สามีเหยื่อ ผอ.ฆ่าทุบหัว ไม่เชื่อมีคลิปลับ ยันยังรักภรรยาเหมือนเดิม

สามีผู้ตายกังวลว่าคดีจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและความปลอดภัย ขอตำรวจช่วยดูแล และไม่เชื่อมีคลิปลับเป็นชนวนการตาย ส่วนลูกชายเริ่มมีอาการซึมเศร้า

(28 ก.ค.) บรรยากาศที่บ้านเลขที่ 203 หมู่ที่ 21 ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพของ นางสาวลัดดา อายุ 33 ปี ซึ่งเสียชีวิตหน้าห้องน้ำของโรงเรียนบ้านหนองคล้า ขณะพาลูกชายวัย 7 ขวบ ไปเล่นฟุตบอลและเครื่องเล่นที่สนามหญ้าของโรงเรียน  โดยโดนคนร้ายใช้ของแข็งไม่มีคมทุบศีรษะจนถึงแก่ความตาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2560 ที่ผ่านมา

เมื่อวานนี้ (27 ก.ค.) นายวินิจ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองคล้า อายุ 55 ปี  ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดตรัง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ  มีการสอบสวนแล้วโดยปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา  โดยตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แล้วนำตัวฝากขังที่ศาล จ.ตรัง กระทั่งศาลพิจารณาให้ประกันตัว ด้วยวงเงิน 5 แสนบาท

ล่าสุดสามีและญาติพี่น้องก็ต่างจับกลุ่มคุยเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยมี นายวรพันธ์ สุวรรณยุหะ นายอำเภอวังวิเศษ เดินทางมาวางพวงหรีด เพื่อแสดงความเสียใจกับการสูญเสีย และรับปากจะดูแลเรื่องคดีให้ความมั่นใจว่าไม่ต้องเกรงกลัวต่ออิทธิพล หรือเรื่องความไม่ปลอดภัย  ซึ่งตอนนี้ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจของ สภ.เขาวิเศษ ขับรถตรวจตราบริเวณเส้นทางดังกล่าวอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว 

นายอภิชัย สามีผู้เสียชีวิต กล่าวว่า “รู้สึกไม่สบายใจ กลัวคดีไม่คืบหน้า ซึ่งผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว ก็เป็นดุลยพินิจศาล แต่กลัวหลักฐาน พยาน ความปลอดภัย ซึ่งเป็นไปได้อยากให้ส่งตำรวจมาดูแลความปลอดภัยของญาติผู้ตาย ส่วนคดีอยากให้ทางตำรวจชี้แจงหลักฐานที่มีในการจับตัวคนร้าย จะได้มั่นใจ ส่วนตัวเชื่อว่าประเด็นการฆ่ามีส่วนมาจากเรื่องชู้สาว ส่วนมือถือของภรรยาก็หายไปตั้งแต่วันเกิดเหตุ เรื่องคลิปลับอะไรที่มีคนปูดข่าวขึ้นมา คิดว่าไม่มี หรือถ้ามีไม่น่าจะเก็บไว้ในมือถือ แต่อาจมีการสื่อสารระหว่างภรรยากับผู้ต้องหา เป็นการโทรศัพท์ติดต่อกันก่อนเสียชีวิต จึงต้องเก็บหลักฐานไปด้วย  โดยงานศพกำหนดเผา 3 ส.ค. 2560 ก็อยากให้คดีคืบหน้า อาจต้องคุยกันในครอบครัวว่าจะเผาหรือไม่อย่างไร ซึ่งนายอำเภอได้มาเยี่ยมให้กำลังใจบอกว่าไม่ต้องกังวล เรื่องอิทธิพล จะใหญ่มาจากไหน  ก็จะช่วยดูให้ ติดตามคดี ถ้ามีการเผาศพก็จะมาเป็นประธานให้ ลูกชายได้คุยกับนายนายอำเภอบอกจะนำชุดฟุตบอลมาให้ ซึ่งลูกชายเริ่มมีอาการซึมโดยเฉพาะในช่วงกลางคืน เพราะปกติติดแม่มาก ยังถามถึงแม่ทุกวัน”

นายอภิชัย กล่าวอีกว่า "คดีนี้มันสะเทือนขวัญไม่น่าเกิดจากครอบครัวเรา มันโหดร้าย ทารุณมาก การจะทำอะไรสักอย่างต้องคิดให้มาก ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา ใช้สติ การยั้งคิด ถึงจะเรียนมาสูง แต่ความเป็นมนุษย์ของคุณไม่มี ส่วนตัวมั่นใจว่าตำรวจจับคนร้ายถูกคน ไม่ผิดตัว ส่วนความรู้สึกต่อภรรยาก็ไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียด อโหสิกรรมให้ทุกสิ่ง เพราะถึงยังไงก็ไม่ได้กลับมาแล้ว ถึงติดใจเอาความก็ไม่มีประโยชน์ ยังรักเขาเหมือนเดิม”

ด้านนางสาวพลอยไพลิน อายุ 35 ปี  พี่สะใภ้ กล่าวว่า "ถ้าบริสุทธิ์ใจ อยากให้ ผอ.ร.ร. มาเคารพศพ มางานศพ ไม่ต้องมาในรูปของการเป็นคดีความก็ได้ มาในฐานะเพื่อนบ้าน แต่ก็ไม่เคยมาตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงวันนี้ และเมื่อได้รับการประกันตัว ก็กลัวเหมือนกัน เพราะเขามีชื่อเสียง  คนรู้จักกว้างขวาง แต่ในครอบครัวเราเป็นชาวบ้านทั่วไป กลัวเขาดิ้นจนหลุด ไม่อยากให้คดีนี้มีแพะรับบาป อยากได้คนร้ายตัวจริงมาลงโทษ  ซึ่งมั่นใจว่าตำรวจจับถูกคน คงมีหลักฐานที่เชื่อมโยงว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัย สิ่งที่เขาทำมันโหดมาก กับผู้หญิง  ยอมรับว่ากลัวว่าจะมายุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน  ส่วนเรื่องความปลอดภัยตอนแรกๆกลัวมากจะไปไหนว่าต้องจับกลุ่มกันไป  แต่ตอนนี้ผ่อนคลายลง ส่วนมือถือคนตาย ที่มีข่าวว่ามีคลิปลับอะไรเชื่อว่าคงไม่มี มือถือเพิ่งซื้อใหม่ 4-5 เดือน แต่อาจมีข้อมูลการโทรเข้า-ออก หรือมีคุยกันทางไลน์ สื่อสารกัน ระหว่างผู้ตายกับผู้ต้องหา ทำให้ต้องเอามือถือไปด้วย  ส่วนทางญาติผู้ตายมีรูปภาพ มีหลักฐานบางส่วนที่ได้ให้ตำรวจไปแล้ว แต่ยืนยันไม่มีคลิปลับอะไร ที่จะเป็นชนวนการฆ่า”

พ.ต.อ.ถนอม อ่วมพรม  ผกก.สภ.เขาวิเศษ กล่าวว่า ในส่วนของคดีมีการตั้งข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา สำหรับพยานหลักฐานอยู่ในระหว่างการรวบรวม โดยเฉพาะภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดในโรงเรียน เป็นพยานสำคัญ เมื่อพยานหลักฐานครบถ้วน จะส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ ซึ่งยังมีเวลาให้ทำการสืบสวนสอบสวนในประเด็นเพิ่มเติมได้อีกหลายวัน