ทักษิณ อาจจะพูดที่ฮ่องกงวันจันทร์ผ่านวิดีโอลิ้งค์

ทักษิณ อาจจะพูดที่ฮ่องกงวันจันทร์ผ่านวิดีโอลิ้งค์

ทักษิณ อาจจะพูดที่ฮ่องกงวันจันทร์ผ่านวิดีโอลิ้งค์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พรรคเพื่อไทยคาด 3 มี.ค.มีความชัดเจนเสนอชื่อใครเป็นนายกฯในญัตติซักฟอก แย้มชื่อ"เฉลิม"แค่ในใบประกอบญัตติซักฟอก ยันยังไม่ทิ้งความหวังตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ปชป.อัด " ทักษิณ " กลัวถูกจับ หนีปาฐกถา ใช้โฟนอินแทน เตรียมจี้ ผบ.ตร.เรียก สมุน "ทักษิณ" เค้นแหล่งกบดาน ทักษิณอาจจะพูดที่ฮ่องกงวันจันทร์ผ่านวิดีโอลิ้งค์

ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 1 มี.ค. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย มองว่าการที่รัฐบาลพยายามสกัดกั้นการรับเชิญไปบรรยายพิเศษในเกาะฮ่องกงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการแสดงออกให้รู้ว่ารัฐบาลกำลังกลัวเงาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เคยประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศมาแล้ว ขณะที่รัฐบาลชุดนี้ยังทำไม่ได้

"คิดว่ารัฐบาลกลัวความสำเร็จของอดีตนายกฯมากเกินไป เพราะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลในวันนี้ยิ่งแย่ไปใหญ่ เพราะอดีตนายกฯรู้เรื่องนี้จริงและเคยทำสำเร็จเมื่อปี 2540 มาแล้ว ไม่เหมือนบางคนที่เรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ 2-3 วิชา หรืออดีตที่ปรึกษาบริษัทสถาบันการเงินแต่กลับเจ๊งหุ้นกว่า 100 ล้านบาทมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศในวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้สำเร็จ แต่รัฐบาลนี้กลับไปกู้เงินสร้างหนี้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 7 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ บริหารประเทศโดยใช้วิธีเศรษฐกิจนำการเมืองจึงแก้ปัญหาได้ แต่รัฐบาลนี้ตอบโจทย์ตอนนี้จึงกลัวเงาอดีตนายกฯ ฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ควรเลิกหลอกตัวเองดีกว่า "โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว


เมื่อถามว่านายโจเซฟ สติกนิกซ์ นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลประจำปี 2001 ยอมรับจะเข้ามาเป็นที่ปรึกษารัฐบาลและเห็นด้วยกับวิธีการแก้ปัญหาของรัฐบาลนี้ นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า หากรัฐบาลมีที่ปรึกษาดี แต่คนที่จะเข้ามาแก้ปัญหามีไม่กี่คน จะทำสำเร็จหรือ

เพื่อไทยคาดอังคารนี้ชัดเจนผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจะได้ข้อสรุปเมื่อใดว่า การประชุมพรรคในวันที่ 3 มี. ค.น่าจะได้ข้อสรุป ซึ่งพรรคมีบุคคลในใจแล้ว โดยร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่พรรคจะเสนอชื่อเป็นนายกฯ

ส่วนกรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้นั้นนายพร้อมพงศ์กล่าวว่า เป็นความเห็นของนายเสนาะซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองและต้องการให้เกิดรัฐบาลแห่งชาติเพื่อให้เกิดความปรองดอง แต่การยื่นอภิปรายและถอดถอนนายกฯนั้น พรรคต้องเสนอชื่อว่าที่นายกฯไปด้วย

เมื่อถามว่า พรรคจะทบทวนรายชื่อว่านายกฯตามข้อเสนอนายเสนาะหรือไม่ นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ส.ส.ในพรรคต้องหารือกันก่อน

เมื่อถามว่า หากรายชื่อว่าที่นายกฯของพรรคที่จะเสนอออกมาแต่สังคมไม่ยอมรับจะทำอย่างไร นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ในระบอบประชาธิปไตยนั้น ส.ส.187 คนของพรรคเพื่อไทยพร้อมเป็นนายกฯเพื่อไปแก้ไขปัญหา ซึ่งพรรคต้องไปทำความเข้าใจและทำให้ประชาชนยอมรับ

ต่อข้อถามที่ว่า หากเสียงส.ส.ในสภาฯไม่เลือกว่าที่นายกฯจากพรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไร นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ส.ส.ของพรรคไม่ชนะการโหวตอยู่แล้ว เพราะต้องใช้ ส.ส. 234 เสียงขึ้นไป แต่พรรคจะไม่ซูเอี๋ยในการอภิปรายฯ หากพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีข้อมูลอภิปรายรัฐมนตรีมากกว่า 4 คนก็ให้เสนอขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนรับรู้ว่ารัฐบาลชุดนี้หล่อจริงหรือเหวอะหวะ ตนได้รับข้อมูลจากกระทรวงต่าง ๆ เกี่ยวกับการใช้งบกลางว่ามีการชักหัวคิวจากงบร้อยละ 30-40 แล้ว ตอนนี้เสือหิว เสือโหย เสืออดอยากกำลังเพล่นพล่าน ยืนยันว่าข้อมูลของพรรคในการอภิปรายฯนั้นมีหลักฐาน และไม่นำเรื่องส่วนตัวมาพูด แต่เรื่องผลประโยชน์นั้นบางครั้งมันผ่านชู้หรือกิ๊กของคนในรัฐบาล จึงขอถามว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับการทำงานหรือไม่

ถามว่า หากรัฐบาลนำข้อมูลเปรียบเทียบการทำงานของรัฐบาลปี 2544-2549 ว่าหลังบ้านของผู้ใหญ่ในรัฐบาลในช่วงนั้นหากินกับงบประมาณจะทำอย่างไร นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะว่าตนยังไม่เข้ามาทำงานการเมือง และยังไม่ได้เข้าพรรคเพื่อไทย แต่สถานการณ์เดี๋ยวนี้มันทำกันเนียน เพราะมันปี 2009 แล้ว หากรัฐบาลจะนำเรื่องนี้มาเปรียบเทียบก็ขอให้เสนอมา แต่พรรคประชาธิปัตย์จะทำแบบมึงชั่ว กูก็เลวอย่างนั้นหรือ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงวันนี้เหตุใดรายชื่อว่าที่นายกฯยังไม่ชัดเจน พรรคมีปัญหาภายในหรือมีการดึงเกมหรือไม่ นายพร้อมพงศ์กล่าวว่าไม่ได้ดึงเกม และไม่มีปัญหาใด ๆ มันเป็นยุทธศาสตร์ของพรรคที่ต้องดึงไว้ก่อน เพราะเมื่อปล่อยข้อมูลไม่กี่อย่าง อาทิ เรื่องกิ๊ก เรื่องปลากระป๋อง รัฐบาลก็เป็นอย่างนี้ไปแล้ว

พท.แจง"เฉลิม"เป็นนายกฯแค่ในใบประกอบญัตติซักฟอก

นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เเละอดีตสมาชิกกลุ่มวังน้ำเย็น ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ไม่เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ขึ้นเป็นนายกฯแนบญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจฯว่า นายเสนาะเป็นผู้มีประสบการณ์การเมือง ที่ผ่านมาทำนายถูกหมด ดังนั้นเราต้องรับฟัง รวมถึงข้อเสนอที่นายเสนาะ เห็นด้วยกับแนวททางตั้งรัฐบาลแห่งชาติด้วย

"ส่วนตัวยังเห็นด้วยที่จะเสนอชื่อร.ต.อ.เฉลิมขึ้นเป็นนายกฯแนบญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่ถ้าเป็นการตั้งรัฐบาลแห่งชาติก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และล่าสุดภายในพรรคหารือกันยังเป็นชื่อร.ต.อ.เฉลิม เพราะการอภิปรายครั้งนี้จำนวนเสียงในสภาฯสู้รัฐบาลไม่ได้ การเสนอชื่อร.ต.อ.เฉลิมเป็นเพียงการดำเนินการตามกรอบรัฐธรรมนูญเท่านั้น ที่สำคัญเราต้องการเอาข้อเท็จจริงถึงความไม่ชอบธรรมในการตั้งรัฐบาล การทุจริต ต้องการชี้ให้เห็นพวกเสือหิว เสือโหยให้ประชาชนได้รับทราบ"นายศักดา กล่าวและว่า วันที่ 2 ก.พ.นี้ แกนนำของพรรคและผู้บริหารพรรคจะหารือถึงเรื่องดังกล่าว คาดว่าจะได้ข้อยุติ

นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า วันที่ 2 ก.พ.นี้ ช่วงเย็นจะมีการหารือกันระหว่างแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน ประกอบด้วยพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน และนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เพื่อทำความเข้าใจถึงแนวทางที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจและจะเสนอชื่อส.ส.ที่เหมาะสมขึ้นเป็นนายกฯแนบญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

นายวิทยา กล่าวว่า เหตุผลที่พรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอชื่อร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯนั้นเพราะร.ต.อ.เฉลิมมีประสบการณ์ทางการเมืองสูง เป็นหัวหมู่ทะลวงค่ายของพรรคเพื่อไทย เจตนารมณ์ของพรรคเพื่อไทย ไม่มีความประสงค์เสนอชื่อร.ต.อ.เฉลิมขึ้นเป็นนายกฯในกรณีการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เห็นได้จากกรณีที่เราได้เสนอชื่อพล.ต.อ.ประชาขึ้นเป็นนายกฯในช่วงที่มีการเลือกนายกฯกันใหม่

"เพื่อไทย"เตรียมยื่นกระทู้ถามรัฐบาลกรณีปฏิรูปสื่อ

นายพร้อมพงศ์ เเถลงข่าวกรณีการปฏิรูปสื่อภาครัฐหรือฮุบสื่อภาครัฐว่า ช่อง 11 ที่มีการรื้อผังรายการใหม่และบอกว่าปราศจากการเเทรกแซง เเต่ลึก ๆ เเล้วนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯกำลังปฏิบัติการยึดช่อง 11 โดยสมบูรณ์แบบและเเยบยลไม่แตกต่างจากยุคที่คมช.ยึดไอทีวีให้สื่อสายพันธมิตรฯไปบริหารงานสื่อสาธารณะ และวันนี้รัฐบาลก็กำลังฮุบสื่อภาครัฐอีกช่องหนึ่ง

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ขอเปรียบเทียบการบริหารสื่อภาครัฐคือ ทีวีไทยที่ได้รับงบประมาณ 2 พันล้านบาทต่อปีจากภาษีบาปนั้นการบริหารงานของทีวีช่องนี้ไม่เเตกต่างกับเเดนสนธยา เพราะการยึดสื่อนี้ที่นายเทพชัย หย่อง ผอ.ทีวไทย ซึ่งเคยเป็นอดีตผู้บริหารเครือเนชั่นและตอนนี้ได้รับพนักงานจากเครือเนชั่นและเอเอสทีวีด้วยอัตราเงินเดือนเเบบพอใจ ซึ่งตนมีเอกสารยืนยัน

ขอถามว่ารัฐบาลทำอะไรอยู่นายเทพชัยรับเงินเดือนกว่าสามแสนบาทต่อเดือน ขณะที่ผอ.ช่อง 11 ได้รับเงินเดือนห้าหมื่นกว่าบาท อีกทั้งเงินเดือนของนายเทพชัยมากกว่านายกฯด้วย และยังทราบว่าพนักงานจากเครือเนชั่นที่รับเงินเดือนอัตราสูง ทั้ง ๆ ที่นายเทพชัยบอกว่าตราบใดที่เป็นผอ.ทีวีไทยจะไม่รับพนักงานจากเครือเนชั่นเเม้เเต่คนเดียว เเต่ตอนนี้ก็รับมาเเล้วสิบกว่าคน

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า บทเรียนจากทีวีไทยนี้ ฝ่ายค้านรับข้อร้องเรียนมาว่า วันนี้สื่อต้องเลือกสีเสื้อเเล้ว ข่าวการเมืองวันนี้ อดีตผู้ประกาศข่าวช่อง 11 ในยุคพันธมิตรฯยึดช่อง 11 วันนี้หายไปไหนเเล้ว ตนจะตรวจสอบเรื่องนี้เเละเรียกร้องไปยังนายกฯเเละนายสาทิตย์ให้ตอบคำถามว่า 1 .จะปฏิรูปหรือฮุบสื่อช่อง 11 และจะทำให้ช่อง 11 เป็นเหมือนทีวีไทย คือปล่อยให้สื่อที่สนับสนุนพันธมิตรฯมาบริหารหรือไม่ 2. การปฏิรูปสื่อภาครัฐในครั้งนี้มีข่าวว่า คนใหญ่โตในรัฐบาลอักษรย่อส.มีใบสั่งให้นายสาทิตย์ดำเนินการเพื่อตอบเเทนกลุ่มต่าง ๆ ที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นรัฐบาลหรือไม่

3. ช่อง 11 จะเป็นเเเดนสนธยาเหมือนทีวีไทยหรือไม่ 4. งบประมาณจะมาจากไหนทั้งๆที่รัฐบาลกำลังถังเเตกเเละประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร 5. นายโป๊งเหน่งที่มีความสัมพันธ์กับนายเทพชัย นายจ. เเเนวร่วมต่อต้านระบอบทักษิณ บ.ดิจิตอลมีเดียที่แต่งตัวใหม่ เเละสื่อที่ใกล้ชิดพรรคประชาธิปัตย์จะมีรายชื่อในผังรายการใหม่ของช่อง 11 หรือไม่ ตนรู้มาว่านายสาทิตย์ที่ตัวเเค่นี้เเต่เอกสารเรื่องเหล่านี้มันสูงเลยหัวนายสาทิตย์ไปอีก 6. การบริหารงานในทีวีไทยเเละระบบเงินเดือนจะเป็นไปตามระเบียบหรือไม่ 7. การเสนอข่าวของช่อง 11 ยุคใหม่รวมทั้งทีวีไทยนั้น จะเป็นกลางหรือไม่ เเละจะมีกรรมการกลางเข้ามาตรวจสอบหรือไม่ 8. จะจัดเวลาให้พรรคฝ่ายค้านไปออกอากาศหรือไม่

" ขอให้ผู้ได้รับผลกระทบจากการปฏิรูปสื่อภาครัฐนำข้อมูลมาให้พรรคเพื่อไปยื่นกระทู้สดในสภาด้วย " นายพร้อมพงศ์กล่าว

โฆษกเพื่อไทยยกสารพัดปัญหาจี้รัฐบาลแก้ให้ถูกจุด

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า รัฐบาลยังแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ถูกจุด เหมือนเกาไม่ถูกที่คัน จะเห็นว่ารายได้ของประเทศลดลง 26.5% ในปี 2551 และปี 2552 จะหดตัวลงอีก 21.3 % ผลกระทบที่ตามมาคือภาคอุตสาหกรรมจะปิดตัวลงอีกจำนวนมาก แรงงานจะถูกเลิกจ้างอีก 5.3 แสนคน และในอนาคตจะมีคนตกงานเพิ่มขึ้น นักศึกษาจะว่างงานอีก 6.7 แสนคน เชื่อว่าในปี 2552 จะมีคนว่างงาน 2 ล้านคน ประกอบกับภาคเอกชนจะส่งออกลดลง ลดกำลังการผลิตลง ธนาคารพาณิชย์ชะลอการปล่อยสินเชื่อเนื่องจากกลัวหนี้เสีย นักวิชาการระบุว่าสถานประกอบการจะปิดตัวลงเพิ่มอีก 355 แห่ง ซึ่งในนั้นจะมีคนตกงาน 1.3 แสนคน ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาดังกล่าว

นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า วิกฤตของประเทศที่จะตามมาจะมีเรื่องการส่งออกและเรื่องการท่องเที่ยวที่เกิดจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่กำลังหดตัว ประกอบกับปี 2551 พันธมิตรฯปิดสนามบิน ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เคยประมาณการณ์ว่าจะเข้ามาในประเทศไทย 13-14 ล้านคนต่อปีนั้น จะลดลงเหลือเพียง 6-7 ล้านคนต่อปี คาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวจะลดลง 10% ของจีดีพี ซึ่งต้องยอมรับว่าผลกระทบดังกล่าวเกิดจากการปิดสนามบินของพันธมิตรฯ เพราะส่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของต่างชาติที่ทำให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยซบเซาลงไปอีก 2-3 ปี

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า จากการที่พรรคฝ่ายค้านได้ติดตามนโยบายปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลและออกไปพบประชาชน จึงรวบรวมคำถามส่งไปยังรัฐบาล 7 ข้อคือ 1. ปัญหาคนตกงาน 2 ล้านคนในปีนี้ 2. การส่งออกทรุด 3. การท่องเที่ยวแย่ 4. ธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อเพราะกลัวหนี้เสีย 5. การแจกเงิน 2 พันบาทไม่ครอบคลุมประชาชนอีก 23 ล้านคน 6. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และ7. ปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงใน 30 จังหวัดนั้น รัฐบาลจะแก้ไขอย่างไร

เพื่อไทยยังไม่ทิ้งความหวังตั้งรัฐบาลแห่งชาติ

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดช่องให้คนนอกที่เป็นกลางทางการเมืองเข้ามาเป็นนายกฯอาจขัดรัฐธรรมนูญว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องหันกลับไปมองตัวเองบ้างว่าที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เคยเสนอให้ใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 7 เพื่อเปิดช่องให้นายกฯคนนอกเข้ามา จนได้ฉายามาร์ค ม. 7 แต่วันนี้พรรคเพื่อไทยเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ในประเด็นเปิดช่องให้คนนอกเข้ามาเป็นนายกฯกลับหาว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ

"สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์เคยพูดไว้มันมัดคอตัวเอง พรรคประชาธิปัตย์ต้องทบทวนตัวเองที่ชอบพูดให้สังคมสับสน ชอบพูดดำให้เป็นขาว ขาวให้เป็นดำ พูดให้พระกลายเป็นโจรในสายตามของสังคมได้ ส่วนกรณีที่พรรคเสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาติเเละมีหลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยนั้น ถือว่าเป็นสิทธิ์ แต่จะเกิดขึ้นหรือไม่ต้องติดตามดูในอนาคต แต่ยังเชื่อว่ามีความเป็นไปได้"

ส่วนกรณีที่นพ.บุรณัชย์ท้าให้เปิดเผยผู้อยู่เบื้องหลังการเสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาตินั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตนเป็นผู้เสนอเอง และอาจไปสอดคล้องกับความคิดของผู้ใหญ่ทางการเมือง แล้วถึงวันหนึ่งถ้าพรรคประชาธิปัตย์ถูกบีบให้ทำตามที่ตนเสนอก็อย่ามาร้องโวยวายก็แล้วกัน

ปชป.หยาม"ทักษิณ"กลัวถูกจับ

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับว่าจะไม่มีการปาฐกถาที่ฮ่องกงวันที่ 2 มี.ค.แต่จะใช้การโฟนอินแทน ว่า เป็นไปตามที่คาดหมายเพราะเป็นการสร้างประเด็นในการชิงพื้นที่ข่าว ในช่วงที่รัฐบาลไทยจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน อยากถามว่าถ้าไม่กลัวแล้วจะเปลี่ยนวิธีมาเป็นการโฟนอินแทนทำไม

"เชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณยังคงอยู่ในฮ่องกง เพราะ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย บอกว่า วันนี้ ( 1 มี.ค.) จะมีส.ส.เพื่อไทยจำนวนหนึ่งเดินทางด้วยสายการบินไทย เที่ยวบิน ทีจี 600 ไปพบพ.ต.ท.ทักษิณซึ่งมีบ้านพักอยู่ที่ฮ่องกง เพียงแต่ชอบทำตัวเป็นนินจา หลบ ๆ ซ่อน ๆ หากมีการโฟนอินจริง ถ้าไปถามนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาทางกฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ และอดีตรมว.การต่างประเทศ คงจะตอบว่าเป็นการโฟนอินมาจากน่านน้ำสากลอีก"

นายเทพไท กล่าว สำหรับการติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณ นั้นเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมามีตัวแทนของสำนักงานอัยการสูงสุด และกระทรวงการาต่างประเทศ รวม 3 คน เดินทางไปที่ฮ่องกง เพื่อติดตาม สังเกตการณ์ และประสานงานกับทางการของฮ่องกง เพื่อติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดี เนื่องจากคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคดีอาญาที่ถูกศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 2 ปี และเป็นผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศ ไม่ใช่เป็นคดีการเมืองอย่างที่กล่าวอ้างกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เขตปกครองพิเศษฮ่องกงไม่ได้ทำสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย จะสามารถติดตามพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีได้หรือไม่ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สามารถทำได้หลายวิธี คือ 1. ประสานงานกับรัฐบาลจีนโดยตรง ในฐานะรัฐต่อรัฐ โดยผ่านวิธีการทางการทูต เนื่องจากเป็นผู้ร้ายหลบหนีออกนอกประเทศ และศาลได้ออกหมายจับแล้ว ตำรวจสามรถติดตามจับกุมตัวได้ตามที่อยู่ในประเทศหรือหากหนีออกนอกประเทศ ก็ประสานกับประเทศนั้นๆ เพื่อให้ตรวจสอบที่อยู่ที่แน่นอนในประเทศนั้น ๆ จากนั้นก็ประสานกับตำรวจสากล

"สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ต้องส่งเอกสารซึ่งเป็นที่อยู่ที่แน่ชัดในต่างประเทศนั้นๆ พร้อมกับทำหนังสือชี้แจงการติดตามตัว รวมถึงสำเนาหมายศาลให้สำนักงานอัยการสูงสุด ดำเนินการผ่านวิธีทางการทูตประเทศนั้น ๆ ซึ่งพนักงานอัยการฝ่ายต่างประเทศ ในฐานะผู้ประสานงานกลางจะเป็นผู้พิจารณาจัดทำคำร้อง เพื่อขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามขั้นตอนต่อไป ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุดและกระทรวงการต่างประเทศ กำลังเดินงานสานประสานงานกับเขตปกครองพิเศษฮ่องกง"

เมื่อถามว่าจะได้รับความร่วมมือจากฮ่องกงหรือไม่เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นผู้ที่ทำรายได้เข้าประเทศฮ่องกง นายเทพไท กล่าวว่า เชื่อว่าฮ่องกงคงจะคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากกว่าผลประโยชน์ที่จะได้รับจากนักโทษที่หลบหนีการจับกุมจากประเทศไทย

ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่า สาเหตุที่รัฐบาลตามล่าตัวพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะรัฐบาลนี้อาฆาตมาดร้ายต่อพ.ต.ท.ทักษิณ นั้น นายเทพไท กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะ 1.พ.ต.ท.ทักษิณมีที่พำนักที่ชัดเจนในฮ่องกง 2.มีการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างเปิดเผย ท้ายทายอำนาจรัฐ 3.พ.ต.ท.ทักษิณถูกศาลตัดสินมีโทษจำคุกตามอาญาแล้ว เพื่อให้เป็นมาตราฐานเดียวกัน และ 4. รัฐบาลจำเป็นต้องทำให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ ตามที่รัฐประกาศว่าจะใช้นิติรัฐกับทุกกลุ่มและทุกคน เพื่อไม่ให้เป็นข้อครหาว่าไม่ได้มีคุกขังแต่คนจน แต่คนรวยที่ทำผิดกฎหมายก็มีสิทธิ์ติดคุกได้เหมือนกัน

นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันอังคารที่ 3 มี.ค. เวลา 13.00. น. จะเดินทางเข้าพบ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.เพื่อยื่นหนังสือให้ตรวจสอบ ส.ส.ที่เดินทางไปพบ พล.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อาทิ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี และ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เนื่องจากเป็นบุคคลที่รู้แหล่งที่อยู่ที่ถูกต้องของ พ.ต.ท. ทักษิณ ซึ่งการไปพบพ.ต.ท. ทักษิณไม่ผิด แต่หากบุคคลเหล่านี้ไม่ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ จะถือเป็นว่าเป็นความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 188 189 ฐานปกปิดที่อยู่และข้อมูลนักโทษ

ส่วนกรณีที่ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ จะเดินทางไปติดตามหาข้อมูลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ฮ่องกงนั้น นายสาธิต กล่าวว่า ยืนยันว่าเป็นเรื่องของพรรค ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานของรัฐบาล ส่วนวันเวลาและบุคคลที่จะเดินทางไปขณะนี้ยังไม่ได้กำหนด

"ศิริโชค"หาช่องประสานจีนหลังฮ่องกงไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและอดีตที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าไทยกับเกาะฮ่องกงไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกันว่า ไทยและฮ่องกงไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน แต่ไทยได้ทำกับจีน ดังนั้นอาจจะประสานไปยังประเทศจีนเพื่อดูว่ามีกฎหมายที่พอจะให้ความร่วมมือในการประสานต่อไปยังฮ่องกง เพื่อส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีต่อที่ประเทศไทยได้หรือไม่ ทั้งนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลจะทำตามกฎหมายทุกขั้นตอน และอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าใจว่ารัฐบาลไม่เลือกปฎิบัติ แต่กรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือผู้ต้องหาที่ถูกคำพิพากษาสั่งจำคุก 2 ปี รัฐบาลจึงปล่อยปละละเลยไม่ได้

ส่วนที่ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่ารัฐบาลอาฆาตมาดร้าย พ.ต.ท.ทักษิณจนเกินไป นายศิริโชคกล่าวว่า อยากบอกกับ ร.ต.อ.เฉลิมว่าถ้ากังวลเรื่องนี้นัก ถ้าห่วงมากก็สามารถไปเป็นทนายแก้ต่างให้พ.ต.ท.ทักษิณได้ แต่ในฐานะที่เป็น ส.ส. ซึ่งเป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย อยากให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลักมากกว่าที่จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง

"ผมเข้าใจว่าร.ต.อ.เฉลิม รักชอบคุณทักษิณ แต่การที่ออกมาระบุว่ารัฐบาลอาฆาตมาดร้าย เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ยืนยันว่ารัฐบาลใช้มาตรฐานกฎหมายต่อ พ.ต.ท.ทักษิณที่เท่าเทียมกับประชาชนคนอื่น ๆ และอยากให้ร.ต.อ.เฉลิม กลับไปพิจารณาว่า พ.ต.ท. ทักษิณทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติบ้าง ซึ่งถ้าพบว่าไม่ ก็อยากให้ ร.ต.อ.เฉลิม ทบทวนบทบาทตัวเองเสียใหม่ ว่าควรออกมาปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ " นายศิริโชค กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่านายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าการที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เร่งรัดดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะกลัว ที่มีความรู้ความสามารถเหนือกว่านายอภิสิทธิ์ นายศิริโชค กล่าวว่า รัฐบาลไม่เคยกลัว พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นเรื่องการบังคับใช้กฎหมายกับทุกฝ่าย เพราะหากเห็นนักโทษหนีคดีก็จำเป็นต้องนำตัวกลับมาลงโทษ

ต่อข้อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่าตามข้อบังคับของสหประชาชาติข้อ 14 ระบุว่าความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการตัดสินเพียงศาลเดียว ดังนั้นประเทศที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปอาศัยอยู่ หากประเทศนั้นมีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ก็อาจไม่ต้องส่ง พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาประเทศไทยก็ได้ นายศิริโชคกล่าวว่า ไม่เข้าใจมาตรฐานของ ร.ต.อ.เฉลิม ทั้งที่เป็น ส.ส. ที่มาจากรัฐธรรมนูญ 2550 และสนับสนุนการใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 แต่กลับไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญทั้งปี 2540 และ 2550 ที่กำหนดให้ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นศาลเดียวที่ตัดสินคดีของนักการเมือง ซึ่งศาลนี้ก็ตัดสินคดีการเมืองมาแล้วหลายคดี เช่น คดีของนายวัฒนา อัศวเหม แต่ก็ไม่เห็นว่าร.ต.อ.เฉลิมจะออกมาโวยวาย ไม่เข้าใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณมีประโยชน์อะไรกับร.ต.อ.เฉลิมหรือ ถึงทำให้ต้องคอยออกมาแก้ต่างแทนเสมอ

ปชป.วอนเสื้อแดงยุติเคลื่อนไหวใช้ความรุนแรง

นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงที่ระบุว่าจะนัดรวมตัวกันระยะเวลา 1 เดือนให้ได้ 1 ล้านคนนั้น ว่า ตนขอเรียกร้องไปยังกลุ่มคนเสื้อแดง 3 ข้อ คือ 1. อย่าตกเป็นเครื่องมือของคนไทยที่อยู่ต่างประเทศ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการล้มล้างรัฐบาลและล้มล้างความเชื่อมั่นของประเทศไทย

2. ขอให้ยุติพฤติกรรมความรุนแรง และรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ยกตัวอย่างกรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่ จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมาซึ่งมีการรุมทำร้ายชายคนหนึ่ง และขอให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.พิษณุโลกให้เร่งดำเนินคดีกับคนเสื้อแดงและรายงานผลการตรวจสอบมาให้รัฐบาลทราบ

3. ขอให้แกนนำเสื้อแดงยกระดับจากการไล่รัฐบาลไปเป็นการเคลื่อนไหวในฐานะพรรคการเมือง โดยให้ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองเกิดใหม่ และยังไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการเมือง โดยให้พรรคเพื่อไทยไปเคลื่อนไหวในรัฐสภาดีกว่ามาชุมนุมตามท้องถนน ทั้งนี้ขอชื่นชมแกนนำคนเสื้อแดง เพราะหากสามารถรวบรวมคนได้ 1 ล้านคนก็ขอนำไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ถ้าหากไม่ชอบก็ให้ตั้งพรรคการเมืองใหม่

ทักษิณอาจจะพูดที่ฮ่องกงวันจันทร์ผ่านวิดีโอลิ้งค์

สำนักข่าวดีพีเอรายงานในวันนี้ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ของไทย กำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่า สมควรจะกล่าวปาฐกถาที่ฮ่องกงโดยผ่านทางวิดีโอลิ้งค์ หรือไม่ หลังจากเมื่อวานนี้ เขาได้ยกเลิกกำหนดการไปปรากฎตัวที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในฮ่องกง เพราะนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานอัยการสูงสุด หาทางขอให้ฮ่องกงส่งตัวเขาในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน โดยอดีตผู้นำไทยให้เหตุผลว่า ไม่ต้องการให้การปรากฏตัวของเขาสร้างความเสียหายต่อความสัมพันธ์ไทยจีน พร้อมอ้างด้วยว่ารำคาญเสียงโห่ฮาเรื่องกำหนดการไปกล่าวปาฐกถาของเขา

โฆษกของสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศฮ่องกง ซึ่งได้ขายตั๋วสำหรับเข้าร่วมงานครั้งนี้ไปมากกว่า 100 ใบแล้ว เปิดเผยทางสถานีโทรทัศน์ RTHK ของทางการในวันนี้ว่า อดีตผู้นำไทยอาจยังกล่าวปาฐกถาตามกำหนด แต่เปลี่ยนเป็นวิดีโอลิงค์แทน โดยคณะผู้แทนของพันตำรวจเอกทักษิณ ยังคงพยายามจัดตั้งการเชื่อมต่อภาพและเสียงจากนอกดินแดนฮ่องกงอยู่ สำหรับการกล่าวปาฐกถาช่วงรับประทานอาหารกลางวันชื่อ" วิกฤตการเงิน,ความไม่แน่นอนทางการเมือง : บทเรียนจากประเทศไทย "ในฐานะประธานผู้ก่อตั้งมูลนิธิสร้างอนาคตที่ดีกว่า " (Building a Better Future Foundation)

นายกฯเผยกำลังหาช่องกฎหมายนำตัว"ทักษิณ"กลับมาลงโทษ

ที่รร.ดุสิต หัวหิน เมื่อเวลา 14.00 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ประเด็นการเมืองกรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ไม่เห็นด้วยกับการเสนอชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่รุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ ว่า เป็นเรื่องภายในของฝ่ายค้าน ตนคงไม่ขอออกความเห็นในประเด็นนี้

เมื่อถามว่า ตรงนี้เป็นจุดที่แสดงให้เห็นหรือไม่ว่าฝ่ายค้านไม่มีความพร้อม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาของการทำงานต่างพรรค ซึ่งอาจมีความเห็นแตกต่างกันไป แต่ก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะต้องไปตกลง และทำหน้าที่ตรวจสอบต่อไป

เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม มีคุณสมบัติเป็นนายกฯได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอไม่ให้ความเห็น เป็นเรื่องของฝ่ายค้าน

เมื่อถามถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่าจะสามารถนำตัวกลับมาลงโทษได้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ขณะนี้มีข่าวยืนยันออกมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ไปแสดงปาฐกถาที่ฮ่องกงแล้ว แต่ที่ผ่านมาเราไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหน แต่คงเป็นเรื่องที่ตำรวจและอัยการจะปรึกษาหารือกันว่า ทำอย่างไรจึงจะบังคับใช้กฎหมายหรือาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศรูปแบบใดต่อไปในการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมา

เมื่อถามว่าจะเป็นเหมือนแมวไล่จับหนู ที่สุดท้ายจับกันไม่ได้สักที นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จริง ๆ แล้วหน้าที่หลักของรัฐบาล ก็ทำงานแก้ปัญหาอื่น ๆในประเทศ ซึ่งมีความสำคัญมาก คือปัญหาของประชาชน แต่กรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเพียงกรณีเดียวของการบังคับใช้กฎหมาย เราให้เจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ทำงานไปตามปกติ จะบอกว่าเพิกเฉยก็ไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่ที่เราต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคกัน

เมื่อถามว่า ขั้นตอนขณะนี้คืบหน้าถึงไหนแล้ว นายกฯ กล่าวว่า ในเชิงข้อกฎหมาย คดีถึงที่สุดไปแล้ว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการนำตัวเข้ามารับโทษทางกฎหมาย และมีคดีความอื่น ๆ ที่อยากให้เข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม แต่เมื่ออยู่ต่างประเทศก็ต้องดูว่าเรามีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศนั้นหรือไม่ และขั้นตอนหรือหน่วยงานใดต้องทำ แต่ก็ต้องมีข้อเท็จจริงก่อนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหน เพื่อจะได้ทำเรื่องขอตัวไป ดังนั้นจึงอยู่ในขั้นตอนเดิมว่าเราไม่ทราบที่อยู่ที่ชัดเจนของ พ.ต.ท.ทักษิณ

เมื่อถามว่า หลายฝ่ายมองว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาเคลื่อนไหว ในขณะที่รัฐบาลกำลังปฎิบัติภารกิจสำคัญนี้ เพียงเพื่อชิงพื้นที่สื่อเท่านั้น นายกฯกล่าวว่า อยู่ที่สื่อจะให้พื้นที่หรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่รัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเสร็จสิ้นแล้ว นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยรถประจำตำแหน่งทันที

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook