สุกิจ แก้เผ็ดหลังโดนเด้ง! สั่งอนุมัติ 3 พันโครงการก่อนพ้นเก้าอี้

สุกิจ แก้เผ็ดหลังโดนเด้ง! สั่งอนุมัติ 3 พันโครงการก่อนพ้นเก้าอี้

สุกิจ แก้เผ็ดหลังโดนเด้ง! สั่งอนุมัติ 3 พันโครงการก่อนพ้นเก้าอี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เผยโยกย้ายผู้ว่าฯ ระลอกแรก "เพื่อนเนวิน" ส่งคนของตัวเองคุมงบแสนล้านของ "สถ." ด้าน "ภท.-ปชป."คัดผู้ว่าฯ ในสายคุมพื้นที่เลือกตั้ง "สุกิจ" ถูกเด้งตามโผ เผยเจ้าตัวเพิ่งร่อน จ.ม.ฟ้องนายกฯ แฉ "บุญจง-น้องเนวิน" จุ้นจัดงบฯอุดหนุนท้องถิ่น ส่อขัด รธน.ม.266 พร้อมแก้เผ็ด สั่งเร่ง 3 พันโครงการงบฯอุดหนุน หวังเซ็นอนุมัติก่อนพ้นตำแหน่ง

"สุกิจ" ร้องศาลปค.-ก.พ.แฉมท.ล้วงลูก

นายสุกิจ เจริญรัตนกุล อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เปิดแถลงข่าวเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติคำสั่งย้ายตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอ ว่า ตนยืนยันว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการโยกย้ายครั้งนี้ มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง โดยจะขอใช้สิทธิในการร้องอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน และร้องต่อศาลปกครองต่อไป

"มั่นใจว่านายชวรัตน์ (ชาญวีรกูล) และนายบุญจง (วงศ์ไตรรัตน์) เป็นแพะ เพราะมีคนที่สั่งย้ายอยู่เบื้องหลัง นายชวรัตน์ และขอยืนยันว่าบุคคลที่มีบุญคุณมากที่สุดคือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนที่สนิทกับน้องชายผมเท่านั้น ผมไม่ได้มีความใกล้ชิด แต่กลับถูกดึงไปเชื่อมโยงว่า ผมเป็นคนของขั้วอำนาจเก่า" นายสุกิจกล่าว

นายสุกิจกล่าวว่า ต้องการให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยตนให้เร็วที่สุด เพราะเชื่อมั่นในความจริง และจะนำไปสู่มาตรฐานที่ถูกต้องของข้าราชการระดับสูง ที่ถูกนักการเมืองล้วงลูก ที่ผ่านมารู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะนักการเมืองที่ต้องการเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากงบฯของท้องถิ่น ต้องการจัดสรรให้พรรคพวกตัวเอง โดยเฉพาะงบฯอุดหนุนทั่วไป แทนที่จะนำงบฯไปกระจายไปยังท้องถิ่น

"สุกิจ" ร้องนายกฯโดนแทรกแซง

รายงานข่าวจากสำนักนายกรัฐมนตรีแจ้งว่า การที่ฝ่ายการเมืองไฟเขียวย้ายนายสุกิจ เจริญรัตนกุล อธิบดี สถ. มาจากกรณีที่นายสุกิจ ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดเรื่อง "ปัญหาอุปสรรคและความล่าช้าในการจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ" ถึงนายวิชัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ลงวันที่ 9 มีนาคม หรือก่อนถูก ครม.สั่งย้ายเพียง 1 วัน โดยมีการรายงานสาเหตุที่ทำให้การเบิกจ่ายงบกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาลล่าช้า จากสาเหตุดังนี้ 1.นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการมหาดไทย และคณะ มีพฤติการณ์เข้ามาแทรกแซงก้าวก่ายการทำงานของ สถ.และ อปท.ในหลายโครงการ มีการเรียกรองอธิบดี ผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการส่วน และเจ้าหน้าที่ สถ.ไปสั่งการเรื่องการจัดสรรงบฯ ทุกเดือน เดือนละหลายครั้ง ทำให้โครงการสำคัญล่าช้า 2.นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ มีหนังสือบัญชาให้ สถ. โอนงบอุดหนุน อปท. ในส่วนที่เหลือจ่าย และไม่มีข้อผูกพันทั้งหมด (ประมาณ 38,780 ล้านบาท) กลับมาตั้งไว้ที่ สถ. ทำให้ สถ.ไม่สามารถจัดสรรงบให้ อปท.ในหลายโครงการสำคัญ และระบุด้วยว่า หนังสือสั่งการจากรัฐมนตรีดังกล่าว น่าจะขัดต่อระเบียบการเงินการคลังท้องถิ่น และกรมไม่มีอำนาจทำเช่นนั้นได้

ข่าวแจ้งอีกว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2552 นายสุกิจเคยทำหนังสือถึงนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และปลัดกระทรวงมหาดไทยเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าว โดยยกข้อกฎหมาย และรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 266 ที่กำหนดให้รัฐมนตรีต้องไม่เข้าไปก้าวก่าย แทรกแซงการปฏิบัติราชการ ที่สำคัญข้อสั่งการของรัฐมนตรีช่วยว่าการมหาดไทยส่อว่าจะเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องรับผิดชอบต่อความถูกต้องของระเบียบ กฎหมาย

รองโฆษก"ภท."ปัดเนวินจัดโผ

นายศุภชัยกล่าวว่า วาระดังกล่าว เป็นการเสนอมาเป็นวาระเพื่อทราบจร และไม่ได้มีผู้ใดติดใจซักถาม เพียงแต่ ครม.ได้รับทราบแล้วก็ผ่านไป และยืนยันว่า นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน ไม่ได้อยู่เบื้องหลังหรือเกี่ยวข้องกับการจัดโผแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ แต่เป็นเรื่องที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้นำเสนอ โดยปรึกษากับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และมีการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว และไม่เป็นความจริงที่ย้าย ผวจ.เชียงใหม่และเชียงรายเพื่อล้างบางขั้วอำนาจเก่า แต่เพราะที่เชียงรายมีการร้องเรียน ที่ตรวจสอบแล้วน่าเชื่อว่า หากให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จะทำให้การบริหารงานในจังหวัดมีปัญหา ส่วน ผวจ.เชียงใหม่ เป็นการย้ายตามความเหมาะสม

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวว่า เจ้ากระทรวงต้องการให้งานที่รับผิดชอบบรรลุเป้าหมาย เกิดความสำเร็จ ก็อาจมีการปรับปรุงโยกย้ายแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในระดับต่างๆ ตามปกติ

มท.1แย้มจะมีโยกย้ายอีกระลอก

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เป็นการเปลี่ยนตำแหน่งและบุคคลเพื่อความเหมาะสม และไม่มีใครอยู่เบื้องหลังแม้แต่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ไม่มีการร้องขอตำแหน่งใดเป็นพิเศษ ส่วนนายสุกิจ ถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนการทำงาน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับทุจริตนมโรงเรียนอย่างที่มีข่าวออกมา ส่วนที่นายสุกิจเคยประกาศว่า หากถูกโยกย้ายจะออกมาแฉเรื่องงบเฉพาะกิจของสถ. 12,000 ล้านบาทนั้นทุกอย่างโปร่งใส ไม่มีอะไรต้องแฉ

"หลังจากที่นายวิชัย ศรีขวัญได้รับการโปรดเกล้าฯเป็นปลัดกระทรวงฯ จะยังมีการโยกย้ายอีก ยืนยันว่าไม่ใช่การย้ายในภาคเหนือ ไม่ใช่ล้างขั้วอำนาจเก่า แต่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ" นายชวรัตน์ ระบุ

ด้านนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การย้ายนายสุกิจเป็นไปเพื่อประสิทธิภาพการทำงาน และไม่กังวลที่นายสุกิจเคยบอกว่า จะแฉเรื่องการทุจริตงบประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท เพราะไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่ชอบมาพากล

โฆษกมท.อัดกลับซี 3 ยังรู้กฎ

นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นายสุกิจควรจะพิจารณาตัวเอง เพราะกว่าจะมาเป็นอธิบดีต้องรู้ว่าข้าราชการจะต้องประพฤติปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง ขนาดข้าราชการซี 3 ยังรู้ว่า ระเบียบข้าราชการพลเรือนเป็นอย่างไร ส่วนที่นายสุกิจจะแฉการทุจริตงบฯเฉพาะกิจของ สถ. 1.2 หมื่นล้านบาทนั้น เมื่อนายสุกิจเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ รู้ว่ามีการทุจริต ทำไมจึงไม่ดำเนินการไปก่อนหน้านั้น ทำไมจึงเพิ่งออกมาพูด ถ้านายสุกิจมีหลักฐานให้เอาออกมาเลย ว่าใครทุจริตอย่างไร

ด้าน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นการโยกย้ายที่ทำลายขวัญกำลังใจข้าราชการ โดยรัฐบาลอาจมองว่าที่ผ่านมาผู้ว่าฯเชียงใหม่ อาจเคยสนับสนุนพรรคไทยรักไทย พลังประชาชนในอดีต

"สุกิจ" แก้เผ็ดจ่อเซ็น3พันโครงการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีคำสั่งย้ายนายสุกิจ ปรากฎว่าบ่ายวันเดียวกัน นายสุกิจได้มีคำสั่งด่วนที่สุดเลขที่ มท.1801/390 ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการเงินอุดหนุนเฉพาะกิจสำหรับพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กรณีเร่งด่วนและเงินอุดหนุนเฉพาะกิจสำหรับสนับสนุนอปท.ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาอปท. และคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาวงเงินค่าก่อสร้างและรูปแบบรายการที่อปท.ขอรับการสนับสนุนปีงบประมาณ 2552 รวมทั้งมีคำสั่งไปยังหน่วยงานต่างๆในสังกัด ระบุว่าอีกเพียง 6 เดือนจะสิ้นปีงบประมาณ 2552 ระหว่างนี้จนอธิบดีสถ.คนปัจจุบันได้รับคำสั่งให้ไปรักษาราชการแทนผู้ตรวจกระทรวงฯ ขอให้คณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองฯ เร่งพิจารณาโครงการต่างๆที่คณะทำงานพิจารณาวงเงินค่าก่อสร้างตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว 3,000 โครงการโดยไม่ต้องรอคำสั่งที่มิชอบของข้าราชการฝ่ายการเมืองเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

ข่าวแจ้งว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นการเร่งรัดการอนุมัติงบเพื่อให้นายสุกิจเซ็นให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 16 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่ตำแหน่งผู้ตรวจกระทรวงนของนายสุกิจจะมีผล เพราะเป็นงบอุดหนุนที่ส.ส.และนักการเมืองขอสนับสนุนเป็นกรณีพิเศษ

วันเดียวกัน มีการส่งหนังสือเวียนด่วนที่สุด เลขที่ ท. 0801.3/ ว 97 ที่มีถึงสำนักงานสถ.จังหวัดทุกจังหวัด มายังห้องผู้สื่อข่าวประจำกระทรวงมหาดไทย ระบุว่ามีการแอบอ้างเรียกผลประโยชน์จากเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ 1.2 หมื่นล้านบาท จึงขอให้สถ.จังหวัดแจ้งให้ผู้ว่าฯทราบ ว่าปัจจุบันมีขบวนการแสวงหาผลประโยชน์เรียกรับเงินเปอร์เซ็นต์จาก อบจ. เทศบาล อบต. หรือผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยแอบอ้างว่าเป็นคนสนิทของนักการเมืองระดับชาติและผู้บริหารระดับสูงในสถ. อาสาไปของบประมาณกับผู้มีอำนาจ และรับรองว่าจะได้เงินภายใน 2-3 เดือน แต่ถ้าท้องถิ่นใดไม่วิ่งเต้น ก็ไม่มีทางที่จะได้รับเงิน จึงขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันจับผิดบุคคลเหล่านั้น ให้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน นายอำเภอ หรือผู้ว่าฯโดยเร็ว และจะเผยแพร่ข้อมูลทุกโครงการที่ได้รับอนุมัติทางเว็บไซต์ของกรมสถ. www.thailocadmin.go.th

ซี้"เนวิน"ขึ้นอธิบดีสถ.คุมงบแสนล.

รายงานจากกระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า มีการวิจารณ์กันว่า การโยกย้ายครั้งนี้เป็นการสมประโยชน์ของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ที่แต่งตั้งข้าราชการที่แต่ละฝ่ายไว้ใจมาทำงานเพื่อดูแลการเลือกตั้งในอนาคต ที่น่าสนใจ คือ นายสุกิจ ที่ถูกย้ายไปเป็นผู้ตรวจฯ เนื่องจากสนิทสนมกับพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นพี่ชายนพ.สุชัย เจริญรัตนกุล อดีตรัฐมนตรีหลายตำแหน่งในรัฐบาล.ทักษิณ ทั้งนี้ นอกจากนายสุกิจจะถูกย้ายพ้นจากอธิบดีแล้ว ยังถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัยในข้อหาขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา รายงานเท็จ และใส่ร้ายผู้บังคับบัญชา และอยู่ระหว่างการพิจารณาว่า เข้าข่ายก่อความเสียหายให้ราชการหรือไม่ หากพบว่าผิดจริงอาจจะถูกย้ายไปเป็นนักปกครองระดับสูง

รายงานข่าวแจ้งว่า ส่วนนายมานิต ที่มาเป็นอธิบดี สถ.แทนนั้น ใกล้ชิดนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และนายเนวินให้ความไว้วางใจมากตั้งแต่ขึ้นผวจ.ครั้งแรกที่จ.สตูล และถูกย้ายให้มาเป็นอธิบดีสถ.ที่มีงบนับแสนล้านบาท

"ปชป.-ภท." ส่งคนคุมเลือกตั้ง

สำหรับนายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ที่มาเป็นผวจ.ขอนแก่นแทน เพื่อคุมการเลือกตั้งในอนาคต เพราะสนิทสนมกับนายเนวิน ตั้งแต่เป็นผจว.สุรนิทร์ ส่วนการย้ายนายบุญสนอง จากผู้ว่าฯนครพนมไปเป็นผู้ว่าฯอำนาจเจริญ เนื่องจากจ.นครพนม เป็นพื้นที่ของนายศุภชัย โพธิ์สุ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน ที่ต้องการนำคนของตนเข้ามาคุมพื้นที่เตรียมการเลือกตั้ง

สำหรับผู้ว่าฯ ที่เป็นคำร้องขอจากพรรคประชาธิปัตย์ เช่น นายอมรพันธ์ ที่ย้ายจากผู้ว่าฯลำปางไปเป็นผู้ว่าฯเชียงใหม่ เพราะแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้นายอมรพันธ์ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่สีแดง รวมทั้งบิดานายอมรพันธ์ ยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคด้วย ยังมีนายสยุมพร ลิ่มไทย ที่ย้ายจากผู้ว่าฯ สตูล ไปเป็นผู้ว่าฯระยอง เนื่องจากอดีตผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ขอให้คืนความชอบธรรม หลังจากถูกกลั่นแกล้งให้ย้ายจากผู้ว่าฯเพชรบุรี ในสมัยที่นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ เป็นปลัดกระทรวง เช่นเดียวกับนายวิทยา ผิวผ่อง ที่ได้เป็นผู้ว่าฯพระนครศรีอยุธยา หลังจากถูกนายพีรพล ย้ายไปเป็นผู้ว่าฯสกลนคร

ด้านนายวิญญู ทองสกุล ที่ก้าวขึ้นจากผู้ตรวจฯไปเป็นผู้ว่าฯพัทลุงนั้น เนื่องจากนายวิญญู เคยเป็นรองผู้ว่าฯสุราษฎร์ธานี และสนิทสนมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส่วนนายสุเมธ แสงนิ่มนวล ออกจากผู้ตรวจ ได้ขึ้นเป็นผู้ว่าฯเชียงรายนั้น เพราะจบการศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยลัยเชียงใหม่ เช่นเดียวกับนายสุเทพ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook