ตร.ใช้ปืนจี้-ตบหน้า-ทุบรถเซลส์สาว เข้าใจผิดคิดว่าแก๊งค้ายาบ้า

ตร.ใช้ปืนจี้-ตบหน้า-ทุบรถเซลส์สาว เข้าใจผิดคิดว่าแก๊งค้ายาบ้า

ตร.ใช้ปืนจี้-ตบหน้า-ทุบรถเซลส์สาว เข้าใจผิดคิดว่าแก๊งค้ายาบ้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เซลส์สาว จอดฮอนด้าแจ๊ซ หน้าห้างเซ็นทรัลบางนา เจอชายฉกรรจ์กว่า 10 คนขับรถปิดหัวท้าย ชักปืนจี้-ทุบกระจกแตก-ตบหน้าหงาย ค้นหายาเสพติดในรถแต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย เจ้าตัวเผยตอนแรกคิดว่าโจรปล้น มารู้ทีหลังว่าเป็นตำรวจ แต่ไม่รับผิดชอบกับการกระทำรุนแรง แถมขู่ว่าหากเอาเรื่องฟ้องร้องเอาเอง ลั่นจะสู้จนถึงที่สุด เผยเป็นทีมงานของ "รอง ผกก.กลุ่มงานสืบสวนชลบุรี"

การปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ แต่กลับทำให้ผู้บริสุทธิ์ได้รับความเสียหายครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 1 มีนาคม ขณะที่ พ.ต.ท.สายชล หงษ์สุวรรณ์ พนักงานสอบสวน (สบ3) สน.บางนา กำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพักได้มี น.ส.ณัฐชานันท์ สุขสันต์สมเจริญ อายุ 30 ปี ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาเพื่อสุขภาพ (เซลส์ขายยานวดเคาท์เตอร์เพน) บริษัท ดีทแฮม จำกัด พร้อม น.ส.พิชญดา ธำรงค์พรสวัสดิ์ อายุ 29 ปี ผู้จัดการบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพีเอฟ เดินทางเข้าแจ้งความว่า ถูกกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบกว่า 10 คนพร้อมอาวุธปืน เข้าประกบแล้วทุบทำลายรถเสียหายก่อนตบหน้าอีก 1 ครั้งเนื่องจากเป็นความเข้าใจผิดว่าเป็นพวกค้ายาเสพติด

น.ส.ณัฐชานันท์ กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.20 น. วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ตนพร้อม น.ส.พิชญดา ขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ซสีฟ้า หมายเลขทะเบียน ฌฌ 9059 กรุงเทพมหานคร จากศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ก่อนจะมาจอดรอรับเพื่อนผู้ชายที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล บางนา โดยเพื่อนผู้ชายจะเดินทางมาจากสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งได้จอดรถแล้วเปิดไฟกระพริบไว้

"จากนั้นเวลา 23.33 น. ก็มีรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ แลนเซอร์ สีขาว ลักษณะคล้ายรถแต่ง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับมาจอดชิดท้ายรถ ซึ่งจอดชิดผิดปกติ ก่อนจะมีรถกระบะแค๊ป สีขาว ไม่ทราบทะเบียน ขับมาจอดขวางด้านหน้ารถของดิฉันอีกคัน จากนั้นก็มีชายออกมาจากรถทั้ง 2 คันกว่า 10 คนโดยมาล้อมรถดิฉันพร้อมกับใช้อาวุธปืนจี้ พยามยายามให้ดิฉันเปิดประตูรถ ตอนแรกเข้าใจว่าถูกโจรปล้นเพราะมีผู้ชายกว่า 10 คน ถืออาวุธปืน 5 คนจี้เล็งมาที่ที่รถ" น.ส.ณัฐชานันท์ กล่าว

น.ส.ณัฐชานันท์ กล่าวอีกว่า ด้วยความกลัว เพราะกลุ่มชายดังกล่าวมีปืนจี้อยู่ จึงไม่กล้าลงจากรถ และไม่กล้าเปิดประตูรถ แต่กลุ่มชายดังกล่าวพยายามจะเปิดประตูรถให้ได้ ทั้งทุบทั้งถีบ จนทำให้ประตูขวาด้านหน้ามีรอยบุบ หลายแห่ง และประตูหลังด้านซ้ายกระจกแตกทั้งบาน และมีรอยบุบเช่นกัน เมื่อกลุ่มชายดังกล่าวทุบกระจกประตูรถจนแตกแล้วก็เปิดประตูได้ ก่อนจะตะคอกใส่ตน และน.ส.พิชญดา ว่า "เอาของมา" น.ส.พิชญดา จึงยื่นกระเป๋าเงินให้ เพราะเข้าใจว่าถูกปล้น และกลุ่มชายดังกล่าวต้องการทรัพย์สิน

"ระหว่างที่กลุ่มชายดังกล่าวกำลังทุบรถ เพื่อนดิฉันเห็นท่าไม่ดีก็ได้โทรศัพท์แจ้ง 191 เมื่อกลุ่มชายดังกล่าวสามารถเปิดประตูได้แล้วก็เข้ามาตบหน้าดิฉันอย่างแรงจนรู้สึกหน้าชาไปหมด เพื่อนดิฉันก็โดนตบหน้าด้วยเหมือนกัน แต่ถูกแบบเฉียดๆ ก่อนจะถามว่าทำงานอะไร ดิฉันก็บอกไปว่าขายยา เพราะเป็นเซลส์ขายยาเคาท์เตอร์เพน ของบริษัท ดีทแฮม จำกัด แต่กลุ่มชายดังกล่าวก็พยามถามหายาบ้าว่าซุกซ่อนอยู่ไหน ก่อนจะรื้อค้นทุกซอกทุกมุมในรถจนข้าวของกระจัดกระจายไปหมด ตอนนั้นมีคนมุงดูเยอะมาก แต่กลุ่มชายดังกล่าวก็บอกว่าอย่ามายุ่งกำลังทำงาน หลังจากค้นทุกซอกทุกมุมแล้วก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอะไรเลย เพราะดิฉันเป็นคนบริสุทธิ์ และประกอบอาชีพสุจริต" น.ส.ณัฐชานันท์ กล่าวด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

น.ส.ณัฐชานันท์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นอีกประมาณ 5 นาที ได้ยินเสียงคนตะโกนว่า "ตำรวจมา" ทำให้ชายกลุ่มดังกล่าวขึ้นรถที่จอดประกบรถตนไว้ออกไป พร้อมกับเอากุญแจรถของตน และโทรศัพท์อีก 2 เครื่องไปด้วย โดยทิ้งชาย 1 คนคุมตัวตนกับเพื่อนไว้ ซึ่งจำหน้าได้แม่นยำ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางนา ก็มาที่เกิดเหตุ ซึ่งชายที่คุมตนกับเพื่อนได้ออกไปพูดคุยกับร้อยเวรที่มาตรวจที่เกิดเหตุ ก่อนร้อยเวรจะมาบอกว่า กลุ่มชายดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ สภ.บางประกง

"ดิฉันรู้สึกว่าการกระทำดังกล่าวมันเกินกว่าเหตุ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มดังกล่าวไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นตำรวจขอตรวจค้นแม้แต่น้อย และแต่ละคนก็แต่งกายนอกเครื่องแบบ บัตรก็ไม่ติด หลังเหตุการณ์เริ่มสงบลง รู้สึกเจ็บหน้ามากเพราะถูกตบอย่างแรง จึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ก่อนจะเดินทางมาแจ้งความ" น.ส.ณัฐชานันท์ กล่าว

น.ส.ณัฐชานันท์ กล่าวด้วยว่า หลังเกิดเหตุจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดไม่มีการยอมความใดๆ ทั้งสิ้น แม้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ก่อเหตุดังกล่าวจะมาขอโทษก็ตาม แถมยังบอกอีกว่า ค่าเสียหายถ้าอยากได้ก็ฟ้องเอา ส่วนตำรวจที่ก่อเหตุก็ไปตามหาตัวเอาเองที่จังหวัดชลบุรี ยิ่งทำให้เสียความรู้สึกมากขึ้น สำหรับเรื่องดังกล่าวไม่กังวลว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะช่วยเหลือพวกเดียวกัน เพราะการกระทำดังกล่าวมันผิดชัดเจน ต้องมีคนรับผิดชอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะปฏิบัติหน้าที่แบบผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยกับประชาชนที่บริสุทธิ์ อย่างนี้ไม่ได้

ด้าน พ.ต.ท.สายชล กล่าวว่า เบื้องต้นได้สอบปากคำผู้เสียหายและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งในวันที่ 2 มีนาคม แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อหากับใคร ต้องสอบปากคำและหาพยานหลักฐานที่ชัดเจนเสียก่อน

"จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่ากลุ่มชายดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ซึ่งแจ้งว่าทำงานอยู่ในสังกัดของ พ.ต.ท.สุทัศน์ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งจะได้เรียกเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวมาสอบสวนตามลำดับต่อไป" พ.ต.ท.สายชล กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่า พ.ต.ท.สุทัศน์ พุ่มพันธุ์ม่วง ปัจจุบันเป็น รอง ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.ชลบุรี และเป็นเจ้าของค่ายมวย "พุ่มพันธุ์ม่วง" ซึ่งไม่ตรงกับที่ร้อยเวร แจ้งกับผู้เสียหายว่าเป็นตำรวจปฏิบัติการพิเศษ สภ.บางประกง จ.ฉะเชิงเทรา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook