เปิดอาณาจักร ตู้ม้า หลัง ป.ป.ท.คำราม!!!
เมื่อพูดถึงอบายมุขระดับรากหญ้าที่อยู่คู่สังคมไทยมาก็นานใช่ย่อยแล้วจะมองข้าม ตู้ม้าไฟฟ้า ไปไม่ได้เลย เนื่องจากเล่นง่ายและเข้าถึงชุมชน ไม่ว่าจะอยู่ตามตรอกซอกซอยเล็กใหญ่แค่ไหน การพนันชนิดนี้ก็เข้าถึงได้ทุกรูปแบบ แถมสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำให้ผู้ประกอบการ รวมถึงบรรดาสีกากีที่ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แลกเปลี่ยนกันในรูปผลประโยชน์ต่างตอบแทน !?!
ผลประโยชน์ต่างตอบแทนนี้ไม่มีใบเสร็จ ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ส่วนบุคคล ไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าเม็ดเงินที่ได้มาในแต่ละเดือนนั้น เป็นกอบเป็นกำชนิดใครได้ยินได้ฟังแล้วเป็นต้องตาโต
ก่อนหน้านี้ ธาริต เพ็งดิษฐ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้จัดชุดเฉพาะกิจ 5 ชุด ลงไปสุ่มตรวจสอบสถานบริการผิดกฎหมายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบมี ตู้ม้าไฟฟ้า ตู้การพนัน บ่อนพนันไพ่ป๊อก และโต๊ะพนันบอล รายล้อมอยู่ในแหล่งชุมชนที่พัก โดยเฉพาะรอบมหาวิทยาลัยและหอพัก มากถึง 109 ตู้
ธาริต บอกว่า แม้ ป.ป.ท.ไม่มีอำนาจจับกุม แต่มีอำนาจชี้ให้หน่วยงานพิเศษเข้าจับกุมได้ โดยจะให้เวลา 15 วัน นับจากวันที่ 6 มีนาคมเป็นต้นไป ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามหน้าที่
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลกับชุดสืบสวนหลายหน่วยงาน พอจะอนุมานได้ว่าปัจจุบันมีผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ อยู่เพียงไม่กี่เจ้า เช่น อาม่า อากวง อามอน อาตี้ อาโก้ และอากุ๊ง ทั้งหมดจะกระจายส่งตู้ม้าไฟ ฟ้าไปลงตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ด้วยเครือข่ายสาขาที่มีอยู่ทั่วถึงทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กหรือหน้าใหม่ไม่ สามารถฝ่าด่านอรหันต์เข้ามาทำธุรกิจสีเทาชนิดนี้ได้ การพนันตู้ม้าไฟฟ้าจึงจำกัดและผูกขาดอยู่เพียงแค่คนเหล่านี้ไม่กี่คนเท่านั้น
การทำธุรกิจชนิดนี้จะเริ่มจากบรรดาตั่วเฮียและอาซ้อข้างต้นส่งคนของตัวเองเข้าตามพื้นที่ต่างๆ ลงไปเจรจากับคนในเครื่องแบบเจ้าของท้องที่ ยื่นความจำนงที่ผิดกฎหมายเพื่อขอวางตู้ม้าไฟฟ้าตามชุมชนต่างๆ หลังจากนั้นก็จะไปสำรวจทำเลที่จะวางตู้ม้าไฟ ฟ้า แล้วเจรจากับเจ้าของสถานที่อีกครั้งหนึ่ง เกี่ยวกับผลตอบแทนที่จะได้รับ พร้อมกับการการันตีว่าจะไม่ได้รับความเดือดร้อนจาก ม๋าต๋า ในเครื่องแบบ
ผลตอบแทนที่เจ้าของสถานที่ได้รับนั้น ว่ากันว่าน้อยยิ่งกว่าที่คนในเครื่องแบบเจ้าของท้องที่ได้รับ แต่ก็มากพอที่จะเสี่ยงให้วางตู้ม้าไฟฟ้า สำหรับค่าตอบแทนสำหรับคนในเครื่องแบบนั้น ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งตู้ม้าไฟฟ้าว่าจะเป็นทำเลทองขนาดไหน
ทำเลทอง คือ เป็นแหล่งชุมชน ผู้คนพลุกพล่าน ตั้งอยู่ใจกลางเมือง หากทำเลสวยถึงขั้นนี้ก็จะปันส่วนให้เจ้าของท้องที่เดือนละประมาณ 1 แสนบาทต่อตู้ต่อเดือน
1 ตู้ทำเลทอง 1 แสนบาท 10 ตู้ก็ตกเดือนละ 1 ล้านบาท !?!
"ตำรวจพื้นที่แทบไม่ต้องทำอะไร รอรับผลประโยชน์อย่างเดียว" อดีตนายตำรวจกล่าวกับ คม ชัด ลึก พร้อมกับยืนยันโดยอ้างข้อมูลจากเพื่อนร่วมรุ่นที่ยังรับราชการอยู่ว่า ปัจจุบันนี้บรรณาการลักษณะนี้ก็ยังมีอยู่อย่างเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
แต่ถ้าไม่ใช่ทำเลทองล่ะ !?!
ตามชานเมืองคนไม่พลุกพล่าน แต่ก็ยังเป็นแหล่มชุมนุมชน สนนราคาค่าบรรณาการก็ลดหลั่นกันลงมาอยู่ที่ 5-6 หมื่นบาทต่อตู้ต่อเดือน นี่คือสิ่งที่จะต้องจ่ายเป็นผลต่างตอบแทนให้แก่เจ้าของท้องที่ ยังมีคนในเครื่องแบบนอกหน่วยอีก ไม่ว่าจะเป็นกองกำกับการสืบสวนที่กำกับดูแลท้องที่นั้นๆ ตำรวจ 191 ตำรวจกองปราบปราม ตำรวจ ปศท.ซึ่งจะได้รับเงินนอกระบบชนิดที่เรียกว่า เหมารวม ไม่ใช่ประจำรายเดือน
"ถ้าพื้นที่นั้นๆ มีตู้ม้าไฟ ฟ้าอยู่ 10 ตู้ คนเล่นมีเยอะ ราคาเหมาจ่ายก็ตกอยู่ที่หน่วยงานละประมาณ 5 หมื่นบาทต่อเดือน ตรงกันข้ามถ้าเป็นพื้นที่ที่มีคนเล่นน้อย ตู้ม้าไฟฟ้าวางน้อยราคาเหมาจ่ายก็น้อยลงไปอาจอยู่ที่ 2 หมื่นบาทต่อเดือน" อดีตคนวงในตู้ม้าไฟฟ้าให้ข้อมูล
การปราบปรามกวาดล้างตู้ม้าไฟฟ้ามีอยู่เป็นระยะ เมื่อถูกกำชับลงแส้ก็เข้มงวดกวดขันเสียครั้งหนึ่ง พอเรื่องเงียบทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เคยมีผู้ประกอบการตู้ม้าไฟฟ้าหัวหมอ นำคำพิพากษาของศาลแขวงพระนครใต้ แจกจ่ายไปยังพื้นที่ที่วางตู้ม้าไฟฟ้าให้ได้ทราบว่า ตู้ม้าไฟฟ้าไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย โดยยกเอาการต่อสู้คดีในชั้นศาลจนชนะคดีเมื่อปี 2547
ครั้งหนึ่งเคยมีคนร้องเรียนเกี่ยวกับตู้ม้าไฟ ฟ้าต่อสื่อมวลชนในท้องที่หนึ่ง และผู้กำกับการเจ้าของท้องที่เองก็ยกเอาสาเหตุนี้ขึ้นมาหักล้าง ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นต่างกรรมต่างวาระกันก็ตาม
นอกจากตู้ม้าไฟ ฟ้าจะเป็นแหล่งสร้างรายได้มหาศาลให้คนในเครื่องแบบ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นหอกข้างแคร่ที่รอวันทิ่มแทงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มักจะมีข่าวตำรวจเจ้าของท้องที่หลายนายถูกเด้งออกนอกหน่วย เนื่องจากปล่อยให้ชุดเฉพาะกิจจากส่วนกลางเข้ามาจับกุมตู้ม้าในท้องที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายตำรวจระดับหัวหน้าสถานีเกือบทุกแห่งมักจะออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีตู้ม้ามอมเมาเยาวชน แต่สิ่งเหล่านี้ก็ยังคงดำรงอยู่ในสังคมไทยมาจวบจนทุกวันนี้
ยังมีข้อมูลจากอดีตคนวงในที่ยังคงติดตามข่าวสารของบรรดาตั่วเฮียตู้ม้าทั้ง หลายที่น่าสนใจอย่างยิ่ง หากว่าตำรวจจะใคร่ตรวจสอบให้ได้รู้ความจริงดูบ้างประไร ก็ไม่ใช่ที่ไหนไกลเกินกว่า ตลาดสดจอมทอง บางขุนเทียน บางบอน เซนต์หลุยส์ 3 กรุงธนบุรี ประชาชื่น หัวหมาก บางกะปิ พระราชวัง คลองตัน เป็นต้น