เปิดชีวิตพ่อเตะลูกคลิปดัง เป็นเสาหลักเลี้ยงดูเมียพิการ ลูก 4 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่มีพ่อคนหนึ่ง ได้ทำร้ายลูกน้อยตัวเอง ด้วยการทุบตี และเตะอย่างแรง จนเด็กตัวปลิวกระแทกพื้นถึง 2 ครั้ง ซึ่งถูกกล้องวงจรปิดของร้านบันทึกไว้อย่างละเอียด ก่อนที่ผู้จัดการร้านจะนำคลิปไปลงเผยแพร่ จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารของสังคมในวงกว้าง

ล่าสุด สายวันนี้ (28 ส.ค. 60) เวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อ นายเก่ง (นามสมมติ) อายุ 33 ปี ผู้เป็นพ่อที่ทำร้ายลูกน้อย ซึ่งยอมออกมาเปิดเผยตัวต่อสื่อเป็นครั้งแรก โดยนัดพบกันที่บริเวณสวนน้ำเฉลิมพระเกียรติ ร.9 หรือบุ่งตาหลั่ว อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบว่านายเก่ง ได้ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงเดินทางมาพร้อมกับภรรยา ซึ่งพิการแขน ขา ลีบ มีอาการกล้ามเนื้อกระตุกตลอดเวลา ก่อนที่จะพาภรรยาเดินไปนั่งที่ศาลาริมน้ำ

โดยนายเก่ง เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์วันดังกล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทที่ทำงานของตน ได้ให้โบนัสกับพนักงานขายประมาณ 10 คน ไปรับประทานอาหารในร้านชาบูญาชาบู สี่แยกร่วมเริงไชย ถนนสืบศิริ ซึ่งปกติตนก็ไม่มีปัญญาพาครอบครัวมารับประทานอาหารหรูเช่นนี้เลย ดังนั้นจึงรู้สึกดีใจและพาครอบครัวซึ่งมีภรรยาที่พิการ และลูกอีก 4 คน มาร่วมรับประทานอาหารด้วย ต่อมาเมื่อรับประทานอาหารสักครู่ ปรากฏว่าลูกชายคนที่สามของตน ซึ่งอายุ 5 ปี ได้หายออกไปจากร้าน ตนจึงได้ออกเดินตามหา เพราะกลัวว่าจะไปวิ่งเล่นอยู่ริมถนน เกิดรถชนได้รับอันตรายได้ ตามหาอยู่นาน

เมื่อพบลูกชายที่บริเวณลานจอดรถของร้าน จึงเกิดอารมณ์โมโหชั่วขณะ และได้ทำร้ายลูกชายอย่างรุนแรงตามที่ปรากฏในคลิป ทั้งนี้ตนก็ยอมรับว่าทำรุนแรงเกินกว่าเหตุจริงๆ แต่ที่ทำลงไปก็ด้วยความรัก และห่วงใยในลูกของตนเอง กลัวว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขาแล้วใครจะมารับผิดชอบ เพราะปัจจุบันนี้ ครอบครัวของตนมีอยู่ด้วยกัน 6 คน ภรรยาก็เป็นโรคสมองลีบ แขน ขา อ่อนแรง ไม่ได้ทำงานมานานกว่า 2 ปีแล้ว ดังนั้นภาระหน้าที่เลี้ยงดูครอบครัวทั้งหมด จึงตกมาอยู่ที่ตนคนเดียว ซึ่งตนก็เรียนไม่จบชั้น ป.6 ได้ทำงานกับบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นพนักงานขาย ก็มีรายได้เป็นรายวันบวกกับค่าเปอร์เซ็นต์การขายอีกเล็กน้อย จึงไม่สม่ำเสมอ

ถ้าวันไหนหาเงินได้ไม่ถึง 500 บาท ก็จะไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในครอบครัว เพราะลูกคนโต 2 คนก็กำลังเรียนอยู่ระดับชั้นประถมศึกษา ส่วนลูกคนเล็ก 2 คน อยู่ระดับชั้นอนุบาล ล้วนมีค่าใช้จ่ายทั้งนั้น เมื่อเป็นข่าวขึ้นมาจึงทำให้ทางบริษัทที่ตนทำงานอยู่ สั่งให้หยุดพักงานชั่วคราว เพื่อให้ไปเคลียร์ปัญหาให้จบก่อน ทำให้ช่วงนี้ตนต้องขาดรายได้เลี้ยงครอบครัว

นายเก่ง กล่าวอีกว่า กรณีที่ทำรุนแรงและมีคนพูดต่อในโลกโซเชียลว่าเป็นพ่อเลี้ยงนั้น ตนยืนยันว่าเป็นพ่อแท้ๆ ของเด็กคนดังกล่าวจริง ลูกๆ ทุกคน ตนก็รักมาก ไม่เคยทุบตีรุนแรงมาก่อนนอกจากครั้งนี้ครั้งเดียว และภายหลังจากตนตีเสร็จลูกคนที่ถูกตีก็ยังสามารถเดินมาร่วมรับประทานอาหารได้ตามปกติ เมื่อกลับมาบ้านก็มีเพียงรอยพกช้ำเล็กน้อย ซึ่งตนก็ทายาให้จนสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้แล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตามหลังจากที่ภาพปรากฏต่อสังคม ตนก็ขอโทษด้วยที่ทำรุนแรงเกินไป จึงอยากขอสังคมให้ให้โอกาสตนสักครั้ง หลังจากนี้ตนก็จะตั้งใจเลี้ยงดูครอบครัวให้ดีที่สุด จะไม่ทำอะไรรุนแรงเช่นนี้อีกแล้ว โดยจะจดจำเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนไปตลอดชีวิต นายเก่ง (นามสมมติ) กล่าว

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า ช่วงเช้าวันนี้ (28 ส.ค. 60) บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครราชสีมา ได้ส่งเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพลงพื้นที่ไปพูดคุยกับพ่อเด็ก และตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ทั้งที่บ้าน และที่โรงเรียน พร้อมกับตักเตือนและให้คำแนะนำการดูแลลูกอย่างถูกวิธี โดยหลังจากนี้ก็จะพยายามเข้ามาตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้อย่างต่อเนื่อง ยังไม่มีการนำเด็กแยกออกจากครอบครัว เนื่องจากเห็นว่าครอบครัวยังให้ความรักต่อเด็กอยู่ ถ้าแยกออกไปจะทำให้เด็กเกิดปัญหาขาดความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่