ตำรวจจ่อหมายเรียกพ่อแม่ "น้ำมนต์" เอี่ยวลวงแต่งงาน
![ตำรวจจ่อหมายเรียกพ่อแม่ "น้ำมนต์" เอี่ยวลวงแต่งงาน](http://s.isanook.com/ns/0/ud/692/3460162/ahr0chm6ly9zlmlzyw5vb2suy29tl.jpg?ip/crop/w728h431/q80/jpg)
ตำรวจ จ่อออกหมายเรียก พ่อแม่ "น้ำมนต์" สอบเอี่ยวร่วมฉ้อโกงหลอกหนุ่มแต่งงาน ลงทุนธุรกิจ วันจันทร์นี้ ขณะที่ ตำรวจกองปราบ เร่งรวบรวมหลักฐาน ประสาน ปปง.เอาผิดฐานฟอกเงิน
(10 ก.ย.)พ.ต.อ.อริยะ พันธุฟัก ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จังหวัดปทุมธานี เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าคดี นางสาวจริยาภรณ์ หรือ น้ำมนต์ ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงหลอกลวงชาย 14 คนแต่งงานแล้วเชิดเงินและทรัพย์สินหลบหนี ว่า ภายหลังฝากขังผู้ต้องหาไปแล้วนั้น ล่าสุดพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างเชิญพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุที่ใช้เป็นพื้นที่ในการจัดงานแต่งงานมาสอบปากคำ เพื่อดูเจตนาว่า บิดาและมารดาของนางสาวจิรยาภรณ์ มีส่วนร่วมกับการกระทำผิดด้วยหรือไม่
พร้อมคาดว่าในวันจันทร์นี้ พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกบิดาและมารดาของนางสาวจริยาภรณ์ ให้เข้าพบเพื่อสอบปากคำ โดยระยะเวลากำหนดนัด ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน และระยะทางแหล่งที่พัก แต่จนขณะนี้ตำรวจยังไม่ทราบแหล่งที่อยู่ที่ชัดเจนและไม่สามารถติดต่อบิดามารดาของนางสาวจริยาภรณ์ ได้
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.อริยะ ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับพื้นที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความในกรณีถูกหลอกลวงให้แต่งงานด้วย จำนวน 2 คน และฐานลักทรัพย์ 1 คน ซึ่งได้สอบปากคำไว้ทั้งหมดแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงกรณีประสาน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เอาผิด นางสาวจริยาภรณ์ หรือ น้ำมนต์ ในฐานความผิดฟอกเงินเพิ่มเติม ว่า เบื้องต้นกรณีนี้ นาย สงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความ ได้นำผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ กับ ปปง. แล้ว และในส่วนของกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามซึ่งเป็นชุดจับกุมผู้ต้องหาก็มีหน้าที่สนับสนุนข้อมูล โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยานหลักฐานการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อส่งให้ ปปง. ประกอบสำนวนพิจารณา โดยยืนยันว่า จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด
ส่วนกรณี นางสาวสร้อยเพ็ชร ที่พบว่าเป็นชื่อบัญชีเงินฝากที่ นางสาวจริยาภรณ์ ใช้ในการกระทำผิดนั้น พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า จากที่นางสาวสร้อยเพ็ชร ได้เข้าให้ข้อมูลในฐานะพยานกับเจ้าหน้าที่ ได้ให้การว่าไม่มีส่วนรู้เห็น เนื่องจากเป็นบัญชีเงินฝากเก่าตั้งแต่ครั้งทำงานร่วมกัน และกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ก็มีหน้าที่เพียงสนับสนุนการสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ตำรวจท้องที่ประกอบสำนวนคดี
แต่การที่จะพิสูจน์ ว่านางสาวสร้อยเพ็ชร ร่วมกระทำผิดกับนางสาวจริยาภรณ์ หรือไม่นั้น ทางพนักงานสอบสวนแต่ละพื้นที่ที่ผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์ จะเป็นผู้พิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงตามหลักฐานที่ปรากฎ ทั้งการตรวจสอบกล้องวงจรปิด จำนวนบัญชีธนาคารที่ใช้ และใครเป็นผู้กดเงินในบัญชีดังกล่าว ซึ่งหากหลักฐานพบว่านางสาวสร้อยเพ็ชรมีส่วนเกี่ยวข้องกับการได้มาของเงิน ก็จะถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทันที