นปช.ดาวกระจายอีสาน เสื้อแดงแห่ร่วมจำนวนมาก
นปช.ดาวกระจายอีสานปักหลังขอนแก่นจังหวัดแรก เสื้อแดงแห่ร่วมความจริงวันนี้เนืองแน่น ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของ ตร.1,350 คน ผู้ว่าฯ มั่นใจไม่มีการป่วน หลังพันธมิตรยืนยันไม่เคลื่อนไหว กำชับ ตร.คุมเข้มจนถึงเที่ยงคืน
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 มี.ค.52 บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และ กลุ่มนปช. ทื่มีกำหนดการจัดรายการความจริงวันนี้สัญจร ที่ จ.ขอนแก่น โดยใช้สถานที่บริเวณถนนหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น โดยกลุ่มการ์ด นปช. มีการนำแผงเหล็ก เครื่องกั้นและยางรถยนต์ มาวางไว้ เพื่อปิดถนนเส้นทางดังกล่าวและตั้งเวทีปราศรัยขนาดใหญ่ บริเวณตรงข้ามกับ สำนักงาน ป.ป.ส. ภ.4 ขณะที่ ด้านข้าง บ.ข.ส. และภายในสวนรัชดานุสรณ์ ไปจน ถึงหน้า รร.อนุบาลขอนแก่น กลุ่มพ่อค้า แม่ค้า ได้มีการนำสินค้าที่ระลึก อาทิ ผ้าโพกศีรษะ ผ้าพันคอ เข็มกลัด เท้าตบ ภาพอดีตนายกทักษิณ ในการลงพื้นที่ตามจังหวัดต่างๆ และเสื้อที่ระลึก สีแดงมีรูปลวดลายประเภทต่างๆ นำมาวางจำหน่าย
ขณะที่ กลุ่มแท็กซี่เสื้อแดง สนามบินสุวรรณภูมิ กว่า 20 คัน และ กลุ่มคนเสื้อแดงจาก จังหวัดต่างๆ กว่า 200 คน เดินทางไปรวมตัวกันที่ท่าอากาศยานจังหวัดขอนแก่น เพื่อรอรับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ และนายวีระ มุกสิกพงษ์ แกนนำกลุ่ม นปช. รวมถึง กลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทยและอดีต รัฐมนตรี หลายคน ที่จะเดินทางมาถึงจังหวัดขอนแก่น ในเวลาช่วงเที่ยงเพื่อร่วมรายการความจริงวันนี้สัญจร ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ กองร้อยควบคุมฝูงชนอย่างเต็มที่
นอกจากนี้กลุ่มแท็กซี่ กลุ่มรถโดยสาร และกลุ่มคนเสื้อแดง ส่วนหนึ่ง ใช้รถขยายเสียงขับไปตามถนนสายต่างๆ โดยรอบเขตเทศบาลนครขอนแก่น เพื่อประกาศเชิญชวนให้ประชาชน มาร่วมกิจกรรมด้วย
นอกจากนี้ นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ได้นำมวลชนพร้อมรถสองแถวโดยสารจำนวนหนึ่ง เดินทางมาที่หน้ามหาวิทยาลัยขอนแก่น จากนั้นลงเดินไปยังบริเวณที่มีการจัดเวทีการชุมนุมถนนหน้าศาลากลางจังหวัด ขอนแก่นที่ห่างไปประมาณ 8 กม. โดยนายขวัญชัย ได้นั่งรถติดเครื่องขยายเสียงกล่าวปลุกระดมมวลชน พร้อมทั้งกล่าวโจมตีรัฐบาลโดยการนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตลอดเวลา
ส่วนบริเวณภายในศาลากลาง จ.ขอนแก่น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 500 คน ค่อยดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งประตูทางเข้าออกศาลากลางจังหวัดทั้ง 4 บาน ถูกปิดเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้ามาสร้างความเสียหาย อีกทั้งบริเวณรอบสถานที่การชุมนุมยังได้มีการตั้งจุดตรวจอาวุธอย่างเข้มงวด
นาย มานิต วัฒนเสน ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ได้กำชับให้ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ประจำโดยรอบสถานที่ของการชุมนุมที่จะต้องให้ความอดทนอย่างมากป้องกันไม่ ให้มีเหตุการณ์ความรุนแรงและการกระทบกระทั่งกันของทุกฝ่าย จากการข่าวมีความชัดเจนว่ากลุ่มพันธมิตรจะไม่ออกมาเคลื่อน แต่ก็ต้องเฝ้าระวังกลุ่มมือที่สาม ที่อาจะเข้ามาก่อกวน หรือมาสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ ส่วนการพูดคุยกับแกนนำกลุ่ม นปช. เบื้องต้นยืนยันชุมนุมอย่างสันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ซึ่งมั่นใจว่าตลอดของการจัดรายการความจริงวันนี้ 12.00 น. เป็นต้นไป จะไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น
ขณะที่ พ.ต.อ.รัฐพงษ์ ยิ้มใหญ่ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ในฐานะ ผบ.เหตุการณ์ศูนย์ปฏิบัติการล่วงหน้า (ศปก.สน.) กล่าวว่า ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยขณะนี้ได้จัดเตรียมกำลังตำรวจจำนวน 1,350 นาย มาปฎิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ โดยสนธิกำลังจากกองบัญชาการตำรวจตระเวณชายแดน ภาค 2 จำนวน 1 กองร้อย ศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 1 กองร้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจจากจังหวัดใกล้เคียงจำนวน 8 กองร้อย และ เจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ.23 จำนวน 1 กองร้อย ใช้แผน "กรกฎ 51" ในการควบคุมฝูงชน
ขณะเดียวกัน ยังคงจัดชุดนอกเครื่องแบบออกตรวจโดยรอบสถานที่จัดการชุมนุม รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนจำนวน 3 กองร้อย คอยดูแลภายในบริเวณศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ซึ่งการดูแลรักษาความปลอดภัยแบ่งเป็นการตรวจค้นพื้นที่รอบนอกการจัดชุมนุม อีกชุดตรวจค้นบริเวณทางเข้าออกบริเวณที่มีการชุมนุม และชุดสุดท้ายตรวจสอบภายในพื้นที่การชุมนุม ซึ่งทางตำรวจจะเฝ้าติดตามกลุ่มผู้ชุมนุมตลอดทั้งช่วงของการโฟนอิน และในช่วงค่ำของวันนี้จนกว่าสถานการณ์จะยุติหรือมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ตร.พัทลุงระดม 500 คน รปภ.สาทิตย์ลงพื้นที่
เมื่อ เวลา 09.30 น. ที่ศาลกลางจังหวัดพัทลุง สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางตรวจราชการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยมีนาย สุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง 3 สส.พรรคประชาธิปัติย์พัทลุง และหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองท้องถิ่น ให้การต้อนรับและร่วมประชุมรับฟังนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และปัญหารับฟังปัญหาการดำเนินงานของกลุ่มงานจังหวัด
นายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า จังหวัดพัทลุงมีประชากรทั้งสิ้น 502 , 563 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางด้านการเกษตร มีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 68,642 คน ได้รับเบี้ยยังชีพจำนวน 14,259 คน และขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการขอขึ้นทะเบียน
ในส่วนของสมาชิก อสม.มีทั้งสิ้น 9 , 941 คน นอกจากนั้นแล้วในปีงบประมาณปี พ.ศ. 2553 ทางจังหวัดได้ของบประมาณ จำนวน 512.97 ล้านบาท แต่ทางรัฐบาลอนุมัติงบมาให้แค่ 200 ล้านบาท ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการพัฒนาจังหวัด ในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ทะเลสาบน้ำจืด และสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอื่นที่จำเป็นต่อประชาชน
สำหรับปัญหาเร่งด่วนที่อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขในพื้นที่จังหวัดพัทลุงโดยด่วน คือปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าต้นน้ำของชาวบ้าน ปัญหาขยะล้นเมือง และปัญหาระบบนิเวศน์ในทะเลสาบสงขลา รวมถึงปัญหาความแห้งในพื้นที่
นายสาทิตย์ กล่าวว่า จากรายงานการดำเนินการ ในเรื่องต่างๆ ของ จังหวัดพัทลุง ทั้งเรื่องเบี้ยยั้งชีพ ผู้สูงอายุ ซึ่งมีผู้สูงอายุมาจดทะเบียนแล้วกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ เรื่องค่าตอบแทน อสม. ซึ่งมี อสม.มาแสดงตนแล้วกว่า 9 พันคน เรื่องการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน ที่มีผู้มายื่นแบบของรับเช็คแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ และการแก้ไขปัญหาเฉพาะในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ซึ่งผลการดำเนินงานด้านต่างๆ นั้นมีผลเป็นที่น่าพอใจ
ผู้สื่อข่าว รายงานอีกว่า สำหรับการเดินทางมาวันนี้ ทางจังหวัดได้ระดมวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ อปพร.กว่า 500 นาย เพื่อเฝ้ารักษาความสงบตามจุดๆ ตลอดเส้นทางที่รัฐมนตรีฯ ผ่าน และบริเวณรอบๆ ศาลากลางจังหวัดพัทลุง เพื่อป้องกันเหตุวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้นจากกลุ่มเสื้อแดง แต่สุดท้ายจนกระทั่งรัฐมนตรีและคณะเดินทางกลับก็ไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดง หรือมาผู้ก่อกวนเหตุการณ์ให้วุ่นวายแต่อย่างใด