“ฟลุค เกริกพล” ย้อนวันวานเหตุเลิก “โบ ชญาดา” คิดถูกที่หย่า แถมยังเป็นเพื่อนกันได้
สำหรับเจ้าของฉายาคาสโนวาเมืองไทย “ฟลุค เกริกพล มัสยวาณิช” ล่าสุดได้ออกมาเปิดใจเล่าย้อนเหตุแยกทางกับอดีตภรรยา “โบ ชญาดา ลิ่วเฉลิมวงศ์” ผ่านรายการ คลับฟรายเดย์โชว์ โดย ฟลุค พูดถึงสาเหตุที่ตัดสินใจหย่าและกลายมาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดต่อกัน จนถึงขั้นที่สามารถไปงานแต่งงานของอีกฝ่ายได้ แถม “น้องอชิ” ลูกชายของฟลุคกับโบ ยังเข้ากันได้กับทั้งครอบครัวทางฝั่งคุณพ่อและคุณแม่ได้อีกด้วย
“ผมไม่รู้นะว่าผมเจ้าชู้ไหม แต่ถ้าเทียบกับเพื่อนๆผมคนอื่น ผมไม่เจ้าชู้ เพียงแต่ว่ามันอาจจะเป็นความชัดเจน ความตรงไปไปตรงมา เพราะถ้าอกหักผมก็จะรีบหาใหม่ทันที ตอนที่เลิกกับโบ ผมแยกบ้านกันอยู่มาเป็นปี แต่ในทางนิตินัยผมยัง แต่ผมแยกแล้วเป็นปี ตอนนั้นเศร้านะ และไม่ได้มีคนอื่น เพราะมันมีไม่ได้ ถ้ามีก็จะเป็นข่าวเลยไง พอมันเป็นข่าวก็ผิดแน่นอนเลย เราไม่ชอบอะไรผิด”
“ตอนตัดสินใจแต่งงานกับโบ ณ ตอนนั้นใช่ โบคือผู้หญิงที่ดีที่สุดสำหรับผม ระหว่างที่เราอยู่กันไป ผมคิดว่าเราโตขึ้นมาแล้วมันไม่เหมือนกัน เพราะเมื่อเราโตขึ้นเรื่อยๆ เขาอาจจะโตไปอีกด้านนึง ผมโตไปอีกด้านนึง พอมันคุยกันแล้วมันทะเลาะกันบ่อย มันก็เลยรู้สึกว่าอยู่ด้วยกันมันคงจะไม่ดี สู้แยกกันอยู่แล้วก็เก็บความดีของแต่ละคนไว้ดีกว่า คบกันมา 5 ปี แต่ตอนเราแยก เราแยกกัน 1 ปี แต่ยังไม่ได้หย่า ซึ่งเราพยายามหาทาง แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ มันก็ยิ่งแย่ลง มันไม่ควรจะอยู่ต่อ เราก็เลยตกลงกัน ทั้งที่ตอนนั้นน้องอชิก็ยังเล็ก ตอนนั้นทั้งผมและโบ มาจากครอบครัวที่พ่อแม่เลิกกัน ตอนแรกเราตั้งใจไว้ว่า เราจะทำอย่างไรก็ได้ที่จะไม่เลิกกัน แต่พอเราคำนวนทั้งหมดแล้ว เราคิดว่าเลิกก็ดีกว่าไม่เลิกแน่นอน สรุปเราคิดถูก ตอนนี้แฮปปี้มาก”
“บางคนก็เลือกที่จะอดทนเพื่อลูก ซึ่งมันที่ดีมากถ้าคุณอดทนแล้วคุณทำได้ แต่การที่พ่อแม่อยู่ด้วยกันแล้วต่างคนต่างไม่มีความสุข เอาอารมณ์เสียมาใส่กันและกัน แล้วลูกก็มารับรังสีอำมหิตที่อยู่ใกล้ๆเวลากินข้าว ผมว่าอันนั้นมันก็ไม่ดีมากกว่า”
“ส่วนสาเหตุที่ทั้งโบและฟลุค ยังกลับมาคุยและเป็นเพื่อนกันได้ เนื่องจากผมเองเลือกที่จะมองในมุมที่ดีที่สุดของเขา มันไม่มีใครที่จะรักอชิได้มากกว่าแม่ของเขา อย่างที่เราไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกันล่าสุดที่เราไปมา ผมไม่ต้องห่วงเลยครับว่าโบจะดูแลลูกเราไม่ดี และเขาก็ไม่ต้องห่วงเลยว่าผมจะดูแลลูกผมไม่ดี เพราะลูกผมอ่ะ อย่างบางครั้งเป็นบ่อยที่เราทะเลาะกันเรื่องเลี้ยงลูก เราจะคิดไม่เหมือนกันหลายเรื่อง แต่เจตนาเราจะคล้ายกันคือต้องการให้ดี แต่วิธีคิดไม่เหมือนกัน เราก็จะเถียงกัน จนบางทีเราก็เถียงหนักจนผมวางโทรศัพท์ใส่เลย อารมณ์ดีแล้วค่อยมาคุยกันใหม่”
“ส่วนทฤษฎีการเลี้ยงลูกของฟลุคกับโบว์ที่ต่างกันคือ อย่างง่ายๆ ผมจะไปเที่ยวเมืองนอก แล้วผมอยากให้ลูกผมมาด้วย ผมก็อยากให้ลูกบินมาหาผม ในขณะที่โบบอกไม่ได้ ลูกจะขึ้นไปได้ยังไง ผมบอกตอนผมอายุเท่าอชิเนี่ย ผมบินไปเรียนอเมริกาด้วยตัวเอง แล้วผมก็เคยนั่งรถกลับบ้านด้วยตัวเอง เขาบอก..นั้นพ่อแม่เธอปล่อย ผมก็อ้าวแล้วพ่อแม่ผิดตรงไหนก็ออกมาโอเคนี่ เราจะได้เรียนรู้ ลูกเป็นผู้ชาย ถ้าเราไม่ให้เขาไปแล้วเขาจะเป็นได้ยังไง นี้คือทะเลาะกัน ผมอยากให้ลูกโต แต่เขาบอก..ไม่ได้ เขาโอ๋ลูกเกินไป ผมอยากให้ลูกแมนๆ”
“การที่ทั้งครอบครัวเราเป็นครอบครัวใหญ่ แล้วน้องอชิต้องไปกับทางฝั่งพ่อบ้าง ฝั่งแม่บ้าง ถามวว่าอึดอัดบ้างไหม ผมไม่รู้สึกอย่างนั้น หลายคนอาจจะคิดว่ามันตลก สาเหตุที่เรายังคุยกันได้ ไปไหนมาไหนได้ เพราะเราไม่หวังอะไรกันแล้ว มันเลยไม่เกิดความหึงหวงต่อกัน อีกอย่างคือ เราเองไม่เกลียดกัน ถ้าเราเองเกลียดกันมันไม่ดีแน่นอน คนที่เลิกกันแต่คงสถานะพ่อแม่ ควรจะเชียร์ให้อีกฝ่ายหนึ่งดีที่สุด เพราะในอาชีพที่เราทำนั้น คือเราไม่มีความมั่นคง ถ้าวันหนึ่งสะดุด อย่างน้อยก็รู้ว่าลูกยังมีคนดูแล แต่ถ้าเราเกลียดกัน เราเชียร์ให้เขาแย่ เวลาลูกไปอยู่กับแม่ ลูกก็จะไม่มีความสุข ถ้าเชียร์ให้แย่เมื่อไหร่ เรื่องแบบนี้ก็จะไปลงที่ลูก เท่ากับว่าเราไม่ได้รักลูก”
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ