โอละพ่อ คุณหมอแจงอีกด้าน ปมข่าวลืมเงินล้านไว้บนรถเมล์

โอละพ่อ คุณหมอแจงอีกด้าน ปมข่าวลืมเงินล้านไว้บนรถเมล์

โอละพ่อ คุณหมอแจงอีกด้าน ปมข่าวลืมเงินล้านไว้บนรถเมล์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีข่าว น่ายกย่อง 'กระเป๋ารถ ปอ.' เก็บ 'เงินกว่าล้าน' คืนเจ้าของ โดยเป็นเหตุการณ์ที่กระเป๋ารถเมล์ ขสมก. ปอ.511 เก็บกระเป๋าเป้บรรจุเงินกว่า 1,120,000 บาท ของสูตินารีแพทย์ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใน จ.สมุทรปราการ ซึ่งลืมไว้ขณะนั่งโดยสารจากบางนามาบิ๊กซีปู่เจ้าสมิงพราย

ล่าสุด (28 ก.ค.)  เฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ ได้มีการโพสต์ข้อความอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวจากคุณหมอคนในข่าว โดยทางเพจได้โพสต์ข้อความทั้งหมด ดังนี้ 

"#ความจริงอีกมุมจากหมอที่อ้างว่าลืมเงินล้านไว้บนรถเมล์

#หรือนี่จะคือเหยื่อที่ถูกสื่อทำลายคนใหม่

คำแถลงของหมอที่ลืมเงิน เป็นคนละเรื่องกับข่าวเลย คนในข่าวคือผมเอง แต่เนื้อหาในข่าวบิดเบือนจากความจริงไปมาก

ความจริงคือผมลืมกระเป๋าไว้ในรถจริงเพราะถือกระเป๋ามาหลายใบและขณะลงรถกำลัง คุยโทรศัพท์อยู่ เป็นความสะเพร่าจริงๆ แต่พอลงจากรถก็นึกได้และเรียกแทกซี่ตามไปทันทีใช้เวลาประมาณ5นาทีห่างจากที่ ลงจากรถ ถัดมาบนแท็กซีประมาณ2นาที ผมโทรไปคอลเซนเตอร์ของขสมกให้ช่วยแจ้งพนักงานขับรถและ จนทเก็บค่าโดยสารให้ช่วยเก็บกระเป๋าไว้ให้ และช่วยประสานงานกับทางอู่ปลายทางให้ช่วยเก็บกระเป๋าไว้โดยไม่ได้บอกว่าภายในกระเป๋ามีอะไร

ระยะห่างจากจุดที่ลืมไว้ถึงอู่ประมาณ8กิโล ก่อนถึงอู่ประมาณ1กิโลเริ่มจับสัญญาณว่ามีคนเปิดipadในกระเป๋า ตำแหน่งอยู่ที่อู่รถ พอไปถึงพบว่ากระเป๋าอยู่ที่อู่รถ มีเจ้าหน้าที่ปล่อยคิวรถกำลังลื้อค้นกระเป๋าอยู่ รวมถึงแกะซองเงินภายในออกมาดูด้วยโดยไม่ทราบว่าเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ ผมแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของและขอกระเป๋าคืน เจ้าหน้าที่อู่แจ้งว่าพนงเก็บเงินเป็นคนเอามาฝากไว้โดยที่ไม่ทราบว่าข้างในเป็นอะไร บอกว่าหนักๆมีคนลืมไว้ เป็นไปตามระบบที่จะต้องเอาของไปฝากไว้ที่อู่

ตอนแรกแกะออกมาเจอขนม พนงเก็บเงินยังบอกว่าวันนี้มีขนมให้ลูกที่บ้านกินแล้ว แล้วก็เดินออกไปจากบริเวณ พนงอู่เห็นว่ากระเป๋ายังหนักอยู่ เลยรื้อค้นกระเป๋าต่อ จึงเจอซองใส่เงิน บอกว่าไม่ทราบว่าเป็นอะไร คลำจากข้างนอกคิดว่าเป็นเงินเลยลองเปิดดูพบว่าเป็นเงินจริงๆ แต่พนงที่อู่ขอโทษที่ถือวิสาสะลื้อคนกระเป๋าโดยให้เหตุผลว่าเพื่อตรวจดูเพื่อความปลอดภัย ผมไม่ค่อยโอเคที่ถูกรื้อกระเป๋า แต่เหตุผลพอเข้าใจได้ นับเงินแล้วยังอยู่ครบก็ไม่ได้ติดใจอะไร

#ความเป็นจริงคือ

1 พนงเก็บเงินที่นำส่งไม่รู้ว่าของในกระเป๋าเป็นอะไรก่อนส่งให้อู่

2 ผมเป็นคนไปเอาคืนด้วยตัวเองที่อู่ ไม่ได้มีคนเอากระเป๋ามาคืน หรือนำไปส่งสถานีตำรวจเพื่อตามหาเจ้าของ ผมรู้ว่าลืมแทบจะทันที และได้แจ้งคอลเซนเตอร์แทบจะทันทีหลังจากนั้นและก่อนกระเป๋าเดินทางถึงอู่ ความเป็นจริง อู่ไม่มีสิทธิในการรื้อค้นกระเป๋าเพราะผมแจ้งอยู่แล้วว่ากำลังจะไปเอา ถ้าเพื่อความปลอดภัยที่อ้าง ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการตรวจค้น ไม่ใช่รื้อค้นด้วยตัวเอง แต่เงินที่ได้ยังอยู่ครบเลยไม่ได้ติดใจอะไร ขนม2ถุงคือให้เป็นสินน้ำใจในขั้นตอนนี้ที่ได้ยินว่าพนงบอกว่าคืนนี้ลูกที่มี ขนมกินแล้ว และมันเป็นคนละเรื่องกับการเก็บของมีค่าได้แล้วนำส่งเจ้าของเองหรือนำส่งเจ้ าหน้าที่ตำรวจซึ่งควรได้รับสินน้ำใจตอบแทน

อย่าหลงประเด็นกับการบิดเบือนข้อเท็จจริงของสื่อ

ถ้าคุณลืมกระเป๋าไว้ที่สนามบิน มีเจ้าหน้าที่สนามบินซึ่งปฏิบัติงานอ ยู่ในพื้นที่รับผิดชอบพบและนำไปเก็บไว้ที่ Lost & Found

คุณตามไปเอาของที่ Lost & Found ด้วยตนเอง

คุณจำเป็นหรือไม่ที่ต้องเปิดกระเป๋าให้ Lost & Foundดู เพื่อให้สินน้ำใจที่เหมาะสมกับมูลค่าของในกระเป๋า

และสุดท้ายเจ้าหน้าที่สนามบินหรือ Lost & Found มีสิทธิถือวิสาสะเปิดดูของในกระเป๋าคุณหรือไม่ ถ้าเหตุผลเพื่อความปลอดภัยควรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบหรือควรเปิดค้นดูด้วยตนเอง

ผมเอาสำเนาประชาชนยื่นให้เพื่อรับของคืน พร้อมลงบันทึกว่าของในกระเป๋ามีอะไรบ้างซึ่งต้องระบุจำนวนเงิน พนักงาน ขสมก จึงรู้จำนวนเงินจากตอนนี้ เห็นว่าเป็นเงินจำนวนมาก เลยอยากให้ถ่ายภาพและสัมภาษณ์เป็นเหตุการณ์ไว้เป็นการโปรโมทองค์กร ผมไม่ค่อยสะดวกเพราะตอนนี้เริ่มมีคนรู้ว่าเงินอยู่กับตัวเยอะ แต่เห็นว่าไหนๆก็ได้ของคืนครบ จึงไม่ได้ขัดข้องแต่ขอว่าไม่ประสงค์ให้รูปภาพหรือข้อมูลส่วนตัวปรากฏในข่าวหรือสื่อที่จะใช้โปรโมท

ยังไม่พอ จนท ขสมกขอร้องให้ช่วยเดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่ สน ไว้ด้วย ผมแจ้งว่าไม่สะดวก แต่ จนท ขอร้องให้ไปให้ได้ ก็เลยยอมไป

ที่สน ตำรวจเห็นเงินเยอะเลยสอบถามว่าเป็นใคร อาชีพอะไร ทำไมขนเงินเยอะ กำลังเอาเงินไปทำอะไร เลยต้องบอกข้อมูลส่วนตัวไป มีคนถ่ายรูปที่ สน ได้แจ้งว่าไม่ประสงค์จะให้มีรูปหรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆปรากฏในข่าวต่อหน้าตำ รวจอีกครั้ง บันทึกประจำวันก็ระบุชัดว่า พนงเก็บเงินเอากระเป๋าไปที่อู่โดยไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร และเราเป็นคนไปเอาของคืนที่อู่ด้วยตนเอง พอออกจาก สน ก็แยกย้ายกันไป

แล้วข่าวก็ออกมาตามพาดหัว รูปภาพ และข้อมูลส่วนตัวต่างๆดังปรากฏ ด้วยจรรยาบรรณอันเปี่ยมล้นของสื่อไทย

จริงๆมีการติดต่อXXXออนไลนสื่อเจ้าแรกหลังจากนั้นด้วย ผมโทรขอร้องให้ช่วยลบข้อมูลระบุตัวตนส่วนตัวออก ทางโน้นบอกลบไม่ได้ ขอไปขอมาว่าข้อมูลที่คุณลงทำให้ผมลำบาก และผมแจ้งก่อนแล้วว่าไม่ยินยอมให้เปิดเผย ทางนู้นบอกงั้นขอข้อมูลเพิ่มไปลงพาดหัวข่าวใหม่ต่อแล้วจะแก้ให้ ผมไม่ตกลง เลยต่อรองว่าขอลงเป็นข้อความที่ผมกำหนดสั้นๆแต่พาดเรื่องต้องเป็นเรื่องความดีของจนท ทางโน้นบอกตกลง

สุดท้ายคือเอาข้อความที่ผมส่งให้ไปแต่งเพิ่มเติมเอง แล้วลงพาดหัวเฉพาะเรื่องผม และไม่แก้ข้อความเดิมตามที่ตกลง โทรไปอีกทีบอกลงข่าวให้เป็นตามความต้องการของผมแล้วไง จะเอาไรอีก ไม่ได้สัญญาว่าจะแก้ข้อความเก่าให้

Cr. Thai Clinic

#ถ้านี่คือหมอจริงก็แอบสงสารเหมือนกันนะ #แต่พี่กระปี๋ก็น่ารักอยู่ดีที่คืนกระเป๋าจ้า"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook