คืนแรกนอนคุก ไอ้หมู เครียด

คืนแรกนอนคุก ไอ้หมู เครียด

คืนแรกนอนคุก ไอ้หมู เครียด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เหยื่อแห่ดูทรัพย์สินแก๊ง หมูสกปรก เพิ่มเติม แฉคืนแรกในคุกไอ้หมูเครียดแทบไม่แตะต้องข้าว ไม่ยอมเปลี่ยนชุด พูดจาโผงผาง หน้าตาเคร่งเครียด สั่งจนท.จับตาหวั่นฆ่าตัวตายในห้องขัง ทางเรือนจำเล็งจะให้ไปเป็นครูสอนซ่อมเครื่องยนต์ ส่วนผบช.น.สั่งจัดระเบียบทรัพย์สินที่ยึดมาได้ พร้อมนำไปถ่ายภาพใส่ตู้โชว์กว่า 300 ชิ้น ตร.ปวดหัวบางชิ้นมีผู้แสดงความเป็นเจ้าของถึง 7-8 ราย ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ

จากกรณีตำรวจ กก.สส.น.4 จับกุมนายณัฐ ชาหอม อายุ 32 ปี นายสุภัทร เนินวิเชียร อายุ 29 ปี และน.ส.วลัยลักษณ์ ศรีประไพ อายุ 27 ปี แก๊งงัดเซฟรายใหญ่ โดยรับสารภาพว่าเพิ่งงัดบ้านนายราชศักดิ์ สุเสวี นักธุรกิจ ได้ทรัพย์สินไปกว่า 200 ล้านบาท ต่อมานายหทัย ไชยวัณณ์ นักแข่งรถ มีฉายาว่า ออฟซ่า และหมูสกปรก โผล่เข้ามอบตัว หลังซิ่งรถหลบหนีการจับกุม ขณะเดียวกันบรรดาเหยื่อที่ส่วนใหญ่เป็นเศรษฐีและนักแสดงหลายคนต่างทยอยเข้าดูของกลาง ทั้งสุพรรษา เนื่องภิรมย์, หน่อย บุษกร วงศ์พัวพันธ์, เจี๊ยบ โสภิตนภา ชุ่มภาณี และหยาดทิพย์ ราชปาล นางเอกสาวชื่อดัง โดยระบุว่าเคยถูกงัดบ้านสูญทรัพย์สินไปหลายล้านบาท และยังเหลือผู้ต้องหาอีก 2 คนที่ยังหลบหนีอยู่คือ นายกีรติ หรือเด กุมพล และนายพีรวัฒน์ หรือพี ตะวัน ธรงค์ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาล และค้านประกันตัว ก่อนส่งตัวเข้าเรือนจำทันตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 8 มี.ค. รายงานข่าวจากเรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตํารวจ สน.วังทองหลาง นําตัวนายหทัย เจ้าของฉายาหมูสกปรก อดีตนักแข่งรถชื่อดังที่เข้าโจรกรรมทรัพย์สินตามหมู่บ้าน ได้ทรัพย์สินรวมหลายร้อยล้านบาท ส่งเข้าเรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ทางเรือนจําก็ได้นําตัวนายหทัย หรือหมูสกปรก ไปคุมขังที่แดนแรกรับ (แดน 1) พร้อมจัดทําประวัติผู้ต้องหาใหม่ และแจกคู่มือติดคุก โดยให้นายหทัย และเพื่อนร่วมแก๊งคนละ 1 เล่ม เพื่อไว้ศึกษากฎระเบียบของเรือนจํา จากนั้นประมาณ 1-2 สัป ดาห์ทางเรือนจําก็จะจําแนกผู้ต้องหาใหม่ไปอยู่ตามแดนต่างๆ ตามความหนักเบาของคดีและตามความถนัด ส่วนเรื่องการฝึกวิชาชีพสําหรับผู้ต้องขังที่เข้าใหม่ ทางเรือนจําจะไม่มีการบังคับ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ต้องขังเอง โดยทางเรือนจําก็จะมีแผนกวิชาชีพไว้รองรับ เพื่อให้ผู้ต้องขังได้ฝึก อาทิ ช่างยนต์ ช่างไม้ รวมทั้งงานศิลปะต่างๆ โดยขณะนี้ทางเรือนจําเล็งให้นายหทัย ผู้ต้องขังรายนี้ไปช่วยเป็นครูสอนซ่อมเครื่องยนต์ เพราะชอบแต่งรถ แต่ก็ต้องรอดูความสมัครใจของผู้ต้องหาก่อนว่าจะยอมหรือไม่

รายงานข่าวเปิดเผยด้วยว่า สําหรับปฏิกิริยาของนายหทัย หรือหมูสกปรก หลังจากที่ถูกคุมขังอยู่ภายในแดนแรกรับ ผ่านพ้นไปเป็นระยะเวลา 1 คืน พบว่านายหทัยยังมีสีหน้าเคร่งเครียด คิ้วขมวดตลอดเวลา พูดจาโผงผาง ไม่ยอมพูดคุยกับผู้ต้องขังรายอื่นๆ ที่อยู่แดนเดียวกัน และยังรับประทานอาหารที่ทางเรือนจําจัดให้น้อยมาก และในวันเดียวกันนี้ก็ยังคงใส่เสื้อผ้าชุดเดิม ไม่ยอมใส่ชุดที่ทางเรือนจําจัดให้ ทั้งนี้สําหรับอาหารของทางเรือนจําที่จัดเตรียมไว้ให้กับหมูสกปรก และเพื่อนร่วมแก๊งนั้น ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี้จะเป็นต้มจืดและขนมหวาน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางเรือนจําก็ได้สั่งให้ผู้ต้องขังที่อยู่แดนเดียวกับหมูสกปรกช่วยเป็นหูเป็นตาแทนเจ้าหน้าที่ เนื่องจากกลัวจะคิดสั้นฆ่าตัวตายภายในเรือนจํา โดยในวันจันทร์ที่ 9 ม.ค.นี้ทางเรือนจําก็จะเปิดให้ญาติสามารถเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาได้ ตั้งแต่เวลา 08.30-14.30 น.เป็นต้นไป

เวลา 13.00 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สน.วังทองหลาง ตั้งแต่ช่วงเช้ามีประชาชนที่ถูกคนร้ายโจรกรรมทรัพย์สินกว่า 50 ราย ทยอยเดินทางมาดูของกลางที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ โดยวันนี้ทาง สน.วังทองหลาง จัดให้มีการลงทะเบียนบริเวณหน้าห้องประชุมชั้นที่ 2 ก่อนจะเข้าไปตรวจดูทรัพย์สินของกลาง ที่เจ้าหน้าที่ใส่ตู้กระจกเอาไว้ ส่วนทรัพย์สินที่แก๊งคนร้ายเอาไปจำนำนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปถ่ายภาพและนำมาติดบอร์ดเอาไว้ให้ดู ทั้งนี้มีประชาชนจำนวนหลายรายต่างยืนยันว่าทรัพย์สินใกล้เคียงกับของตัวเองที่ถูกขโมยไป

ด้านพ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รอง ผบก.น.4 กล่าวว่า ขณะนี้ของกลางกว่า 300 ชิ้นนำมาเก็บรักษาไว้ที่ สน.วังทองหลาง โดยพล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. กำชับให้ทำด้วยความละเอียดรอบคอบ ไม่ให้ของกลางหายไปแม้แต่ชิ้นเดียว และขอยืนยันว่าไม่มีของกลางหายไปตามที่มีข่าวลือออกมาอย่างแน่นอน ตอนนี้ตำรวจปวดหัวเรื่องของกลางมาก เพราะเท่าที่มีผู้เสียหายมาดูพบว่าของบางชิ้นมีผู้เสียหายมาชี้ยืนยันถึง 7-8 ราย เพื่อเป็นการคืนให้กับเจ้าของตัวจริงที่ถูกต้อง ทางพล.ต.ท.วรพงษ์จึงสั่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบก่อนส่งมอบ มีคณะกรรมการทั้งสิ้น 7 คน เป็นคณะกรรมการประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง เป็นคณะกรรมการส่งมอบทรัพย์สิน มีตนเป็นประธาน ซึ่งหากมีประชาชนพบว่าของกลางเป็นของตนต้องประสานงานท้องที่เกิดเหตุก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการของคณะกรรมการ โดยจะต้องลงมติให้ได้ 5 ใน 7 เสียง ถึงสามารถคืนทรัพย์สินได้เพื่อความโปร่งใส

พ.ต.อ.อาณัติกล่าวต่อว่า สำหรับทรัพย์สินที่คนร้ายขโมยไปตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ยึดคืนได้เพียงเท่านี้ ส่วนทรัพย์สินที่ผู้ต้องหานำเงินที่ขโมยมาไปซื้อ เช่น รถยนต์ บ้าน ทองรูปพรรณ ต้องตรวจสอบที่มาว่าได้มาจากการกระทำผิดหรือไม่ หากได้มาจากการกระทำผิดก็ต้องตรวจยึดตามขั้นตอน ส่วนสำนวนการสอบสวนคาดว่าจะเสร็จสมบรูณ์ได้ในเร็วๆ นี้

ต่อมาเวลา 15.00 น. พล.ต.ท.วรพงษ์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.น.4 พ.ต.อ. ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.ศูนย์สืบสวน บช.น. เดินทางมาที่ สน.วังทองหลาง พร้อมกับตรวจดูทรัพย์สินของกลางที่ห้องประชุมชั้น 2 ที่ใส่ตู้โชว์ไว้ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อย หลังจากนั้นจึงเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประชุมสรุปผลความคืบหน้าเกี่ยวคดี โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที

พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า วันเดียวกันนี้ตนเดินทางมาตรวจสอบความคืบหน้าคดี โดยเป็นห่วงเรื่องการคืนทรัพย์สิน และอำนวยความสะดวกให้กับทางผู้เสียหาย ซึ่งจากการสอบสวนผู้เสียหายบางรายให้ข้อมูลว่ามีทรัพย์สินหลายรายการ น่าจะถูกกลุ่มผู้ต้องหานำไปซุกซ่อนไว้ เช่น พระเครื่องชุดเบญจภาคี และทองคำแท่งกว่า 20 แท่ง น้ำหนัก 20 กิโลกรัม ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ไม่สามารถนำออกจำหน่ายได้ง่ายๆ จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเข้าตรวจค้นตามจุดที่สงสัยว่าคนร้ายนำไปซุกซ่อนไว้ ซึ่งอาจจะมีการโยกย้ายทรัพย์สินออกไปบ้างแล้ว นอกจากนี้ทรัพย์สินบางรายการจะต้องพิสูจน์ทราบมูลค่าที่แท้จริง เช่น พระเครื่อง และเครื่องเพชร จึงเชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบว่าเป็นของแท้หรือไม่ เพราะเคยมีกรณีที่ผู้เสียหายนำภาพถ่ายพระเครื่องที่ถูกโจรกรรมมาแจ้งความ แต่เมื่อมาตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นของปลอม สำหรับทรัพย์สินที่อยู่ในโรงจำนำได้สั่งอายัดและถ่ายภาพเอาไว้หมดแล้ว หากมีเจ้าทุกข์มาดูแล้วยืนยันว่าเป็นของตนเองก็จะให้พนักงานสอบสวนพาไปดูที่โรงจำนำเพื่อความสะดวก ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 2 คนในครั้งแรกได้ติดต่อเข้ามอบตัว แต่หลังจากนั้นก็เงียบหายไป ซึ่งทางตนสั่งศูนย์สืบสวนบช.น.ลงมาร่วมติดตามคนร้ายทั้ง 2 คนอีกทางหนึ่ง

ด้านพ.ต.อ.สมิตกล่าวว่า ในช่วง 2 วันที่ผ่านมามีผู้เสียหายเดินทางมาดูทรัพย์สินแล้ว 249 ราย ยืนยันว่าจำนวน 64 ชิ้น เท่ากับมีร่วม 64 คดี มูลค่าหลายล้านบาท ในส่วนของผู้ต้องหาจะต้องสอบปากคำในเรือนจำอีกหลายประเด็น และพยานอีกบางส่วน คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนคดีได้ในเวลา 2 เดือน

ด้านนายไพโรจน์ ถัดถะพงษ์ ส.ว.สรรหา หนึ่งในผู้เสียหายที่ถูกแก๊งของนายหทัยยกเค้าบ้านพักสูญทรัพย์สินไปกว่า 17 ล้านบาท เปิดเผยว่า ทรัพย์สินที่ตนได้คืนขณะนี้มีเพียงตะกรุดถัก 7 ดอก ยังคงเหลือทรัพย์สินอีกหลายรายการที่ยังไม่พบ ประกอบด้วย นาฬิกาปาเต๊ะ เรือนทอง มูลค่า 650,000 บาท ซึ่งนาฬิกาเรือนนี้ภรรยาซื้อให้จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และอาวุธปืนออโต้ ขนาด 11 ม.ม.มูลค่า 130,000 บาท ซึ่งทรัพย์สินทั้ง 2 รายการนี้ตนอยากได้คืนมาก เพราะเป็นสมบัติที่ตนหวงแหน นอกนั้นมีพระเครื่อง อาทิ พระสมเด็จวัดระฆัง-บางขุนพรหม, หลวงพ่อเงิน พิมพ์ขี้ตา รุ่นแรก, พระท่ากระดาน และพระมเหศวร พระเครื่องเหล่านี้ก็เป็นมรดกตกทอดเช่นกัน แต่ละองค์ล้วนมีราคาแพง และทรัพย์สินทุกชิ้นที่หายไปขณะนี้ตนมีภาพถ่ายทั้งหมด และพร้อมที่จะพิสูจน์ต่อไป

นายไพโรจน์กล่าวต่อว่า ตนทราบข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตํารวจส่งตัวนายหทัยเข้าเรือนจําไปแล้ว ซึ่งหากตํารวจจับผู้ต้องหาได้ครบทุกคนแล้วตนก็จะทําหนังสือถึงนายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อขอเข้าไปพบนายหทัยและเพื่อนรวมแก๊งภายในเรือนจําด้วยตนเอง เพื่อพูดคุยหาข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินของตนที่หายไปว่าได้นําไปจําหน่ายให้กับใครบ้างเพื่อจะได้ติดตามกลับคืนมา ทั้งของตนและของผู้เสียหายรายอื่นๆ ด้วย ส่วนเงินรางวัลนําจับที่ตนเคยตั้งไว้ช่วงที่ถูกยกเค้าใหม่ๆ เป็นเงิน 5 แสนบาท ขณะนี้ตนก็ยังคงให้เหมือนเดิม แต่ต้องได้ทรัพย์สินคืนจนครบถึงจะจ่าย แต่ขณะนี้ตนได้คืนแค่ตะกรุดเพียง 7 ดอกเท่านั้น

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook