เปิดชีวิต "ทีเจ" 2 ปีที่อยู่กับโรคซึมเศร้า เคยคิดสั้นแต่ทำไม่สำเร็จ
แรปเปอร์หนุ่มไฟแรง "ทีเจ จิรายุทธ" หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ "UrboyTJ" ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก ถึงกรณีที่เจ้าตัวตอบโต้เกรียนคีย์บอร์ดด้วยข้อความสุดแซ่บ "เรื่องของก*" หลังถูกวิจารณ์แรงเมื่อครั้งที่เจ้าตัวสะพายกระเป๋าแบรนด์เนมขึ้นร้องเพลงบนเวทีคอนเสิร์ต
โดยงานนี้นอกจากหนุ่มทีเจจะออกมายอมรับว่า ตัวเองเป็นคนใจร้อนและขี้โมโหง่ายจึงทำให้ตอบโต้กลับด้วยข้อความดังกล่าวโดยที่ไม่ทันคิดให้ดีแล้วนั้น เจ้าตัวก็ยังเผยอีกด้วยว่า จริงๆ ตนเองป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามานานกว่า 2 ปีแล้ว และเคยคิดสั้นมาแล้วด้วยแต่สุดท้ายก็รอดมาได้ และถึงแม้ตอนนี้อาการดังกล่าวมีทีท่าว่าจะดีขึ้น แต่ถ้าหากมีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจก็สามารถแย่ลงได้เสมอ...
เจอกระแสชาวเน็ตคอมเม้นท์ต่อว่า สะพายกระเป๋าแบรนด์หรู ขึ้นคอนเสิร์ต
"วินาทีนั้นผมโกรธเพราะว่าผมเป็นคนขี้โมโห ผมก็เลยพิมพ์ตอบโต้กลับไปครับ เอาจริงๆ วินาทีนั้นผมคิดนะว่าจะไปตามหาเขาที่บ้าน ไปดูว่าเขาอยู่ที่ไหน คือผมโกรธจริงๆ แบบเป็นคนที่โมโหง่ายมาก ซึ่งฝ่ายนั้นเขาก็ไม่หยุดนะ เขาก็ยังตอบโต้ผมกลับมายาวมาก จนกระทั่งผมเริ่มรู้สึกได้ว่าผมจะไปตอบโต้เขาต่อทำไม ผมก็เลยตัดสินใจที่จะจบ และก็ลบทั้งหมดทิ้งซะ"
"ถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรกไหม ไม่ใช่ครั้งแรกนะครับ เพราะตอนที่ผมอายุ 15 ก็เคยมีคนเข้ามากล่าวหาผม บอกว่าติดยาเสพติด ซึ่งครั้งนั้นผมก็ด่ากลับไปเหมือนกัน แต่ด้วยความที่ผมยังไม่ดังไงตอนนั้นมันก็เลยไม่มีข่าว"
"สำหรับเรื่องการสะพายกระเป๋าขึ้นคอนเสิร์ต จริงๆ แล้วคอนเสิร์ตอื่นๆ ที่ผ่านมาผมเองก็เคยสะพายกระเป๋าขึ้นไปนะ แต่มันก็ไม่ได้มีกระแส จนล่าสุดนี่แหละที่เหมือนกับว่าตัวกระเป๋ารุ่นนี้มันมีหลายคนให้ความสนใจ มันก็เลยทำให้เกิดเป็นเรื่องเป็นราวอย่างที่ทราบกัน ซึ่งเจตนาในการสะพายกระเป๋าของผมก็คือ ผมอยากอวดครับ (ยิ้ม) ก็คือในเมื่อเรามีโอกาสได้ซื้อ ได้ใส่ บวกกับเราเป็นคนชอบแต่งตัว เราก็เลยอยากจะสะพายขึ้นไปเล่นคอนเสิร์ตแค่นั้นเอง และที่สำคัญตอนนี้กระเป๋าใบนั้นผมเองก็ขายไปแล้วด้วย เพราะผมเบื่อ ผมเป็นคนขี้เบื่อมาก"
"จริงๆ แล้วสไตล์ของผมเวลาขึ้นคอนเสิร์ตจะต้องสะพายกระเป๋าตลอดไหม เอ่อ..ไม่นะครับ คือมันขึ้นอยู่กับงานมากกว่า แล้วแต่งานนั้นๆ หรือถ้ามีอะไรที่อยากโชว์ผมก็จะขึ้นไปโชว์ครับ (ยิ้ม)"
สภาพจิตใจเป็นยังไงบ้างหลังผ่านเรื่องราวดราม่า
"ตอนนี้ก็ดีขึ้นครับ และผมเองก็อยากจะบอกนะว่าจริงๆ แล้วผมเป็นโรคซึมเศร้า ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน ผมไปหาหมอมา 2 ปีแล้วครับ แต่ก็ยังไม่หาย ซึ่งพอมันมีคอมเม้นท์อะไรที่มันเข้ามากระทบกับจิตใจผม ผมจะโมโหง่ายมาก ดังนั้นตอนนี้ผมจึงจำเป็นที่จะต้องกินยาทุกวัน กินยาตามที่หมอสั่ง และก็ไปหาหมอทุกๆ เดือน"
"ส่วนที่เห็นผมโพสต์ภาพสีดำจริงๆ ก็มาจากตรงนี้ส่วนหนึ่งนะ คือผมรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองตอนนี้มันดาร์ค มันมีเรื่องราวต่างๆ เข้ามาเยอะแยะมากมายจนเราเองรับมือไม่ทัน แต่ผมก็พยายามนะ พยายามจะใช้ชีวิตให้เป็นตัวเองที่สุด"
"ถามว่า ณ ตอนนี้อาการผมโอเคไหม จริงๆ มันจะมีช่วงก่อนหน้านี้มากกว่าครับที่ผมรู้สึกว่าตัวเองมีอารมณ์สองขั้ว คือสุขก็สุขมาก แต่ถ้ามันดาวน์มันก็จะดำดิ่งลงไปเลย จนต้องไปหาคุณหมอและให้คุณหมอช่วยปรับยา ซึ่งตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วครับ"
"สำหรับวิธีการดูแลตัวเองของผม ผมก็จะพยายามอยู่กับคนที่เขาเข้าใจ และก็จะไม่อยู่คนเดียวเด็ดขาด เพราะการอยู่คนเดียวมันอันตรายมากสำหรับผม โชคดีมากครับที่ผมมีเพื่อนๆ คอยดูแลตลอด ส่วนคุณพ่อคุณแม่ท่านก็แยกทางกันตั้งแต่ตอนที่ผมยังเด็ก ตอนนี้ผมก็ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเพราะว่าคุณแม่ท่านอยู่ต่างประเทศ"
"ถามว่าตัวผมเองเวลาที่อารมณ์มันดาวน์มากๆ ผมเคยคิดสั้นไหม ก็เคยมีนะครับ แต่ผมไม่อยากให้แม่รู้ผมก็เลยไม่ได้บอกใคร เพราะผมเคยคิดและทำด้วย จนต้องเข้าโรงพยาบาล คือมันก็รอดมาได้ ดังนั้นผมจึงได้ตระหนักกับตัวเองว่า โรคนี้มันร้ายแรงมากและก็็พาตัวเองไปหาคุณหมอ เพราะเอาตรงๆ เมื่อก่อนผมเคยคิดนะ ผมคิดว่าการไปหาจิตแพทย์เป็นอะไรที่ประหลาดมาก แต่พอตัวผมเองได้มีโอกาสเข้าไปพบคุณหมอจริงๆ ผมถึงได้เริ่มรู้สึกว่าอาการผมมันดีขึ้นเรื่อยๆ (ยิ้ม)"
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ