก แพรเลยไปโฟกัสด้านการเรียนแทนค่ะ พอเราเรียนจบในมหาวิทยาลัยเราจึงกลับมาทำงานในวงการเหมือนเดิม เรื่องสุดท้ายที่แพรได้เล่นน่าจะประมาณตอนอายุ 12 เลยค่ะ แพรค่อนข้างจะเรียนหนัก แพรจบสถาปัตยกรรม จุฬาฯ ภาคอินเตอร์ แต่จบมายังไม่ได้ทำเกี่ยวกับด้านนี้เลยนะ (หัวเราะ) เพราะแพรเริ่มรับงานมาตั้งแต่ปี 4 จนมีต่อมาเรื่อยๆ”
ระหว่างที่หายไป มีคิดถึงงานในวงการบันเทิงบ้างไหม ?
“คิดถึงนะ ทั้งคิดถึงและก็กลัว เพราะในวงการมันมีนักแสดงหน้าใหม่ขึ้นมาตลอดเวลา เรากลัวว่าเราจะไม่มีโอกาสกลับมายืนจุด จุดเดิม เราจะลุ้นอยู่ตลอดเวลาว่าผู้ใหญ่จะยังจำเราได้ไหม เขายังจะให้โอกาสเราไหม แฟนคลับลืมไปแล้วหรือยัง คือเราตั้งใจว่าจะกลับมา แต่มันจะมีประเด็นตรงนี้แหละที่ทำให้เราคิดว่าเราจะกลับมายืนในจุดเดิมได้ไหม”
“แต่เอาจริงๆ เราก็ต้องเริ่มจัดการกับความคิดตัวเองก่อนค่ะ เราต้องบอกตัวเองว่าถ้าไม่ลองเราก็จะไม่รู้ เหมือนกลับไปเริ่มศูนย์ใหม่หมดเลยนะคะ ต้องเริ่มแคสงานใหม่ เริ่มต้นทุกอย่างใหม่หมดเลย และตอนกลับเข้ามาแรกๆ แพรจะโดนติเรื่องการแอคติ้งเยอะมาก เพราะเหมือนเราไปจำแพทเทิร์นเก่าๆ มันจึงทำให้ยิ่งกดดันเราเข้าไปอีก เพราะคำว่านักแสดงเด็กมันทำให้คนคิดว่า ทำไมคุณมีประสบการณ์มาเยอะแล้ว แต่ทำไมถึงไม่ดีขึ้น”
พอได้กลับมาอีกครั้งเรากดดันไหม ?
“กดดันอยู่แล้วค่ะ เพราะการกลับเข้ามาในวงการต้องคิดแล้วว่าเราจะอยู่ยังไงถึงจะทำให้ได้อยู่ยาว และยิ่งตอนเราเป็นเด็กบทมันจะง่าย ทุกอย่างจะง่าย แต่พอเราโตเป็นผู้ใหญ่มันไม่ใช่ ค่อนข้างจะกดดัน แต่ก็ดีใจที่ผู้ใหญ่ยังให้โอกาสเรา”
ช่วงที่หายไป มีคนจำเราได้บ้างไหม ?
“จะมีเป็นแนวคุ้นๆ ค่ะ ว่าคนนี้ใช่น้องดาราเด็กไหม แต่มันจะเฟลตรงที่ว่าตอนเราเป็นเด็กคนเห็นปุ๊บจะจำเราได้เลย จะวิ่งเข้ามาขอถ่ายรูป แต่พอเราโตขึ้นมาคนจะยังไม่มั่นใจว่าใช่หรือเปล่า เราจึงต้องค่อยๆ เก็บเวลาค่ะ”
“ตอนที่หันหลังให้วงการและไปโฟกัสกับการเรียนแบบจริงจัง เอาจริงๆ เลยตอนแรกจะค่อนข้างเคว้ง เพราะเราเคยทำแบบนี้อยู่ทุกวัน แต่เราไม่ต้องไปทำแล้วเหรอ พอเวลาเราได้เดินผ่านงานที่มีการแถลงข่าว เราก็จะคิดว่าเราเคยไปอยู่บนเวทีนั้น เราเคยมีแสงสี แต่ตอนนี้เหมือนไม่มีใครจำเราได้ ก็จะรู้สึกงงๆ กับตัวเอง เคว้งๆ เหงาๆ ค่ะ แต่เราจะคิดตลอดว่าไม่เป็นไร เราต้องทำหน้าที่ในการเรียนของเราให้เสร็จก่อนแล้วค่อนกลับมาเต็มตัวดีกว่า แพรจะเป็นคนคิดบวก ไม่ค่อยคิดมาก แพรจะคิดเสมอว่าอะไรที่มันเป็นของเรา มันต้องเป็นของเรา ทุกอย่างอยู่ที่จังหวะเวลา และโอกาสค่ะ”
“ไม่ใช่ตลอด 4 ปีที่เรียนแพรไม่อยากกลับมานะ แต่มันก็มีอะไรหลายๆ อย่างที่ยังติดขัด ทำให้รับละครไม่ได้ จึงทำแต่ละอย่างให้ดีที่สุดก่อน พอวันนี้มันมีโอกาสเข้ามาหาเราแล้ว เราก็รับงานและต้องทำการบ้านให้หนักกว่าคนอื่น เพื่อที่จะอยู่ในจุดที่สูงขึ้นไปอีก และก็อยู่ให้ยาวขึ้น”
“แพรรู้สึกว่าการเป็นนักแสดงต้องทำหน้าที่นักแสดงให้ดีที่สุด ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องแพรค่อนข้างจะเข้มงวดค่ะ และจะมีผู้จัดการมาคอยดูแลเรื่องนี้เยอะ”
ทำไมเราถึงรักอาชีพนักแสดง ?
“ด้วยความที่แพรอยู่มาตั้งแต่เด็กด้วยแหละ ตั้งแต่จำความได้ แพรก็อยู่กับทุกคนในกองถ่ายจนทำให้รู้สึกว่าทุกคนเป็นครอบครัว เรารู้สึกว่าสังคมเราคือตรงนี้ เราเลยชินกับการที่อยู่ตรงนี้มากกว่าการที่ไปอยู่หลังกล้องค่ะ”
ก่อนหน้านี้จะมีการนำภาพเรามาแชร์ และโพสต์ชมว่าดาราเด็กคนนี้โตแล้วสวยขึ้น ?
“ทุกวันนี้ยังมีแชร์เลยค่ะ (หัวเราะ) ตื่นเต้นนะ ทุกครั้งที่เห็นก็จะคิดว่าพาดหัวข่าวอื่นกันได้แล้วนะ (หัวเราะ) ความจริงแพรต้องขอบคุณเรื่องข่าวศัลยกรรมนะ เพราะข่าวนี้มันทำให้แพรได้กลับเข้ามาในวงการ เขาว่ากันว่าแพรไปทำคางกับจมูกมา แต่พิสูจน์ไปแล้วว่าแพรไม่ได้ทำ”
“แต่ช่วงน่าเกลียดของแพรก็มีค่ะ (หัวเราะ) ตอนแรกเราพูดเขาอาจจะมองว่าเป็นข้ออ้างหรือเปล่า อาจจะไม่ยอมรับหรือเปล่า สำหรับแพรบอกได้เลยว่าไม่ได้แอนตี้เรื่องศัลยกรรม แต่แพรไม่รู้ว่าหน้าแพรจะไปศัลยกรรมตรงไหนดี ด้วยความที่บนใบหน้าแพร ทั้งตา จมูก ปาก มันเยอะพอแล้ว ก็เลยบอกว่าเราไม่ได้ทำ แต่ถ้าใครแล้วสวยขึ้นก็ทำไปเถอะค่ะ”
“ตอนข่าวออกมาแพรไม่ได้เสียเซลฟ์นะ แพรนั่งขำเลย คือมันไม่ใช่ความจริง แพรยังคุยกับคุณแม่อยู่เลยว่าที่เขาเม้าท์แปลว่าเราสวยจริงๆ ใช่ไหม เขาถึงได้มองว่าเราทำศัลยกรรมมา”
ตอนนี้หัวใจเป็นอย่างไรบ้าง ?
“(ถอนหายใจ) ว่างเปล่ามาก (หัวเราะ) ทำงานก่อนค่ะ เหมือนเราเป็นนักแสดงที่เข้ามาใหม่เลย เลยขอโฟกัสกับเรื่องงานก่อนดีกว่าค่ะ”
อัลบั้มภาพ 20 ภาพ