สัตวแพทย์หญิง เล่านาทีหนุ่มอุ้มสุนัขมาให้ผ่าพิสูจน์

สัตวแพทย์หญิง เล่านาทีหนุ่มอุ้มสุนัขมาให้ผ่าพิสูจน์

สัตวแพทย์หญิง เล่านาทีหนุ่มอุ้มสุนัขมาให้ผ่าพิสูจน์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Jakkarin Ringngoen ได้นำเรื่องราวไปโพสต์ไว้ในโลกโซเชียล เกี่ยวกับเจ้าของสุนัขรายหนึ่ง ได้ทำการจ้างรถบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง เพื่อนำสุนัขพันธุ์ปอม เดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่ง ในตัวเมืองนครราชสีมา แต่สุนัขตัวดังกล่าวเกิดตายระหว่างทาง ก่อนที่เจ้าของสุนัขจะเรียกร้องค่าประกันกับบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง

และทางโรงพยาบาลสัตว์ได้ผ่าพิสูจน์ซากสุนัขกลับพบว่ามียาอยู่ภายในกระเพาะเป็นจำนวนมาก ซึ่งสงสัยว่าสุนัขจะถูกวางยาโดยเจ้าของสุนัข เพื่อเรียกค่าประกันกับบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง แพทย์ในโรงพยาบาลสัตว์ที่ผ่าพิสูจน์ซากสุนัข จึงได้นำเรื่องราวโพสต์ลงในโลกโซเชียล จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางนั้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (8 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่โรงพยาบาลสัตว์ที่เกิดเหตุ ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบกับ สัตวแพทย์หญิงอนงค์นาถ เจ้าของโรงพยาบาลสัตว์ฯ ซึ่งกำลังทำการรักษาสุนัขให้กับลูกค้าอยู่หลายราย ก่อนที่จะนำถุงใส่เม็ดยาจำนวนมากกว่า 10 เม็ด ที่พบในกระเพาะสุนัขตัวดังกล่าวมาให้ดู พร้อมกับนำซากสุนัขพันธุ์ปอมที่แช่แข็งไว้มาตรวจสอบสภาพอีกครั้ง

สัตวแพทย์หญิงอนงค์นาถ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีลูกค้ารายหนึ่งโทรศัพท์นัดว่าจะพาสุนัขมารักษา หลังจากนั้นประมาณ 30 นาที ลูกค้าก็มาถึงโรงพยาบาลสัตว์ฯ เมื่อลงมาจากรถก็หิ้วประเป๋าที่มีซากสุนัขที่ตายแล้วมาให้ตรวจดู ตนจึงแจ้งให้เจ้าของทราบว่าสุนัขตายมาแล้ว

ก่อนที่จะเห็นว่าเจ้าของสุนัขไปพูดคุยกับคนขับรถบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง ให้รับผิดชอบต่อการสูญเสียสุนัขครั้งนี้ ซึ่งคนขับรถก็ยืนยันว่าก่อนหน้านั้นเพียงครึ่งชั่วโมง ก็ยังเห็นว่าสุนัขแข็งแรงดี ลงไปวิ่งเล่นที่ปั๊มน้ำมันอยู่เลย และตัวเขาก็ไม่ได้แตะต้องตัวสุนัขเลย จึงแปลกใจว่าเหตุใดสุนัขถึงตายได้เร็วขนาดนี้

ส่วนที่จะให้ตนหาสาเหตุการตายของสุนัขนั้น ก็ทำไม่ได้เพราะสุนัขตายก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาลสัตว์แล้ว จึงแจ้งเจ้าของว่าไม่รู้สาเหตุ รู้แต่เพียงว่าตัวสุนัขสะอาด ไม่มีรอยปัสสาวะ หรือรอยอุจจาระอะไรเลย จึงสันนิษฐานแค่ว่าสุนัขอาจจะเกิดอาการช็อกก็ได้ แต่คนขับรถขนส่งสัตว์ยังไม่พอใจคำตอบ จึงแจ้งให้ตนเองทำการผ่าซากสุนัขตรวจสอบดู

เมื่อผ่าดูจึงปรากฏเห็นเม็ดยาจำนวนมากอยู่ในกระเพาะของสุนัข ตามคลิปที่โพสต์ลงในโซเชียล พร้อมกันนั้นก็เกิดความสงสัย เพราะตอนเจ้าของนำสุนัขมาตนก็เห็นเม็ดยาชนิดเดียวกันตกอยู่ในกระเป๋า ซึ่งเจ้าของสุนัขบอกว่าเป็นยาของตัวเอง ก่อนที่จะนำไปทิ้งลงขยะ จึงได้ไปคุ้ยดูในถังขยะพบว่าเป็นยาเม็ดสีเหลือง ซึ่งเป็นยาลดความดันของคน

ดังนั้นตนเองจึงได้สอบถามว่าใครป้อนยาให้สุนัข ซึ่งคนขับรถก็บอกว่าเห็นเจ้าของป้อนยาให้ และทางเจ้าของสุนัขก็โทรศัพท์มาบอกเองว่าได้ป้อนยาวิตามินให้สุนัขเอง แต่ทั้งนี้ตนตรวจสอบเบื้องต้นแล้วไม่ใช่วิตามินของสัตว์แน่นอน

เพราะส่วนใหญ่วิตามินของสุนัขจะเป็นรสตับ รสนม ที่ชวนให้สุนัขอยากกิน และยาวิตามินของสุนัขที่มีน้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม ก็ไม่น่าจะป้อนจำนวนมากกว่า 10 เม็ด รวมทั้งยาเม็ดที่พบอีกชนิดก็เป็นยาลดความดันของคนอย่างชัดเจน

ดังนั้นตนเองจึงให้เจ้าของสุนัขไปหาใบฉลากยา หรือกระปุกยามายืนยัน เพื่อเขียนในใบชันสูตรเพิ่ม แต่เจ้าของสุนัขบอกว่าทิ้งไปแล้ว พร้อมกับยืนยันว่าเป็นยาที่ทางโรงพยาบาลสัตว์ในกรุงเทพฯ ให้สุนัขกินมา หลังจากนั้นตนก็ทราบว่าทางเจ้าของสุนัขได้โทรศัพท์ไปขอร้องให้โรงพยาบาลสัตว์ที่กรุงเทพฯ เขียนย้อนหลังให้ว่าได้ป้อนยาชนิดนี้ไป ซึ่งทางโรงพยาบาลสัตว์ดังกล่าวก็ไม่สามารถทำให้ได้ ตนจึงได้นำใบผ่าชันสูตรซากสุนัขไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.โพธิ์กลาง เพื่อเป็นหลักฐาน

สัตวแพทย์หญิงอนงค์นาถ กล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อเช้านี้ตนเพิ่งรู้ว่าทางเจ้าของสุนัขได้มีการแก้ไขใบผ่าชันสูตรซากสุนัขโดยการเขียนบางอย่างเพิ่มเข้าไป หลังจากนั้นช่วงกลางดึกของวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนก็ได้ทราบจากบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยงว่าเจ้าของสุนัขไม่เรียกร้องค่าเสียหายแล้ว

แต่ขณะเดียวกันก็ยังไปป่วนที่โรงพยาบาลสัตว์ที่กรุงเทพฯอยู่ ว่าจะไปฟ้องสัตวแพทย์สภาให้ไปตรวจสอบการทำงานของแพทย์ ตนจึงเห็นว่าเรื่องนี้ยังไม่จบจริงๆ เลยตัดสินใจนำเรื่องราวเหล่านี้มาโพสต์ไว้ในโลกโซเชียลเพื่อเตือนภัยสังคม

และเมื่อโพสต์ไปได้สักระยะหนึ่ง ก็พบว่ามีโรงพยาบาลสัตว์อีกแห่งในจังหวัดนครราชสีมา แจ้งว่าเคยเจอเคสแบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่ได้มีการผ่าซากจึงไม่ทราบสาเหตุการตาย และได้ส่งรูปมาให้ดูจึงพบว่าเป็นคนเดียวกัน

อีกทั้งมีร้านขายสุนัขโทรศัพท์มาบอกว่า ลูกค้ารายนี้เพิ่งได้ซื้อสุนัขพันธุ์ปอมตัวดังกล่าวไปในราคา 6,500 บาท แต่โอนเงินเข้าบัญชีร้านขายสุนัขจำนวน 50,000 บาท เพื่อให้ทางร้านออกใบเสร็จให้ว่าซื้อสุนัขไปในราคา 50,000 บาท ดังนั้นจึงเชื่อว่าคนนี้น่าจะทำมาแล้วหลายครั้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook