รุ่นพี่ "พลทหารทาโร่" ยันไม่มีใครทำร้าย ยอมรับหนีค่ายไปเที่ยว

รุ่นพี่ "พลทหารทาโร่" ยันไม่มีใครทำร้าย ยอมรับหนีค่ายไปเที่ยว

รุ่นพี่ "พลทหารทาโร่" ยันไม่มีใครทำร้าย ยอมรับหนีค่ายไปเที่ยว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณี พลทหารนพดล หรือ ทาโร่ ออกจากค่ายทหารแล้วไปเกิดไปหมดสติที่บ้านและเสียชีวิตที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ในอาการมีเลือดออกที่ปากและจมูก มีการฉีกขาดที่ลิ้นหัวใจ แต่ร่างกายไม่มีรอยช้ำ ตามที่ญาติให้รายละเอียดในขั้นต้น ซึ่งมีผู้อยู่ในเหตุการณ์ขณะพลทหารนพดลหมดสติ คือ 2 พลทหารที่แอบหนีค่ายเพื่อไปเที่ยวงานบิ๊กไบค์

ซึ่งในวันนี้ 2 พลทหารมีโอกาสได้เปิดใจกับสื่อเป็นครั้งแรก ทำให้รู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น หลังจากที่มีความกังวลมาตั้งวันเกิดเหตุ กลัวสังคมมองเขาทั้ง 2 ผิดไป จากข่าวในครั้งแรกที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงเท่าไรนัก

โดย พลทหารชัยฤกษ์ อายุ 23 ปี และ พลทหารปริญญา อายุ 23 ปี ทหารรุ่นพี่ของพลทหารทาโร่ เล่าว่าในวันเกิดเหตุได้วางแผนกับน้องทาโร่ที่ชวนไปเที่ยวงานบิ๊กไบค์ตั้งแต่ช่วงเย็นก่อนที่จะมีการซ่อมวินัย เมื่อซ่อมวินัยเสร็จก็ไปเตรียมตัวและมานั่งรอรถจักรยานยนต์ที่จะใช้ขับออกไปกันสามคน ระหว่างทางก็คุยกันอย่างสนุกสนานเรื่องที่จะได้ไปเที่ยวงานบิ๊กไบค์ที่อำเภอท่าชนะ 

เมื่อถึงบ้านน้องทาโร่ ก็นำจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ 2 คัน ออกมาเตรียมเพื่อจะขับไปเที่ยวงาน ซึ่งต้องใช้เวลาในการขับขี่ไม่ต่ำกว่าชั่วโมงครึ่ง แต่รถจักรยานยนต์ที่ต้องสตาร์ทด้วยเท้าสตาร์ทไม่ติด น้องทาโร่ที่รีบจะไปงาน ก็ต้องออกแรงอย่างมากในการติดเครื่องยนต์ ซึ่งในช่วงแรกต้องขึ้นสตาร์ททั้งตัวประมาณ 20 กว่าครั้ง ก่อนที่จะรู้สาเหตุว่าไม่มีน้ำมัน น้องทาโร่จึงออกไปซื้อน้ำมันประมาณ 10 นาที เมื่อเติมเสร็จสตาร์ทอีก 6-7 ครั้งก็ติด แล้วมาสตาร์ทคันที่ 2 ต่อ

แต่สตาร์ทได้ไม่กี่ครั้งน้องทาโร่บ่นว่าเหนื่อยจึงให้ตนสตาร์ทต่อ น้องทาโร่ก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะออกเดินทาง แต่พวกตนรออยู่นานประมาณ 15 นาทีจึงให้ญาติน้องไปดู แล้วกลับมาบอกว่าเห็นน้องทาโร่นอนหลับอยู่ในห้องแล้ว ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะนัดจะไปเที่ยวกัน จึงเร่งเดินไปดูก็เห็นพี่สาวกำลังนั่งปลุกน้องทาโร่ เมื่อเข้าไปดูก็พบว่าหมดสติ จึงบอกว่าเป็นลมหรือเปล่าเพราะวันนี้มีการซ่อมวินัยอาจจะเหนื่อย แต่เมื่อชีพจรไม่ดีจึงเร่งช่วยปั๊มหัวใจ เนื่องจากเคยอบรมจากโรงพยาบาลค่ายวิภาวดี ซึ่งใช้เวลาช่วยฟื้นคืนชีพประมาณ 30 นาที จนพี่สาวของน้องเห็นว่าน้องลืมตาและหายใจอีกครั้ง จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที ก่อนที่ต้องจะมาเสียชีวิต

โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้สร้างความเสียใจให้กับพวกตนเป็นอย่างมาก ประกอบกับข่าวในครั้งแรกที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการซ้อมพลทหารท่าโร่ จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต ซึ่งก็ขอยืนยันเลยว่าไม่มีใครทำร้ายน้อง ที่ค่ายอยู่กันอย่างพี่น้อง ไม่เช่นนั้นคงไม่เสี่ยงที่จะหนีเที่ยวด้วยกัน แม้รู้ว่าถ้าโดนจับได้ต้องโดนลงโทษทางวินัยก็ตาม

โดยภายหลัง พลทหาร 2 นายนี้ ได้ถูกสั่งขังตามระเบียบทหาร เนื่องจากหนีเที่ยวผิดวินัยของค่าย

ทางด้าน พล.ต.วิชัย ทัศนมณเฑียร ผบ.มทบ.45 กล่าวว่าจากเหตุการณ์ในครั้งที่ผ่านมา ทำให้ทางค่ายมีการตรวจสอบและมาตรการควบคุมมากขึ้น ซึ่งมีทั้งพยานบุคคลและภาพจากกล้องวงจรปิดที่พร้อมจะให้สังคมตรวจสอบ รวมถึงการมอบนโยบายผู้ใต้บังคับบัญชา โดยกำชับว่าทหารเกณฑ์เป็นยศที่ต่ำสุดในค่ายทหาร แต่ควรให้เกียรติและรักเขาให้มากที่สุด และสร้างให้เป็นคนดีของสังคม

อย่างไรก็ตามการเสียชีวิตของพลทหารนพดล ในครั้งนี้ ยังคงต้องรอบทสรุปของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ต้องสอบสวนให้ครอบคลุมรอบด้าน และวิเคราะห์ร่วมกับผลการชันสูตรของแพทย์ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย​

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook