จากเล่มนี้..ให้หนู.. ได้ไหม สู่ร้อยใจไทย เล่มนี้เพื่อน้อง

ดีใจที่มีโครงการ ร้อยใจไทย เล่มนี้เพื่อน้อง เพราะจะทำให้เด็กๆ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อ่านหนังสือดีๆ มากขึ้น โดยเฉพาะหนังสือนิทานอีสป เนื้อเรื่องสั้น อ่านไม่ยาก อ่านแล้วมีคติสอนใจนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ช่วยน้องๆ ทางภาคใต้ได้อ่านกันเพื่อเพิ่มสาระการเรียนรู้ เข้าถึงการศึกษาและอ่านเขียนภาษาไทยได้คล่องมากขึ้น 

ด.ญ.นูรีซัน สามะอาลี อายุ 12 ปี จาก จ.ยะลา บอกถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้มาร่วมแถลงข่าว โครงการ "ร้อยใจไทย เล่มนี้เพื่อน้อง" และร่วมกิจกรรมส่งเสริมการอ่านกับสำนักพิมพ์พาส เอ็ดดูเคชั่น ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ กทม. เมื่อเร็วๆ นี้

อุไรวรรณ กรวิทยาศิลป ผู้จัดการศูนย์หนังสือจุฬาฯ อธิบายที่มาว่า หลังจากโครงการ "เล่มนี้..ให้หนู.. ได้ไหม" โครงการดีๆ ที่หลายๆ หน่วยงานจับมือกันเพื่อร่วมรับบริจาคหนังสือมอบให้น้องๆ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ประสบปัญหาด้านที่เรียนและอุปกรณ์การเรียนการสอนถูกทำลาย จากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ประสบผลสำเร็จอย่างงดงามเมื่อปี 2551 ได้รับบริจาคหนังสือจากประชาชน และสำนักพิมพ์ต่างๆ จำนวน 26,715 เล่ม ซึ่งหนังสือที่ได้รับการบริจาคเป็นประโยชน์ต่อเยาวชนและเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเยียวยาความรู้สึก สร้างกำลังใจ ท่ามกลางสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี

มาปีนี้ ศูนย์หนังสือจุฬาฯ จึงมีแนวคิดจัดทำ โครงการ "ร้อยใจไทย เล่มนี้เพื่อน้อง" เพื่อสานต่อเจตนารมณ์อันดีของโครงการ "เล่มนี้..ให้หนู..ได้ไหม" โดยร่วมกับ กองทัพบก ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กระทรวงศึกษาธิการ และสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 นำหนังสือที่ดีและมีประโยชน์ไปมอบให้แก่กลุ่มเยาวชน ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นการต่อเนื่อง เพื่อเยียวยาความรู้สึก สร้างกำลังใจ และเสริมพลังแห่งความสมานสามัคคี และยังทำให้เยาวชนได้พัฒนาศักยภาพด้านการศึกษา ใช้เวลาว่างในการเสริมสร้างความรู้ที่จะสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและชุมชนในอนาคต

พล.ต.พีระพงษ์ โตบุญมี ที่ปรึกษา ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 กล่าวว่า สถานการณ์ความไม่สงบและความรุนแรงทางชายแดนใต้ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา ดังนั้นโครงการร้อยใจไทย เล่มนี้เพื่อน้อง จึงถือว่าเป็นโครงการดีๆ ที่ทำให้เยาวชนได้รับความรู้ และยังเป็นการแสดงน้ำใจของคนในชาติ ที่มีความเอื้ออาทรต่อกัน ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของประเทศ ก็สามารถร่วมกันทำกิจกรรมดีๆ ให้แก่เยาวชนใน 3 จังหวัดชายแดนได้

ซึ่งเด็กๆ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน ชอบโครงการดังกล่าวมาก เพราะนอกจากพวกเขาจะได้อ่านหนังสือดีมีประโยชน์ จิตใจได้รับการเยียวยาแล้ว ยังช่วยทำให้อ่าน เขียนภาษาไทยได้คล่องมากขึ้นด้วยอีกต่างหาก ด.ช.นฤเดช สาเร๊าะ อายุ 13 ปี จ.สงขลา บอกว่า ชอบโครงการนี้มาก เพราะช่วยให้เพื่อนๆ ในภาคใต้ได้มีความรู้ เพลิดเพลินไปกับการอ่านหนังสือ จะได้รักการอ่านมากขึ้น เป็นพื้นฐานในการพัฒนาการพูดภาษาของเพื่อนๆ ได้ โดยเฉพาะภาษาไทยให้ชัดเจนยิ่งขึ้นซึ่ง

สำหรับประชาชนทั่วไปที่สนใจร่วมบริจาคหนังสือได้ 3 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น หนังสือที่ใช้แล้ว (หนังสือความรู้ทั่วไป สารคดี การ์ตูน วรรณกรรม) หนังสือในโครงการ "ห้องสมุดฉบับกระเป๋า" หรือบริจาคในรูปแบบของอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา ฯลฯ ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ทุกสาขา หรือโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี "โครงการ ร้อยใจไทย เล่มนี้เพื่อน้อง" ธนาคารกรุงเทพ สาขาสยามสแควร์ เลขที่บัญชี 152-4-65544-4 สอบถามได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ โทร 0-2255-4433 หรือ www.chulabook.com