เก็บลายมือแฝงล่ามือฉก ลูกปัดสุริยเทพ

เก็บลายมือแฝงล่ามือฉก ลูกปัดสุริยเทพ

เก็บลายมือแฝงล่ามือฉก ลูกปัดสุริยเทพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผบช.น.สั่งตรวจสอบรอยนิ้วมือแฝงคนร้ายฉก ลูกปัดสุริยเทพ อายุกว่า 2 พันปี หลังกล้องวงจรปิดจับภาพมือฉกไม่ชัดเจน ขณะที่ชุดสืบสวนตรวจสอบราคาจากตลาดคนเล่น พบราว 1.5 แสนบาท เชื่อทำตามใบสั่ง ไม่ใช่มืออาชีพ

เหตุคนร้ายโจรกรรมหินมีค่าที่นำมาแสดงในงาน "ปริศนาแห่งลูกปัด" จาก สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) ตั้งอยู่เลขที่ 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม. โดยหินมีค่าดังกล่าวนักสะสมต่างกล่าวขานกันว่า ลูกปัดสุริยเทพ ค้นพบในพื้นที่ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร มีลวดลายคล้ายรูปหน้าตาของเทพเจ้าชนเผ่าอินเดียนแดงอยู่ตรงกลาง รอบๆ หินมีขอบสีเขียวและสีแดงสลับกัน คล้ายสีของเครื่องแต่งกายนักรบโบราณ คาดว่ามีอายุประมาณไม่ต่ำกว่า 2,000 ปี

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เห็นรูปพรรณคนร้ายไม่ชัดเจน จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นชายหรือหญิง อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม ผู้รับผิดชอบรายงานมาว่า ปกติบุคคลที่จะเข้าชมภายในพิพิธภัณฑ์จะต้องลงทะเบียน แต่วันเกิดเหตุมีชายไทยคนหนึ่งต้องสงสัยว่าอาจจะเป็นคนร้าย เพราะไม่มีการลงทะเบียนเดินเข้าไปในพื้นที่แสดงทันที และมีพยานเห็นยืนอยู่ใกล้ตู้โชว์ลูกปัดประมาณ 20 วินาที ซึ่งขัดแย้งกับหลักฐานที่เป็นตู้โชว์แสดงลูกปัด เพราะที่กระจกตู้โชว์ด้านบนจะติดแว่นขยายสำหรับให้ผู้เข้าชมได้ส่องขยายดูลูกปัดในตู้ และเป็นช่องเดียวกับที่คนร้ายใช้มือสอดเข้าไปล้วงขโมยเอาลูกปัดไป

ฉะนั้น หากจะหยิบลูกปัดไปจะต้องใช้เวลาในการปฏิบัติการนานมากพอสมควร เพราะต้องถอดแว่นขยายออกก่อน ขณะนี้เร่งรัดให้ฝ่ายสืบสวนเก็บรอยนิ้วมือแฝงคนร้ายเปรียบเทียบทะเบียนประวัติอาชญากรแล้ว เชื่อว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้

พ.ต.อ.สุคุณ พรหมายน ผกก.สน.พระราชวัง กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน อย่างไรก็ตาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้สยามเปิดนิทรรศการการเรียนรู้ลูกปัดสยามมาตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2551 จะสิ้นสุดในวันที่ 28 มิถุนายน 2552 กินเวลา 6 เดือน หลังเกิดเหตุได้ให้กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) มาเก็บรอยนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรแล้ว

พ.ต.อ.สุคุณ สันนิษฐานว่า เวลาเกิดเหตุน่าจะเป็นช่วง 15.30-16.00 น. คนร้ายใช้เวลาลงมือไม่นานนัก โดยขณะเกิดเหตุกล้องวงจรปิดได้บันทึกภาพผู้เข้าชมลูกปัดซึ่งมีอยู่จำนวนมาก แต่เนื่องจากกล้องตั้งอยู่ห่างเกินไปจึงไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นคนลงมือ หากนำไปขยายก็เกรงว่าภาพจะแตกจนไม่สามารถเห็นใบหน้าผู้ต้องสงสัยได้ ดังนั้นชุดสืบสวนจึงทำได้เพียงนำรายชื่อจากสมุดลงทะเบียนผู้เข้าชมไปตรวจดูว่า ณ วันเวลาเกิดเหตุมีใครเข้าไปดูบ้าง แต่ก็มีผู้เข้าชมบางส่วนที่อาจจะไม่ได้ลงรายชื่อไว้ในสมุดทะเบียน

"คนร้ายที่นำลูกปัดออกไปลงมืออย่างเยือกเย็น จากการดูวงจรปิดไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ของผู้เข้าชม ทั้งนี้มีอยู่จุดหนึ่งที่ค่อนข้างเปราะบางคือ จุดที่มีเลนส์ขยายให้ผู้ชมได้ส่องดู มีรอยถูกเคลื่อนย้ายจากจุดเดิมไปเล็กน้อย สันนิษฐานได้ว่าคนร้ายอาจจะล้วงเข้าไปหยิบลูกปัดจากจุดนี้" พ.ต.อ.สุคุณ กล่าว

นอกจากนี้ยังสันนิษฐานว่าหลังก่อเหตุแล้ว คนร้ายยังใจเย็นพอที่จะทำทีเป็นผู้ชมงานต่อไปเรื่อยๆ จนเจ้าหน้าที่ไม่รู้ว่าเกิดเหตุผิดปกติขึ้นกับลูกปัดสุริยเทพ เนื่องจากถ้ารู้ว่าลูกปัดสูญหาย เจ้าหน้าที่จะปิดประตูทุกด้าน และขอตรวจค้นผู้เข้าชมงานทุกคน ขณะเดียวกัน ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบมูลค่าและประเมินราคาลูกปัดสุริยเทพจากตลาดคนที่เล่นของจำพวกนี้แล้ว พบว่ามีราคาอยู่ที่ราวๆ 1.5 แสนบาท

พ.ต.ต.อภิวัฒน์ ชินภูมิวสนะ สว.สส.สน.พระราชวัง กล่าวว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่าคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะอาศัยช่วงจังหวะที่เจ้าหน้าที่เผลอ จากนั้นใช้มือล้วงเข้าไปขโมยลูกปัดออกจากตู้โชว์แล้วหลบหนีไป ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ต้องสงสัยเข้าข่ายเป็นคนร้ายประมาณ 7-8 คน ที่เข้ามาชมภายในสถานที่ดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะติดตามตัวเพื่อมาสอบสวนต่อไป

"เชื่อว่าคนร้ายไม่น่าจะเป็นโจรโดยอาชีพ หรือได้รับใบสั่งจากใครให้มาขโมยลูกปัดแน่นอน คนร้ายน่าจะเป็นคนที่เข้ามาเที่ยวชม ช่วงที่มาดูลูกปัดก็ลองเอามือเข้าไปสัมผัสแล้วอยากได้ ประกอบกับช่วงนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ ก็เลยหยิบออกมา" พ.ต.ต.อภิวัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นในประเทศไทยระบุเอาไว้ว่า ลูกปัดสุริยเทพ เป็นลูกปัดหน้าคน สันนิษฐานว่าเป็นรูป พระสุริยเทพ ทำจากแก้วหลอม และเศษแก้วหลายสี บางก้อนมีเศษลูกปัดติดอยู่ในเนื้อแก้ว จึงสันนิษฐานว่า ควนลูกปัดใน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ อาจเคยเป็นแหล่งผลิตแก้วและลูกปัด ตราประทับที่จารึกด้วยอักษรปัลลวะ อายุอยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 10-12

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าแหล่งคลองท่อม หรือควนลูกปัด เป็นสถานที่สำคัญในเชิงประวัติศาสตร์โบราณคดี วัตถุโบราณส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์วัดคลองท่อม ซึ่งคำว่า ควนลูกปัด เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียก เมื่อมีการค้นพบลูกปัดแก้วสีต่างๆ บนเนินดินบริเวณนี้ สมัยก่อนไม่มีใครสนใจ เพราะเห็นว่าไม่มีค่าอะไร หรืออาจเห็นว่าเป็นของโบราณ เกรงจะเกิดอาเพศตามความเชื่อ จึงเรียกบริเวณนี้ว่า ควนลูกปัด ส่วนชื่อ "คลองท่อม" เป็นชื่ออำเภอ ตั้งขึ้นตามชื่อ "คลองท่อม" ที่ไหลผ่าน

ส่วนประวัติทางโบราณคดีนั้น พบว่ามีหลักฐานการเข้าอยู่อาศัยของมนุษย์ตั้งแต่สมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ และมีการพบวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ด้วย สันนิษฐานว่าเป็นการสืบทอดวัฒนธรรมจากสมัยก่อนประวัติศาสตร์ กลุ่มคนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานบนเนินดินคลองท่อมคงเป็นคนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ตามป่าเขาใกล้เคียง เพราะจากหลักฐานต่างๆ จากบริเวณอ่าวพังงาลงมาถึงบริเวณเขาขนาบน้ำ ถ้ำเสือ ถ้ำหลังโรงเรียนทับปริก ถ้ำอ่าวโกบหน้าเชิง ล้วนเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น ชุมชนคลองท่อมอยู่ใกล้ทะเล มีลำคลองไหลผ่าน อยู่ในเส้นทางการเดินทางข้ามแหลมจากตะวันตกไปตะวันออก เป็นที่เดินทางผ่านไปมาของบรรดาพ่อค้าต่างๆ เช่น อินเดีย อาหรับ เปอร์เซีย เป็นต้น

แหล่งคลองท่อม หรือควนลูกปัด ยังพบหลักฐานทางโบราณคดีที่ปรากฏจำนวนมาก ทั้งวัตถุที่ทำด้วยหิน แก้ว ดินเผา สัมฤทธิ์ เงิน และทองคำ โดยลูกปัดสุริยเทพดังกล่าวถือเป็นวัตถุที่ทำด้วยแก้ว มีลักษณะพิเศษคือ เป็นลูกปัดหน้าคน ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า หน้าอินเดียนแดง สันนิษฐานว่าจะเป็นรูปพระสุริยเทพ โดยได้รับอิทธิพลจากแถบเมดิเตอร์เรเนียน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook