ขอความเป็นธรรม! แพะคดีข่มขืนสาวเดนมาร์ก ชีวิตพังทั้งครอบครัว

ขอความเป็นธรรม! แพะคดีข่มขืนสาวเดนมาร์ก ชีวิตพังทั้งครอบครัว

ขอความเป็นธรรม! แพะคดีข่มขืนสาวเดนมาร์ก ชีวิตพังทั้งครอบครัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แพะรับบาปคดีข่มขืนสาวเดนมาร์กในไร่มันสำปะหลัง ร้องขอความเป็นธรรม หลังจับคนร้ายตัวจริงได้ เผยชีวิตหลังออกจากคุกพังพินาศ

จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายล่อลวงนักท่องเที่ยวสาวชาวเดนมาร์ก วัย 23 ปี ไปข่มขืนกระทำชำเราภายในมันสำปะหลังในพื้นที่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันเมื่อวันที่ 27 ก.ย.57 ก่อนเจ้าหน้าได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลพัทยาเพื่อติดตามตัว โดยทางญาติของผู้เสียหายได้ตั้งรางวัลนำจับคนร้าย จำนวน 50,000 บาท

ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ต.ค.57 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว นายบรรเลง หรือ อาร์ต อายุ 32 ปี ที่ มาทำการสอบสวน แต่เนื่องจากหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ ทั้งเส้นผม เสื้อ จึงส่งตัวผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมาย ด้านผู้ต้องหาให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และขอสู้คดีในชั้นศาลเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ก.ย.60 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายอาร์ต ว่าตนเองตกเป็นแพะรับบาปในคดีดังกล่าว ซึ่งตำรวจสามารถจับคนร้ายตัวจริงได้แล้ว ทำให้ตนถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำ แต่กลับไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหาย หรือคำขอโทษใดๆ จากทางตำรวจเลย จึงอยากร้องเรียนความเป็นธรรมผ่านผู้สื่อข่าว

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบที่มาบฟักทอง ม.11 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นายอาร์ตเปิดเผยว่า ภายหลังจากตนเองตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ ได้ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำพิเศษพัทยา (หนองปลาไหล) นานกว่า 20 วัน ระหว่างภรรยาและครอบครัวได้หาหลักฐานต่างๆมายืนยันความบริสุทธิ์ของตน ว่าขณะเกิดเหตุตนเองอยู่กับภรรยาและลูกที่ จ.จันทบุรี ก่อนเจ้าหน้าที่สามารถจับคนร้ายตัวจริงได้ คือ นายไตรรงค์ หรือ บอย อายุ 30 ปี ชาว ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตนจึงถูกปล่อยตัวออกมา

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สภ.ห้วยใหญ่ ได้ติดต่อขอชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 20,000 บาท แต่ตนไม่ตกลงรับเงิน เนื่องจากตนอยากให้แถลงข่าวและชี้แจงว่า ตนไม่ใช่คนร้ายในคดีดังกล่าว ภายหลังเรื่องจึงเงียบไปและไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด

โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันตนและครอบครัวได้พยายามร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปยังศูนย์ร้องเรียนต่างๆ อาทิ ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เรื่องกลับเงียบไป และไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานใด จนกระทั่งพบผู้สื่อข่าวในที่สุด ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตนเองและครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ลำบากมาก ตนไม่สามารถสมัครที่ไหนได้เลย รวมทั้งครอบครัวญาติพี่น้องไม่สามารถทำงานที่ไหนได้อีก เนื่องจากชื่อ-นามสกุล ของตนปรากฏอยู่ในสื่อทั่วประเทศ จึงไม่มีผู้ประกอบการใดอยากร่วมงานกับตนและครอบครัว อีกทั้งตนยังไม่สามารถทำบัตรประชาชน และยังไม่สามารถแจ้งเกิดให้บุตรได้อีกด้วย

ทั้งนี้ ตนอยากขอความเป็นธรรมให้แก่ตนเองและครอบครัว ว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ตกเป็นแพะรับบาปในสิ่งที่ตนไม่ได้เป็นคนกระทำ และอยากขอจุดยืนในสังคม ได้ให้ตนและครอบครัวได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุขอีกครั้ง และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเข้ามาขอโทษ และชดใช้ค่าเสียหายที่ทำให้ชีวิตตนและครอบครัวพังพินาศ

ด้าน พ.ต.อ.อนันต์  ภู่ระหงษ์  ดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ คนปัจจุบัน  เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นในชุดจับกุมโดยมี พ.ต.อ.กำพล  ลีลาประภาภรณ์  เป็นผู้กำการหัวหน้าสถานีในขณะนั้น ซึ่งตนเป็นหัวหน้าสถานีคนใหม่จึงไม่ทราบข้อเท็จจริงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามจะประสานผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรมต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook