สลด! หญิงจีนท้องแก่โดดตึกดับ กดดันครอบครัวไม่ยอมให้ผ่าคลอด

สำนักข่าวประเทศรายงานเรื่องสุดสลดของหญิงชาวจีนรายหนึ่งซึ่งท้องแก่ใกล้คลอดกระโดดจากหน้าต่างชั้น 5 โรงพยาบาลที่ 1 เมืองอวี๋หลิน มณฑลส่านซี ลงมาเสียชีวิต เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา หลังอยากผ่าคลอด แต่สามีและครอบครัวปฏิเสธคำขอ แม้เธอพูดคุยขอร้องถึงสองครั้ง ทางครอบครัวก็ยังไม่ยอม ยืนยันให้คลอดเองตามธรรมชาติ

ตามรายงานระบุว่า หญิงท้องแก่ผู้เสียชีวิตดังกล่าวแซ่หม่า อายุ 26 ปี ได้เดินทางไปโรงพยาบาลเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 30 ส.ค. และร้องขอผ่าคลอดในเวลา 17:50 น. ของวันถัดไป หลังจากเกิดอาการปวดท้อง โดยแพทย์สันนิษฐานว่าเกิดจากศีรษะของทารกมีขนาดใหญ่  ซึ่งจากการตรวจอัลตราซาวด์พบศีรษะทารกมีขนาดถึง 99 มิลลิเมตร

แพทย์เห็นว่าอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตแม่และเด็กหากให้คลอดธรรมชาติ จึงอธิบายสถานการณ์และขออนุญาตผ่าตัดทำคลอดให้เธอกับทางครอบครัวหลายครั้ง แต่ทางครอบครัวของเธอก็ปฏิเสธไม่ยินยอม

แม้ตัวเธอพยายามพูดคุยกับทางครอบครัวถึงสองครั้งว่าทนความเจ็บไม่ไหว แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ กระทั่งสุดท้ายเธอได้กระโดดจากหน้าต่างห้องคลอดลงมาเสียชีวิตทั้งแม่และลูกเมื่อเวลาราว 20:00 น. วันดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่สรุปการเสียชีวิตว่าเป็นการฆ่าตัวตาย

ซึ่งต่อมาได้มีการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าห้องคลอด เป็นภาพเธอเดินออกมาจากห้องเตรียมคลอดเพื่อพูดคุยกับทางครอบครัว พร้อมคุกเข่าขอร้องขอผ่าคลอดถึงสองครั้ง ด้วยเกิดอาการปวดท้องจนทนไม่ไหว

แต่ทางครอบครัวกล่าวว่าขณะนั้นเธอไม่ได้คุกเข่าขอร้อง แต่เป็นเพราะเกิดอาการเจ็บปวดจนนั่งลงไป ซึ่งสามีของเธอเปิดเผยว่า เขาอนุญาตให้ภรรยาผ่าตัดทำคลอดแล้ว แต่ทางโรงพยาบาลเองเป็นผู้บอกว่าสามารถคลอดได้แบบธรรมชาติ และให้เซ็นเอกสารรับทราบ

ขณะที่ทางโรงพยาบาลนำเอกสารทำความเข้าใจความเสี่ยงและผลลัพธ์ที่อาจจะเกิดขึ้นที่ให้เขาเซ็นชื่อ ซึ่งเขาก็เซ็นชื่อลงนามรับทราบแล้วเรียบร้อย

ทั้งนี้ หลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปกลายเป็นประเด็นที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักทั่วโลกออนไลน์ของจีน ซึ่งมีชาวเน็ตตั้งข้อสงสัยว่า อาจเป็นเพราะทางครอบครัวกังวลเรื่องค่าใช่จ่ายในการผ่าคลอด จึงยันยืนให้คอลดแบบธรรมชาติ แต่ทางครอบครัวของหญิงสาวปฏิเสธว่าไม่เป็นได้เป็นเพราะสาเหตุทางการเงิน