ชะตากรรมเจ้าแก้ว..? หมีควายทำร้ายคนเจ็บสาหัส

ตะลึงงันพลันปรากฏคลิปหมีควายกำลังทำร้ายชายเคราะห์ร้ายอย่างเมามันจนกลายเป็นภาพที่หวาดเสียวให้กับบุคคลทั่วไปที่พบเห็น ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 60 หมีควายเพศเมีย ชื่อแก้ว อายุ 8 ปี ที่สำนักสงฆ์สวนสมุนไพรหลวงปู่ละมัย จ.เพชรบูรณ์

ทำร้ายชาวบ้านที่ไปขอหมูป่าไปเลี้ยงจนเป็นแผลเหวอะหวะไปทั่วลำตัวได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ซึ่งผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์พยามให้การช่วยเหลือโดยใช้ไม้ตีไปที่ตัวหมี ใช้หินขว้างและสาดน้ำใส่แต่ก็ไม่เป็นผล เจ้าแก้วยังคงทำร้ายชายเคราะห์ร้ายอย่างเมามันทั้งกัดและใช้กรงเล็บทำร้ายจนเลือดออกไปทั่วตัว

ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไรกันแน่ เจ้าแก้วหมีควายเพศเมียถึงได้ดุร้ายขนาดนี้ ทั้งที่ผ่านมาไม่เคยทำร้ายใครมาก่อนและที่สำคัญมันโมโหเพราะถูกยั่วยุจริงหรือ..?

พระธเนศ ติขยาโณ ผู้ดูแลสำนักสงฆ์สวนสมุนไพรหลวงปู่ละมัย ได้เปิดเผยถึงเรื่องราวหมีควายกัดคนว่ามีผู้เห็นเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุ นายฝนและเพื่อนรวม 6 คน ได้ไปยืนดูหมูป่าที่ริมกำแพงคอนกรีตคอกหมูสูงราว 1 เมตรเศษ และเห็นนายฝนก้มลงยื่นมือทั้ง 2 ข้างไปหยอกล้อจับหูทั้ง 2 ข้างของหมูป่าที่กำลังเล่นกับหมีควายอยู่

ทำให้หมีควายคิดว่าหมูป่าจะถูกทำร้าย จึงได้กัดแขนนายฝนแล้วดึงตัวลงไปในคอก พร้อมกอดรัดฟัดเหวี่ยงแล้วลากตัวนายฝนเข้าไปในกรง ซึ่งตนคาดว่าหมีควายอาจจะไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายนายฝน เพราะถ้าหมีควายจะทำร้ายคนจริง จะต้องใช้ฝ่ามือที่มีกรงเล็บแหลมคมตะปบที่ใบหน้าและหัวมากกว่า

ซึ่งจะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที ไม่น่าจะต้องลากเข้ามาถึงในกรง นอกจากนั้นยังมีคนบอกว่าก่อนเกิดเหตุนายฝนได้ดื่มสุรามา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หมีป่าเกิดความเครียด เนื่องจากหมีป่าไม่ชอบกลิ่นสุรา

สอดคล้องกับความคิดเห็นของผู้เลี้ยงดูคือป้าแอ๋ว ซึ่งได้เปิดเผยในทำนองเดียวกันว่าเจ้าแก้วไม่น่าจะมีเจตนาทำร้ายชายคนดังกล่าว โดยขณะที่เข้าไปช่วยนายฝน ตนเข้าไปร้องตระโกนก่อน เนื่องจากหมีควายตกใจง่าย และนำไม้ไปตี พร้อมนำไม้ไปงัดที่ปากไม่ให้เค้าทำอะไร แล้วเค้าก็ปล่อย และให้พวกผู้ชายนำตัวนายฝนออกมา

ขณะที่เข้าไปช่วยไม่เคยคิดกลัวอะไร เพราะเป็นคนเลี้ยงหมีควายมาตั้งแต่เล็ก ส่วนที่หลายคนบอกว่ามันขยุ่มนั้น จริงๆแล้วมันไม่ได้ขยุ่ม มันเพียงคลุกมันเล่นเหมือนของเล่น ถ้าขยุ่มจริงร่างกายจะฉีกขาดตั้งแต่ตอนแรกไปแล้ว แต่ความเป็นสัตว์ป่าของมันถ้ามันเครียดมันจะฉีกร่างกายขาดเป็นชิ้นๆไปแล้ว

จากการเปิดเผยของผู้ดูแลทั้งสองคนให้การคล้ายกันว่าเจ้าแก้วไม่น่าจะมีเจตนาทำร้ายให้ถึงตาย แต่ดูเหมือนแค่ตกใจและต้องการปกป้องตัวเองเท่านั้น ซึ่งหลังจากที่เกิดเรื่องเจ้าแก้วก็ถูกย้ายไปดูแลที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า เขาค้อ

และมีการแชร์รูปออกมามากมายถึงความเป็นอยู่ของเจ้าแก้วที่ต้องอยู่ในพื้นที่แคบๆดูไม่มีความสุข มีอาการซึมเศร้าอย่างเห็นได้ชัดและต้องถูกขังโดยที่ไม่รู้ว่าชะตากรรมของมันจะเป็นอย่างไร จึงมีการเรียกร้องจากโลกออนไลน์ที่อยากเห็นเจ้าแก้วหมีควายที่น่ารักหวนกลับมาอยู่ที่คอกหมูป่าเหมือนเดิมเพราะเจ้าแก้วถูกเลี้ยงตั้งแต่เด็กและคุ้นกับคนมากจึงไม่เหมาะที่จะถูกขังเดี่ยว

แล้วชะตากรรมของเจ้าแก้วจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ หากต้องถูกขังอย่างไม่เป็นธรรมกลายเป็นคำถามที่สังคมให้ความสงสัย..?

ทาง Sanook! News จึงติดต่อขอสัมภาษณ์ คุณสุธีร์ ลอยมา หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาค้อ ซึ่งเปิดเผยว่าหลังจากที่เราย้ายเจ้าหมีแก้วมาดูแลมันก็ยังมีอาการเครียดและซึมอยู่ แต่ก็กินอาหารได้บ้าง เราพยายามกันคนไม่ให้เข้ามารบกวนเจ้าแก้วมากเกินไป

เพราะช่วงนี้เจ้าแก้วมีอาการเครียดและซึมเศร้าสะสมที่เกิดจากการทำร้ายคนและการถูกทำร้ายจากคนที่ให้การช่วยเหลือ นอกจากนี้คนที่เข้าไปรับหมูป่ามาเลี้ยงที่วัดมีมากเกินไปส่งผลให้มีการส่งเสียงดังทำให้เจ้าแก้วเกิดอาการเครียดเนื่องจากว่าธรรมชาติของหมีเป็นสัตว์ที่ชอบความสงบเงียบอยู่แล้ว

ด้านสัญชาติของสัตว์ป่ามีความดุร้ายอยู่ในตัวอยู่แล้วซึ่งเราไม่รู้ว่าเค้าจะเครียดและจะทำร้ายคนตอนไหน ถึงแม้ว่าจะเลี้ยงดูอย่างดีสอนให้เชื่องก็ตาม หากถูกรบกวนถูกก่อกวนก็สามารถทำอันตรายได้เสมอ

ส่วนประเด็นคำถามที่ว่าอยากให้เจ้าแก้วถูกส่งตัวไปเลี้ยงที่เดิมนั้นคงจะเป็นไปไม่ได้เพราะหมีควายเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองบุคคลทั่วไปไม่สามารถครอบครองได้ ซึ่งเจ้าแก้วก็เป็นหมีของกลางจึงไม่สามารถส่งคืนได้ และเรามีหน้าที่ดูแลเบื้องต้นหลังจากนั้นจะนำไปส่งสถานที่ที่เหมาะสมในกรมอุทยานต่อไป

ด้านกรงที่เจ้าแก้วที่มองว่าแคบนั้นความจริงแล้วกรงนี้มีพื้นที่ กว้าง 3 เมตร ยาว 7 เมตร สูง 5 เมตร ซึ่งทางเราไม่ได้จะเลี้ยงในกรงนี้ตลอดไปเพราะกรงนี้คือกรงอนุบาลดูแลสัตว์ เรานำเจ้าแก้วมาปรับพฤติกรรมเพื่อความสะดวกในการดูแลจัดการของเจ้าหน้าที่

เพราะถ้ากรงมีพื้นที่ที่กว้างจนเกินไปทางเจ้าหน้าที่ก็จะปฏิบัติงานได้ยากหากเกิดเหตุการณ์เฉพาะหน้าขึ้นมา ซึ่งทางเราขอยืนยันว่าดูแลเจ้าแก้วเป็นอย่างดี

ด้าน หมอล็อต ภัทรพล หมอสัตว์ป่าชื่อดัง ได้แสดงความคิดเห็นถึงกรณีเจ้าแก้วไว้อย่างน่าสนใจว่า สภาพแวดล้อมเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมของเจ้าแก้ว และความเครียดที่สะสมมาเป็นเวลานาน การทำร้ายคน เป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งว่า สัญชาตญาณความเป็นสัตว์ป่ากำลังกลับคืนมา ได้กัด ได้ขย้ำ ได้คาวเลือด ต่อไปก็ไม่แยกว่าใครเป็นใคร

ทางที่ดีเจ้าแก้วควรที่จะได้ไปอยู่ในพื้นที่ที่มีแต่พวกพ้อง มีการจัดสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติอย่าให้แก้วเค้าคิดว่ามีเค้าอยู่ตัวเดียวในจักรวาลหมูป่าเลยครับ และตามสรีระวิทยาสัตว์ป่าที่อยู่ในภาวะเป็นสัด ก็จะมีอารมณ์แปรปรวนเช่นกัน

หากใครคิดถึงก็ไปเยี่ยมเยียนเจ้าแก้วได้ที่สถานีที่มีเจ้าหน้าที่ดูแลจัดการเรื่องสวัสดิภาพ การปรับโภชนาการ ปรับพฤติกรรม และแก้วยังเป็น Idol ของหมีอีกหลายๆตัวที่เลี้ยงอยู่ในวัดหรือสำนักสงฆ์หลายที่ว่า ไม่ใช่ที่ที่สัตว์ป่าเหล่านี้ควรไปอยู่ สิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นได้เสมอ และที่สำคัญ “ผิดกฎหมาย”

เหตุการณ์ดังกล่าวต้องยอมรับว่าเป็นเหตุสุดวิสัยที่ป้องกันได้ยากยิ่งเพราะสัตว์ป่าทุกตัวมีสัญชาตญาณและความดุร้ายในตัวของมันเอง ยิ่งถ้าหากอยู่ในที่ที่ไม่เหมาะสมด้วยแล้วการสะสมความเครียดยิ่งเพิ่มมากขึ้น

ที่สำคัญเจ้าแก้วต้องอยู่อย่างเดียวดายท่ามกลางฝูงเพื่อนที่แตกต่าง เปรียบดั่งคนที่ยืนอยู่เดียวดายท่ามกลางความเหงา หากเป็นเช่นนี้แล้วชะตากรรมของเจ้าแก้วจะเป็นเช่นไร จะให้กลับไปที่เดิม หรือ ให้กลับคืนสู่ป่าเข้าฝูง สิ่งไหนที่จะทำให้เจ้าแก้วมีความสุขที่สุดอยู่ที่คุณเลือก....