เปิดเส้นทางรักลวงหลอก! แต่งงานเชิดเงินค่าสินสอด
วินาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก น้องน้ำมนต์คนงาม หรือ นางสาวจริยาภรณ์ วัย 33 ปี ที่ได้สร้างวีรกรรมอันแสนจะเจ็บปวดให้กับเจ้าบ่าวหรือหนุ่มๆที่โหยหาความรักและความจริงใจ แต่สุดท้ายกลับถูกหลอกลวงด้วยคำหวานเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจและยังต้องสูญเสียทรัพย์สินเงินทองอีกคณานับ
ซึ่งวีรกรรมหลอกแต่งงานเพื่อเชิดเงินสินสอดของน้องน้ำมนต์คนงามต้องถือว่าเป็นมหากาพย์แห่งการต้มตุ๋นอย่างแท้จริงเพราะมีผู้เสียหายที่โดนหลอกมาแล้วหลายราย ถึงขนาดที่ภายใน 1 เดือน สามารถหลอกผู้ชายมาแต่งงานได้มากถึง 4 คนเลยทีเดียวและที่สำคัญประวัติของสาวน้ำมนต์คนงามต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆ
ย้อนดูเส้นทางการต้มตุ๋นของสาวน้ำมนต์คนงามเจ้าสาวมหาภัยเชิดเงินค่าสินสอด
น้องน้ำมนต์คนงามหรือ นางสาวจริยาภรณ์ วัย 33 ปี บ้านเดิมอยู่ ต.ศรีสงคราม อ.วังสะพุง จ.เลย ในอดีตเคยรับราชการเป็นเจ้าหน้าที่พัสดุ อยู่ที่เทศบาลตำบลนาแห้ว จ.เลย แต่ ต้องถูกไล่ออกจากราชการเมื่อปี 2555
เนื่องจากว่าโดนหมายจับข้อหาฉ้อโกง หลังได้หลอกรับเงินผู้เสียหายคนล่ะ 100,000 - 130,000 บาท โดยอ้างว่าสามารถฝากเข้าทำงานที่เทศบาลได้ ก่อนจะเปลี่ยนนามสกุลแล้วหลบหนีคดีหายเข้ากลีบเมฆ
หลังจากกบดานไปนานน้องน้ำมนต์คนงามได้เข้าสู่วงการแห่งการต้มตุ๋นเต็มตัว ด้วยการใช้สื่อออนไลน์เป็นช่องทางทำมาหากินโดยจะใช้ชื่อปลอมในวงการคือ น.ส.สร้อยเพชร พารีวัลย์ จากนั้นก็จะใช้เฟซบุ๊กหว่านสเน่ห์ล่อลวงผู้ชายให้หลงรักตนเองและขอคบหาดูใจกันเป็นแฟน
เมื่อเหยื่อตกหลุมพลางก็จะชักชวนให้ทำธุรกิจเกี่ยวกับผลไม้โดยอ้างว่าได้กำไรสูงและอยากสร้างครอบครัวมีคนช่วยดูแลธุรกิจ เมื่อเหยื่อตายใจก็จะขอแต่งงานเรียกสินสอดนับแสนบาทโดยอ้างว่าเป็นเพียงเงินเข้าพิธีเท่านั้นและเสร็จงานก็จะเก็บไว้ทำทุนเพื่อสร้างครอบครัวด้วยกัน ก่อนเชิดเงินค่าสินสอดหลบหนี
บางคนก็ถูกขอให้แต่งงานโดยอ้างว่าท้องก็มีสุดท้ายแล้วก็โดนหลอกเหมือนกัน ผู้ชายที่ตกเป็นเหยื่อของสาวแสบรายนี้มีหลายรายด้วยกันไล่เรียงตั้งแต่
20 ธันวาคม 2558 คุณหนึ่ง (นามสมมติ) อายุ 38 ปี เปิดเผยว่ารู้จักกับน้องน้ำมนต์ได้ 1 เดือนก็เริ่มมีการพูดคุยเรื่องแต่งงาน เพราะน้องอ้างว่าท้องและตนเองก็ชอบด้วย จึงทำให้อยากแต่งงาน สุดท้ายโดนเชิดเงินไปกว่า 500,000 บาท ผ่านไป 2 ปียังต้องแบกรับภาระใช้หนี้เดือนละกว่า 20,000 บาท
6 มกราคม 60 นายแมน (นามสมมติ) ถูกน้องน้ำมนต์หลอกแต่งงานเช่นกันสูญสินสอดกว่า 5 แสนบาท แต่ยังไม่ทันได้แต่งงานแต่อย่างใด โดยเจ้าตัวรู้จักสาวแสบรายนี้ตั้งแต่ปีช่วงเดือนกันยาน 59 ผ่านเฟซบุ๊ก จากนั้นก็คบหาดูใจกันเรื่อยมาและน้องน้ำมนต์เอ่ยปากชวนทำธุรกิจ จึงตัดสินใจนำรถยนต์เข้าไฟแนนซ์ ร่วมลงทุน 180,000 บาท
และช่วงธ.ค.59 ก็กดเงินสดให้อีก 160,000 บาท จากนั้นฝ่ายหญิงก็คุยเรื่องแต่งงานเรียกสินสอดจำนวน 200,000 บาท ทองคำหนัก 3 บาท จึงตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อมาทำธุรกิจกับหญิงรายนี้ และโอนเงินค่าสินสอดจำนวน 180,000 บาทสุดท้ายงานแต่งก็ไม่ได้จัดโดยถูกอ้างว่าดวงไม่ดีขอเลื่อนงานแต่งก่อนหนีหายไป
3 พฤษภาคม นายโอ (นามสมมติ) ถูกหลอกแต่งงานสูญเงินกว่า 300,000บาท กับทอง 4 บาท โดยรู้จักกับน้องน้ำมนต์ผ่านทางเฟซบุ๊กเมื่อเดือนธ.ค. 59 ซึ่งทุกครั้งที่คุยฝ่ายหญิงมักจะพูดโอ้อวดว่ารวย มีธุรกิจขายส่งผลไม้ที่ตลาดไท จึงชวนตนเองมาร่วมลงทุนเพื่อช่วยดูแลธุรกิจและสร้างครอบครัว
ซึ่งฝ่ายหญิงเรียกค่าสินสอด 300,000บาท ตนเองจึงไปยืมพี่สาวมา โดยพี่สาวได้ไปกู้เงินธนาคารมา 200,000 บาท ขาดเงินอีก 100,000 บาท ตนจึงนำรถไปขาย พร้อมซื้อทอง 4 บาท เป็นค่าสินสอด พอแต่งงานได้วันเดียวฝ่ายหญิงก็ให้กลับไปบ้านเกิด สุดท้ายจึงรู้ว่าถูกหลอก
พฤษภาคม 60 นายวิชิต (สงวนนามสกุล) แต่งงานกับน้องน้ำมนต์ก่อนถูกเชิดเงินสินสอด 2 แสนบาท กับทองคำหนัก 4 บาท โดยรู้จักกับหญิงสาวคนนี้ผ่านทางเฟซบุ๊กตั้งแต่ปลายปี 2559 แล้วคบหาดูใจกันทางเฟซบุ๊ก จนกระทั่งอีกฝ่ายมาชวนแต่งงาน โดยบอกว่าอยากจะมีคู่ชีวิตที่ช่วยกันทำมาหากินและจะให้ครอบครัวฝ่ายชายช่วยดูแลธุรกิจ
และเรียกสินสอดเป็นเงิน 4 แสนบาท กับทองคำหนัก 4 บาท ก่อนลดสินสอดให้เลือกแค่ 2 แสนบาท แต่ยังขอทองคำ 4 บาทเท่าเดิม พร้อมแนะนำให้ขายรถเอาเงินไปซื้อทอง ก็หลงเชื่อขายรถเอาเงินมาซื้อทอง แล้วทางครอบครัวก็ไปกู้เงินธนาคารมาเป็นค่าสินสอด 2 แสนบาท สุดท้ายหลังจากแต่งงานก็หายเงียบพร้อมกับเงินสินสอด
23 พฤษภาคม 60 นายรุจ (นามสมมติ) ถูกหลอกให้แต่งงานกับน้องน้ำมนต์ ซึ่งคบหาดูใจกัน เพียง 1 เดือน ก่อนตัดสินใจแต่งงาน โดยฝ่ายหญิงส่งข้อความเฟซบุ๊กคล้ายว่ามาจีบ จากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ ก็ตกลงเป็นแฟนกัน จากนั้นอีกเพียง 2 อาทิตย์ ก็ถูกชวนแต่งงาน
โดยออกอุบายชวนมาทำธุรกิจร่วมกัน แต่ต้องแต่งงานกันก่อน ซึ่งฝ่ายหญิงเรียกสินสอด 180,000 บาท ตนจ่ายไปก่อน 80,000 บาท พอวันงานพ่อก็ไปกู้ธนาคารมาสมทบอีก 100,000 บาท จากนั้นหลังแต่งงาน 1 สัปดาห์ ฝ่ายหญิงก็กลับมาเอารถยนต์ไปอีก 1 คันแล้วหายเงียบไป
ทั้งหมดนี้คือผู้เสียหายที่ถูกสาวแสบหลอกแต่งงานพร้อมเชิดเงินหนีและยังมีส่วนหนึ่งที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย แต่คาดว่าน่าจะมีผู้ชายที่ตกเป็นเหยื่อสาวแสบอีกหลายราย
ที่สำคัญยังมีข้อมูลที่น่าสนใจอีกว่าบ้านหลังดังกล่าวที่ใช้ในการหลอกเหยื่อเพื่อจัดงานแต่งนั้นเป็นบ้านเช่าของทนายความในหมู่บ้านย่าน จ.ปทุมธานี ที่ถูกสาวแสบรายนี้ยกเค้าข้าวของไปเกือบหมดบ้านทั้ง เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์และข้าวของในบ้านหลบหนีไปด้วย
นอกจากนี้ยังพบข้อมูลเพิ่มเติมว่าสาวแสบรายนี้จะทำทีไปติดต่อซื้อผลไม้ก่อนเชิดสิ้นค้าหนีไม่ยอมจ่ายเงินตั้งแต่ ทุเรียน ลิ้นจี่ ลำไย สารพัดไม่เว้นแม้แต่ตะกร้าหรือเข่งพลาสติกใส่ผลไม้เป็นจำนวนนับพันๆใบก็ยังจะเอาไป
โดยก่อเหตุตั้งแต่ จ.ชุมพร จ.จันทบุรี จ.ระยอง ไปจนถึงชาวสวนทางภาคเหนือ ขนาดคนพิการขายสลากกินแบ่งที่ อ.วังสะพุง จงเลยยังถูกโกงไป 2 รายๆละ 2 แสนบาท เรียกได้ว่าโกงยันเงาจริงๆ
และอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนสงสัยว่าครอบครัวมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้หรือไม่ เพราะงานแต่งทุกงานจะต้องเชิญครอบครัวไปเป็นสักขีพยานทุกครั้งไป..?
หากรู้ว่าอะไรผิดแต่ไม่ช่วยกันตักเตือนและยังส่งเสริมเช่นนี้อีก แสดงว่ามหากาพย์เส้นทางโจรสายนี้คงมีการปูทางเตรียมไว้เพื่อล่อเหยื่ออย่างเป็นขบวนการ สุดท้ายแล้วจุดจบของการกระทำจะเป็นเช่นไรคงยากที่ใครจะรู้ได้ แต่สิ่งรู้เห็นจริงคือ “รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ”
อัลบั้มภาพ 11 ภาพ