ศาลอุทธรณ์แก้โทษ คุก 8 เดือน จำลองกับพวก นำพันธมิตรบุกทำเนียบ

ศาลอุทธรณ์แก้โทษ คุก 8 เดือน จำลองกับพวก นำพันธมิตรบุกทำเนียบ

ศาลอุทธรณ์แก้โทษ คุก 8 เดือน จำลองกับพวก นำพันธมิตรบุกทำเนียบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศาลอุทธรณ์ แก้โทษสั่งจำคุก 8 เดือน "จำลอง" กับพวก นำ พธม. บุกปิดล้อมทำเนียบ ปี 2551 - ไม่รอลงอาญา

(24 ก.ค.) ศาลอาญารัชดา นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสุริยะใส กตะศิลา เป็นจำเลยที่ 1-6 ฐานร่วมกันบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์

จากกรณี เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2551 จำเลยกับพวกได้ปราศรัยชักชวนให้ประชาชนกดดันให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ลาออก แล้วปิดล้อมเข้าควบคุมทำเนียบรัฐบาล ห้ามราชการเข้าปฏิบัติหน้าที่ ทำลายทรัพย์สินได้รับความเสียหาย

โดยคดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุกจำเลยคนละ 3 ปี แต่การนำสืบเป็นประโยชน์ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้คนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ก่อนยื่นขอประกันตัว 

เมื่อถึงเวลา นัด จำเลยทุกคนมาศาล และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวนายสนธิ มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทย์ มีรองเลขาธิการ สำนักนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการดูแลสถานที่ดูแลรักษาความเรียบร้อยทำเนียบรัฐบาล และตำรวจสันติบาลรวม 4 ปาก เบิกความถึงรายละเอียดเหตุการณ์ที่จำเลยทั้ง 6 ที่เป็นแกนนำ และผู้ชุมนุม เข้าไปในทำเนียบรัฐบาลและได้นำรถ 6 ล้อเข้าไปตั้งเวทีปราศรัย หน้าสนามหญ้าทำเนียบรัฐบาล มีการตัดโซ่ที่คล้องประตูสองชั้นรวมทั้งผลักดันแผงเหล็กกั้น ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดไว้ เพื่อรักษาความปลอดภัย ซึ่งการกระทำนั้นส่งผลให้ เกิดความเสียหายต่อระบบการรดน้ำ ,สนามหญ้าที่ตายทั้งหมด และระบบไฟในสนามหญ้า ศาลจึงเห็นว่าการกระทำของจำเลยนั้นเป็นการกระทำฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียวสืบเนื่องกันแต่ผิดกฎหมายหลายบท การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาฐานบุกรุกนั้นชอบแล้ว ส่วนที่จำเลยขอให้ศาลลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ โดยอ้างเหตุ ว่าจำเลยเป็นผู้มีการศึกษา มีสถานะทางสังคม และได้ทำงานสังคม อีกทั้งไม่เคยต้องโทษในคดีอาญามาก่อน กับการชุมนุมนั้นก็เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะนั้น ศาลเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการบุกรุกทำเนียบรัฐบาลซึ่งเป็นสถานที่ราชการ

ซึ่งการที่จำเลยจะใช้เสรีภาพนั้นก็จะต้องไม่กระทบต่ออำนาจหน้าที่ของผู้อื่น และเพื่อไม่ให้การกระทำของจำเลยนั้นเป็นเยี่ยงอย่าง แต่เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของพวกจำเลยมิได้เป็นประโยชน์เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตน จึงเห็นควรพิพากษาลงโทษให้เหมาะสมกับพฤติการณ์พิพากษาแก้ จากเดิมที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 2 ปี ให้เป็นจำคุก 1 ปี โดยลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยทั้ง 6 เป็นเวลาทั้งสิ้น 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

ต่อมา นายสุวัฒน์ อภัยภักดิ์ ทนายความเปิดเผยว่า เตรียมยื่นหลักทรัพย์ สำหรับ 5 แกนนำคนละไม่เกิน 1 แสนบาท ส่วนนายสนธิ ไม่ได้ยื่นเนื่องจากถูกจำคุกในคดีอื่น โดยจะพยายามยืนฎีกาต่อสู้คดีให้ทันภายในวันนี้ด้วย

ขณะที่ ด้านบรรยากาศ มีประชาชนเข้าร่วมฟังคำพิพากษาและให้กำลังใจจำเลยเป็นจำนวนมากจนล้นห้องพิจารณาคดี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook