แม่ผู้ต้องหาหนุ่ม ก่อเหตุอุ้ม "ธนบดี" ทวงความรับผิดชอบ

แม่ผู้ต้องหาหนุ่ม ก่อเหตุอุ้ม "ธนบดี" ทวงความรับผิดชอบ

แม่ผู้ต้องหาหนุ่ม ก่อเหตุอุ้ม "ธนบดี" ทวงความรับผิดชอบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

1 ในผู้ต้องหาอุ้มธนบดี โผล่แสดงตัวกองปราบ ร้องขอพบทนายสงกานต์ ให้ออกมาชี้แจงหลัง นายธนบดี ถูกกลุ่มผู้เสียหายทยอยเดินทางมาร้องเอาผิด เชื่อมีผู้อยู่เบื้องหลัง

นางธิดารัตน์ มารดาของ นายกันตพิชญ์ หนึ่งในผู้ต้องหาที่ นายธนบดี แจ้งความเอาผิดในฐานร่วมกับพวกอุ้ม เรียกค่าไถ่ ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เดินทางมาร่วมกับผู้เสียหายรายอื่นๆ ที่ถูกนายธนบดีหลอกขายรถยนต์หรือทะเบียรถยนต์ ซึ่งตัวของนายกันตพิชญ์ ตกเป็นผู้เสียหายหลังถูกนายธนบดี หลอกจะขายรถให้และให้โอนเอกสารเกี่ยวกับรถทั้งหมดไว้ ก่อนจะเชิดรถยนต์หายไป

จนกระทั่ง นายกันตพิชญ์ มีการดำเนินการทางกฎหมาย มีการติดตามตัวและนำหมายจับ ไปพบ นายธนบดี เพื่อเจรจาขอทรัพย์สินคืน จนกลายเป็นถูกกล่าวหาว่าร่วมกับพวกอุ้มเรียกไถ่ ตามที่เป็นข่าว

นางธิดารัตน์ เปิดเผยว่า สาเหตุที่เดินทางมากองปราบปราม เพื่อจะขอพบกับ ทนายสงกานต์ เพราะทราบว่าจะเดินทางมา เนื่องจากทนายสงกานต์ เป็นทนายความให้นายธนบดี และอยากสอบถามว่า ในการรับดำเนินการทางคดี ได้มีการตรวจสอบในข้อเท็จจริงบ้างหรือไม่ เนื่องจากคดีที่ลูกชายถูกแจ้งความเอาผิด ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และพฤติกรรมที่นายธนบดีทำไว้ และในวันนี้มีผู้เสียหายที่ถูกนายธนบดี หลอกเริ่มทยอยเข้ามาแจ้งความเอาผิดแล้วหลายราย จึงอยากให้ทนายสงกานต์ออกมาชี้แจง หรือ รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

ส่วนจะมีการดำเนินการทางกฎหมายกลับต่อทนายสงกานต์หรือไม่ ส่วนตัวเชื่อว่าคงไม่ต้องถึงขั้นดำเนินการทางกฎหมาย แต่อยากให้ออกมาพูดคุยชี้แจงกัน เพื่อความกระจ่าง และส่วนตัวเชื่อว่าต้องมีผู้อยู่เบื้องหลัง นายธนบดี อย่างแน่นอน พร้อมกันนี้ยังยอมรับว่าลูกชายตนเองทำผิดขั้นตอนจริง แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการอุ้มแต่อย่างใด 

ขณะที่ นายกันตพิชญ์ ยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุ ได้ไปกับเพื่อนโดยนำเอกสารสำเนาหมายจับ ไปเพื่อขอเจรจาขอทรัพย์สินคืนจาก นายธนบดี แต่นายธนบดีมีท่าทางจะหลบหนี จึงเรียกเพื่อนตามมาเพื่อช่วยกันการหลบหนี จนเกิดเหตุการณ์ที่นายธนบดีอ้างว่าเป็นการอุ้ม ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการจัดฉากของนายธนบดี ที่ต้องการให้เกิดหลักฐานมาเอาผิดกับตนเองและเพื่อน ซึ่งในข้อเท็จจริงตนเองเป็นผู้เสียหาย ที่ขณะนี้รถยนต์ของตนเองก็ยังไม่ได้คืนโดยมูลค่าความเสียหายของตนเองประมาณ 1.5 ล้านบาท 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook