คู่รักเน็ตไอดอลแจ้งความ โดนโกงค่าสินค้า สูญ 7 แสน

คู่รักเน็ตไอดอลแจ้งความ โดนโกงค่าสินค้า สูญ 7 แสน

คู่รักเน็ตไอดอลแจ้งความ โดนโกงค่าสินค้า สูญ 7 แสน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (11 ก.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. นายภิรภพ หรือ เก่ง อายุ 28 ปี และนายธนพรรณ หรือ บอย อายุ 22 ปี เจ้าของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดน้ำหนัก และเป็นเน็ตไอดอลชื่อดังเคยเป็นข่าวโด่งดังชายแต่งงานกับชาย เข้าแจ้งความที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

โดยทั้งสองคน ให้การว่า ตนทั้งสองคนร่วมหุ้นกันทำธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ประเภทลดน้ำหนัก ตั้งออฟฟิศอยู่ย่าน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยช่วงตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา จนถึงเดือนสิงหาคม มีลูกค้าที่เข้ามาสมัครเป็นตัวแทนขายสินค้าทางโปรแกรมแชท โดยใช้ชื่อ "สำลี" สั่งซื้อสินค้าครั้งละมากๆ เป็นเงินจำนวนหลายๆหมื่นบาท รวม 13 ครั้ง เป็นมูลค่า 666,265 บาท

โดยให้จัดส่งสินค้าไปที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งในแต่ละครั้งจะใช้วิธีโอนเงินตามยอดสินค้าที่สั่งแล้วจะก็อปปี้สลิปเพื่อยืนยันส่งมาให้ดูเป็นหลักฐาน ก่อนที่ทางบริษัทจะจัดส่งสินค้าให้ตามออร์เดอร์ จนกระทั่งมาตรวจสอบบัญชีของทางธนาคาร ทราบว่ายอดเงินที่โอนมาให้ดูมียอดเข้ามาครั้งละ 20 บาทเท่านั้น ไม่ตรงกับสลิปที่ส่งมาให้ดูจนรู้ว่าโดนโกง โดยมีการปลอมแปลงตัดต่อเลขของยอดเงินที่ส่งมาทั้ง 13 ครั้ง จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี

ทางด้าน พ.ต.ท.ยศวิน เอี่ยมพุ่ม รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ปากเกร็ด ได้มอบหมายให้ร้อยเวรเร่งตรวจสอบ ทราบว่า ทางผู้เสียหายทั้งสองคนได้เดินทางเข้าแจ้งความ และให้ข้อมูลเบื้องต้นไว้ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

กระทั่งทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจนทราบว่านายเอ(นามสมมุติ) อายุ 17 ปี บ้านอยู่ที่ อ.เมืองขอนแก่น เป็นนักเรียนชั้นปวช.ปี 3 เป็นสาวประเภทสอง เป็นผู้ก่อเหตุ จึงได้ออกหมายเรียกให้มาพบเพื่อสอบปากคำ โดยนายเอได้เดินทางมาให้ปากคำแล้วเมื่อช่วงเที่ยงของวันนี้ โดยให้การรับสารภาพว่าได้ใช้ชื่อสำลีและรูปภาพของแม่เอามาตั้งโปรไฟล์ในโปรแกรมแชทเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ

ก่อนจะเข้ามาสมัครเป็นตัวแทนขายสินค้าอาหารเสริม ส่วนสลิปปลอมจะใช้วิธีก็อปปี้หน้าสลิปที่โอนไปให้จากจำนวน 20 บาท แล้วนำมาแก้ไขตัวเลขให้ตรงกับยอดที่สั่งสินค้า เพื่อไม่ให้มีพิรุธ ซึ่งสินค้าที่ได้จะนำไปเร่ขายในราคาถูกๆ เพื่อนำเงินมาใช้เรื่องเรียนและเที่ยวเตร่

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่ามีการกระทำแบบนี้มาแล้วกว่า 20 ครั้ง โดยใช้ชื่อผู้อื่น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงได้ตั้งข้อกล่าวหาว่าฉ้อโกงทรัพย์ และได้ควบคุมตัวส่งสถานพินิจ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook