นักเรียน ม.6 ร้อง จงรัก ตร.สุดโหดซ้อม-ใช้ถุงครอบหัวให้สารภาพวิ่งราวสร้อย

นักเรียน ม.6 ร้อง จงรัก ตร.สุดโหดซ้อม-ใช้ถุงครอบหัวให้สารภาพวิ่งราวสร้อย

นักเรียน ม.6 ร้อง จงรัก ตร.สุดโหดซ้อม-ใช้ถุงครอบหัวให้สารภาพวิ่งราวสร้อย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นักเรียนชั้น ม.6 ร้อง รอง ผบ.ตร.ถูกตำรวจปราจีนฯซ้อมให้สารภาพวิ่งราวสร้อย อ้างหน้าเหมือน สุดโหดใช้ถุงพลาสติกครอบหัวให้หายใจไม่ออก จับคนร้ายตัวจริงได้ ตามข่มขู่ไม่ให้เอาเรื่อง

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) นายสมศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) พร้อมบุตรชาย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนปราจิณราษฎรอำรุง เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. กรณีที่บุตร ถูกตำรวจชุดสืบสวนภูธร จ.ปราจีนบุรีซ้อมให้รับสารภาพว่าเป็นคนร้ายวิ่งราวสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 3 บาท แต่ต่อมาสามารถจับกุมผู้ต้องหาตัวจริงได้คือ นายสุวิทย์ เหลืองห่อ จึงต้องการฟ้องกลับแต่ถูกข่มขู่โดยตำรวจชุดดังกล่าว

บุตรชายนายสมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ที่ผ่านมาได้ถูกตำรวจเรียกให้ไปที่โรงพักเนื่องจากใบหน้าคล้ายคนที่วิ่งราวทอง จากนั้นผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้หญิงก็มาชี้ตัวว่าเป็นคนร้าย แต่ตนไม่ได้รับสารภาพว่าเป็นคนร้าย และมีตำรวจชุดสืบสวนจ.ปราจีนบุรี นำตัวไปสอบปากคำโดยการนำถุงมาครอบศรีษะจนหายใจไม่ออกและชักหลายครั้งเพื่อให้สารภาพ จนกระทั่งทนไม่ไหวจึงแกล้งบอกตำรวจว่าจะสารภาพและให้พาไปเอาทองกับคนที่รู้จัก แต่เมื่อมาถึงตนก็พยายามขอความช่วยเหลือโดยให้ติดต่อกับพ่อ

นักเรียนชั้น ม.6 กล่าวว่า เมื่อตำรวจชุดที่พาไปรู้ว่าตนวางอุบาย ก็ถูกพาตัวกลับและตบเตะทำร้ายร่างกาย เมื่อกลับมาก็อ้างว่านำปัสสาวะตนไปตรวจแล้วเป็นสีม่วง จนกระทั่งมีชาวบ้านหลายคนมาที่โรงพักตำรวจจึงไม่ซ้อมตนอีก โดยเมื่อออกมาก็ได้ไปตรวจปัสาวะที่โรงพยาบาลก็ไม่พบสารเสพติด

นักเรียนชั้น ม.6 กล่าวว่า ต่อมาวันที่ 23 ก.พ.ตำรวจ สภ.เมืองปราจีนบุรี ก็สามารถจับกุมคนร้ายตัวจริงซึ่งยอมรับสารภาพว่าเป็นคนวิ่งราวสร้อยทองดังกล่าวได้ พ่อจึงได้แจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจชุดสืบสวนภูธร จ.ปราจีนบุรี ที่ทำร้ายร่างกายตน แต่กลับถูกข่มขู่ยื่นข้อเสนอว่าจะไม่ส่งฟ้องตนเพื่อให้ถอนแจ้งความ จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงมาร้องเรียน พล.ต.อ.จงรัก เพื่อให้ช่วยดูแลคดีนี้และดำเนินการกับตำรวจที่ทำร้ายร่างกาย

ด้าน พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า จะตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งในส่วนของคดีที่มีการจับคนร้ายตัวจริงได้แล้ว ก็ต้องไม่สามารถสั่งฟ้อง นักเรียนชั้น ม.6 ได้ และตำรวจที่ซ้อมนายฤทธิรงค์ ก็ต้องมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงหากพบว่า กระทำผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งจากการสอบถามนักเรียน และพ่อแล้วก็เชื่อว่า น่าจะมีมูลความจริง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook