สยองหัวลำโพง-อุ้มศพลูก7ขวบฝากสาว

สยองหัวลำโพง-อุ้มศพลูก7ขวบฝากสาว

สยองหัวลำโพง-อุ้มศพลูก7ขวบฝากสาว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พ่ออุ้มศพลูกสาววัย 7 ขวบทิ้งหัวลำโพง ใช้ผ้าพลาสติกห่อตัวลูกสาวแล้วอุ้มไปฝากผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งนั่งรอรถไฟที่ชานชาลาหัวลำโพง บอกแค่ว่าฝากไว้เดี๋ยว จะไปซื้อนมให้ลูก ตอนแรกหญิงสาวก็ไม่คิดอะไร แต่มาเอะใจตอนที่เวลาผ่านไป 2 ช.ม.ก็ยังไม่เห็นกลับมารับลูก พอจับตัวเด็กก็ไม่ขยับเขยื้อน เปิดผ้าออกดูก็พบเนื้อตัวเริ่มเขียว เสียชีวิตไปแล้ว จึงรีบแจ้งตำรวจตามหาตัวชายที่อุ้มศพมาฝาก ตกเย็นพ่อเข้าพบตำรวจ อ้างพาลูกสาวไปนอนรอขึ้นรถไฟตอนเช้า พอตื่นมาลูกก็หายไปแล้ว ตร.ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะให้การวกวนสับสนตลอด รอผลชันสูตรศพเด็กก่อนว่าตายเพราะเหตุใด

เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 27 ก.พ. พ.ต.ท.หญิง ศิริรัตน์ คงธนจิระกุล พนักงานสอบสวน (สบ3) สน.นพวงศ์ รับแจ้งพบศพเด็กหญิงบริเวณประตูทางเข้าสถานีรถไฟหัวลำโพง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

โดยที่เกิดเหตุบริเวณชานชาลา พบศพเด็กหญิงไม่ทราบชื่ออายุประมาณ 6-7 ปี สภาพศพมีผ้าพลาสติกรองนั่งห่อหุ้มตัวอยู่ สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีชมพูลายการ์ตูน นุ่งกางเกงขาสั้นสีเขียว ตามร่างกายไม่พบบาดแผลการถูกทำร้ายแต่อย่างใด จึงนำศพส่งสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดต่อไป

จากการสอบสวนนางอุราวรรณ โคตรชมพู อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่พบศพ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังนั่งพักผ่อนอยู่บริเวณนั้น เพื่อรอขึ้นรถไฟเวลา 14.00 น.วันนี้ ในระหว่างนั้นได้มีชายคนหนึ่ง นุ่งกางเกงขายาวสีดำ อุ้มเด็กหญิงคนดังกล่าวซึ่งมีผ้ายางห่อร่างมาด้วย ใบหน้ามีผ้าคลุมปิดถึงจมูก เดินเข้ามาหาตน และบอกว่าฝากลูกไว้ ให้ตนช่วยดูสักครู่ จะไปซื้อนมมาให้เด็ก จากนั้นชายคนดังกล่าวก็วางเด็กลงที่พื้นแล้วเดินจากไป

นางอุราวรรณให้การต่อว่า ตอนแรกตนก็ไม่ได้สนใจอะไร เห็นเพราะเด็กนอนหลับอยู่ หลังจากผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง ก็เริ่มเอะใจ เพราะชายคนดังกล่าวยังไม่กลับมา อีกทั้งเด็กก็ไม่ขยับตัวแม้แต่นิดเดียว ตนจึงลุกไปเอาผ้าขนหนูที่ปิดจมูกออก เพราะกลัวว่าเด็กจะหายใจไม่ออก แต่ก็พบว่าเด็กแน่นิ่ง ไม่หายใจ เริ่มตัวเขียวแล้ว จึงได้เรียกคนบริเวณนั้นมาช่วยกันดู ก็พบว่าเด็กเสียชีวิตแล้ว จึงรีบแจ้งตำรวจทันที

พ.ต.ท.หญิง ศิริรัตน์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบตามร่างกายผู้ตาย ในการชันสูตรเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย หรือข่มขืนแต่อย่างใด จึงต้องนำศพส่งนิติเวชตำรวจ เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้งหนึ่ง พร้อมทั้งจะประสานให้ฝ่ายสืบสวน ติดตามหาตัวชายคนที่นำเด็กมาฝากไว้กับพยานมาสอบปากคำต่อไป

เวลา 17.00 น. ได้มีนายไพฑูรย์ สิมมะณีย์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/5 หมู่ 2 ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เดินทางเข้าพบกับพนักงานสอบสวน สน.นพวงศ์ บอกว่าเป็นพ่อของเด็กหญิงที่เสียชีวิต ต้องการขอรับหนังสือรับรองเพื่อไปขอใบมรณบัตร โดยระบุว่าผู้เสียชีวิตคือ ด.ญ.ศศินา หรือน้องทราย สิมมะณีย์ อายุ 7 ขวบ

นายไพฑูรย์ ให้การว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ. เวลา 20.00 น.ที่ผ่านมา ตนได้พาน้องทรายที่เกิดกับเมียเก่า ออกจากบ้านที่จ.นนทบุรี เพื่อมาขึ้นรถไฟที่หัวลำโพง จะเดินทางต่อไปที่จ.อุบลราชธานี เพื่อนำน้องทรายไปฝากกับญาติของเมียเก่าเลี้ยง แต่เมื่อมาถึงสถานีหัวลำโพงรถไฟหมดแล้ว จึงตัดสินใจนอนที่หัวลำโพง รอรถไฟขบวนเช้า โดยซื้อผ้าพลาสติกมาปูให้ลูกนอน มีผ้าห่ม 2 ผืนเล็กห่มให้น้องทราย ใกล้กันมีผู้หญิงซึ่งมากับลูกอีก 2 คน นอนอยู่ด้วย กระทั่งตื่นมาตอนเช้าก็ไม่พบน้องทราย เดินตามหาก็หาไม่เจอ จึงเดินทางกลับบ้านที่จ.นนทบุรี จนมาทราบว่าข่าวลูกเสียชีวิตแล้วจึงเดินทางมาขอเอกสารรับศพ

เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เชื่อคำให้การของนายไพฑูรย์ เพราะให้การวกวนและสับสน อย่างไรก็ตาม จากการสอบพยานหลายคนระบุว่าเห็นนายไพฑูรย์นอนเมาสุราหลับไม่รู้เรื่อง นอกจากนี้เบื้องต้นทางนิติเวชแจ้งผลอย่างไม่เป็นทางการพบว่าลำคอของเด็กมีรอยช้ำ แต่ต้องรอผลอย่างเป็นทางการอีกครั้งว่าเสียชีวิตด้วยสาเหตุอะไร

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook