แม่สุดช็อก! ลูกสาวอายุ 15 ถูกผู้ชายกว่า 40 คน รุมโทรมนานนับปี
ภาพ : ชาวบ้านร่วมหารือถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แม่พาลูกเข้าร้องเรียนหลังลูกสาววัย 15 ถูกผู้ชายรุมโทรมนานนับปี รวมผู้ก่อเหตุกว่า 40 คน บางคืนมาทีเดียวเป็นสิบราย
(3 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่สภ.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ ภูเก็ต ได้นำแม่ของเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อ พ.ต.ท.กิตติภูม ถิ่นกลาง สารวัตร (สอบสวน) เพื่อแจ้งความจับกุมตัวกลุ่มคนเพิ่มเติม นอกเหนือจาก ผู้ต้องหา 3 คน ใน อำเภอตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ที่อัยการจังหวัดพังงาได้มีการสั่งฟ้องในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา ไปก่อนหน้านี้แล้ว
จากกรณี เด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ถูกคนในหมู่บ้านกว่า 40 คนรุมข่มขืน ตั้งแต่ต้นเดือน พฤษภาคม 2559 จนถึงปลายตุลาคมปีเดียวกัน แม่ของเด็กหญิงเอ ได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับ ทนายฮานีฟ หยงสตาร์ เลขาธิการมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อสันติ สาขาภูเก็ต จนสามารถจับกุมกลุ่มวัยรุ่นชุดแรกได้จำนวน 3 คน ซึ่งมีอายุอยู่ระหว่าง 25-30 ปี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกกลอยได้ทำสำนวนส่งฟ้องศาลดำเนินคดีเป็นที่เรียบร้อยและศาลก็ได้อนุญาตให้ประกันตัวเป็นการชั่วคราวแล้วในขณะนี้
โดยผู้ต้องหาชุดแรกได้มีการชักชวนคนในหมู่บ้านเข้ามาร่วมกระทำชำเรากับผู้เสียหาย จนกระทั่งมีการพาตัวผู้เสียหายออกนอกพื้นที่โดยมีผู้ร่วมกระทำรายอื่นๆมากขึ้น ซึ่งผู้เสียหายได้ให้การว่ามากสุดมีผู้ร่วมกระทำชำเราถึง 11 คน ส่วนครั้งอื่น ๆ จะมีประมาณ 5-7 คน โดยผู้ต้องหา 3 คนแรกจะเป็นผู้ที่พาน้องคนดังกล่าวไปยังขนำบริเวณชายหาด เพื่อกระทำชำเราเป็นจำนวนถึง 3 ครั้ง และยังไปยังที่อื่นอีกหลายครั้ง โดยพบว่าการกระทำทุกครั้งจะเป็นช่วงเวลาที่ พ่อ และ แม่ ของ น้อง ออกไปรับจ้างกรีดยางพารา
ด้าน มารดาเด็ก กล่าวทั้งน้ำตาเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นกับครอบครัวของตน ปกติครอบครัวของตนอาศัยอยู่กัน 4 คน พ่อแม่ลูก โดยเด็กหญิงเอ เป็นพี่คนโตซึ่งเป็นลูกติดตนและตนก็มาได้สามีใหม่ และมีลูกชายอีกหนึ่งคน อายุ 7 ปี ลูกสาวของตนปกติเป็นเด็กที่เรียนดี ขยัน แม่ของเด็กเอได้เล่าให้ฟังว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นปกติตนและครอบครัวจะออกไปกรีดยางห่างออกไปสองถึงสามหมู่บ้านเพราะตนเองต้องทำงานหนัก มีหนี้สินเยอะ ต้องทิ้งลูกให้อยู่ที่บ้าน และพี่สาวอยู่บ้านใกล้กันบอกว่าเดี๋ยวจะช่วยดูให้ช่วงที่ออกไปกรีดยาง
แม่เด็กกล่าวต่อว่า เริ่มสงสัยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังหลานของสามีเข้ามาตีสนิท แล้วก็เริ่มมีอะไรผิดสังเกตหลายอย่าง เช่นลูกสาวตนเองกลางคืนจะไม่นอน ตนเองก็คิดว่าเล่นโทรศัพท์เลยไม่นอน ตนจึงยึดโทรศัพท์ไว้ไม่ให้ใช้ แต่ลูกก็ยังไม่นอน จะมีอาการผวาตลอด จะร้องทั้งคืน แล้วคืนหนึ่งขณะที่ตนกำลังจะออกไปกรีดยางก็ได้ยินเสียงผู้ต้องหามาไออยู่ที่หลังบ้าน ตนก็บอกสามีว่ามีคนมาไอ กระแอมอยู่หลังบ้าน บางคืนก็จะได้ยินเสียงคนเดินอยู่หลังบ้าน ตนจึงเริ่มคาดคั้นความจริงจากลูก ลูกของตนจึงเริ่มบอกว่าได้ถูกข่มขืนแต่แค่เพียงคนเดียว แต่ตนมาทราบทีหลังว่ามีการถ่ายคลิปวีดีโอตอนที่ลูกของตนโดนข่มขืนด้วย
ตนจึงเริ่มสงสัยว่าถ้ามีการถ่ายคลิปไม่น่าจะมีผู้ต้องหาแค่คนเดียวตนจึงคาดคั้นอีกจนลูกของตนบอกออกมาอีกว่า มีอีกคนหนึ่งที่ร่วมข่มขืนด้วย ตนก็ยังไม่เชื่อ พยายามถามอีกจนลูกบอกออกมาว่ามีผู้ต้องหาสามคน ลูกบอกว่าหมดแล้วตนก็เชื่อลูก จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ทางบ้านพักเด็กและครอบครัวได้เข้ามาดูแลและพาตัวน้องออกไปอยู่ในที่ปลอดภัย ลูกของตนจึงได้บอกความจริงทั้งหมดว่า มีทั้งหมดกว่า 40 คน ที่ร่วมกระทำ
ส่วนสาเหตุที่น้องปิดบังเนื่องมาจากว่าน้องอาย และหนึ่งในผู้ต้องหาที่ร่วมข่มขืนเป็นเจ้าของที่ดินที่ให้ตนเข้าไปปลูกผักขาย บางครั้งคืนเดียว 11 คน กลุ่มคนที่มากระทำข่มขืนน้องรู้จัก สนิทกับครอบครัวตนทุกคน แต่ที่สำคัญทุกครั้งก่อนที่จะลงมือข่มขืนจะบังคับให้น้องเสพยาก่อน และแต่ละครั้งกลุ่มคนที่มาจะไม่ซ้ำหน้ากันเลยสักครั้งเดียว แต่ก็มีบางคนที่ไม่รู้จัก และน้องเองก็จำหน้าได้บ้างจำไม่ได้บ้าง น้องบอกว่าทำกับน้องเหมือนสัตว์เลยน้องร้องขอความช่วยเหลือเขาก็เอามือบีบคอไว้ ตอนนี้น้องอยู่อย่างหวาดผวายิ่งตอนที่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ตนเองก็ได้แต่ปลอบใจเราจะต่อสู้ไปด้วยกัน
นายสมศักดิ์ ชาวบ้านเกาะแรด กล่าวว่า หลังได้มีการแชร์เรื่องราวทางโลกโซเชียลว่าชาวบ้านเกาะแรด ได้มีการรุมโทรมเด็กหญิงอายุ 14 ปี ซึ่งปัจจุบันอายุ 15 ปี จำนวนกว่า 40 คน โดยมีการใช้คำพูดว่า 40 ทรชน ซึ่งชาวบ้านเกาะแรดรับไม่ได้กับคำพูดนี้ ซึ่งชาวบ้านอยากจะให้ทางเจ้าหน้าที่นำตัวผู้เสียหายมาชี้ตัวว่า 40 คนในหมู่บ้านนั้นเป็นใคร พวกเราไม่ต้องการอะไรมากนอกจากต้องการที่จะกู้ชื่อเสียงของชาวเกาะแรดกลับคืนมา
ปกติพื้นที่ตรงนี้จะมีชาวบ้านในพื้นที่และชาวบ้านต่างถิ่นมาพักผ่อน นำอาหารมารับประทานชมพระอาทิตย์ตกน้ำ แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นไม่มีใครกล้าเข้ามาพื้นที่นี้อีกเลย โดยคนภายนอกมองว่าหมู่บ้านเกาะแรดเป็นหมู่บ้านอิทธิพล พวกเราชาวเกาะแรดอยากจะร้องขอความเป็นธรรม ว่าบ้านเกาะแรดเป็นชุมชนมุสลิมที่เงียบสงบ ใช้ชีวิตอยู่แบบเรียบง่าย ประกอบอาชีพรับจ้างและทำประมง และขอรับรองว่าไม่เคยเกิดเรื่องการรุมโทรมอย่างที่เป็นข่าวแต่อย่างใด