โชเล่ย์ สู้ จูงลูกสาว แต่งหญิง! ของานทำ

โชเล่ย์ สู้ จูงลูกสาว แต่งหญิง! ของานทำ

โชเล่ย์ สู้ จูงลูกสาว แต่งหญิง! ของานทำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตลกสู้ชีวิต โชเล่ย์ ดอกกระโดน แต่งชุดเลียนแบบดาราดัง พร้อมลูกสาว เดินสายแจกนามบัตรที่อยู่เบอร์โทร.วอนประชาชนจ้างทำงาน ยินดีรับใช้ทุกอย่าง เพื่อหารายได้ดูแลลูกที่ยังเรียนหนังสือ และผ่อนบ้านถึงเดือนละกว่า 3 หมื่นบาท เผยมีร้านขายหนังสือแต่รายได้ไม่พอเลี้ยงลูก ต้องออกหางานทำก่อนเงินเก็บก้อนสุดท้ายจะหมด ระบุเคยคิดฆ่าตัวตายแต่กลัวลูกลำบาก และยังไม่คิดขอความช่วยเหลือจากสมาคมตลกฯ เพราะ ยังพอมีแรงช่วยตัวเองได้

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 11 มี.ค. ที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหาคร นายนิรัญ ช้างกลาง หรือ โชเล่ย์ ดอกกระโดน ตลกชื่อดัง พร้อมด้วย น.ส.ฉัตรสุมา ช้างกลาง หรือ น้องเบลล์ ลูกสาว แต่งกายด้วยชุดล้อเลียนวาบหวิวของมาช่า วัฒนพานิช กับ "หญิง"จุฬาลักษณ์ กฤติยารัตน์ ที่สวมไปในงานสุพรรณหงส์ทองคำที่ผ่านมา เพื่อแจกนามบัตรให้กับประชาชนที่ผ่านไปมา เพื่อให้เรียกใช้และว่าจ้างไปทำงานต่างๆ หลังจากในระยะหลังไม่มีงานทำให้ขาดรายได้จนครอบครัวได้รับความเดือดร้อน

โชเล่ย์กล่าวว่า ตอนมีชื่อเสียงมีงานค่อนข้างมาก ทำให้พักผ่อนน้อยร่างกายไม่ไหวเพราะอายุมาก จึงเลือกทำงานเฉพาะกลางวันคือ รายการทีวี ละครและหนัง แต่ไม่ได้ดั่งใจ ตอนแรกคิดว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีคลื่นลูกใหม่ๆ เข้ามา งานทีวีก็เริ่มหายไปจนหมด ทำให้เรารู้สึกว่าเราอิ่มแล้วหรือรู้สึกท้อ หยุดงานไปประมาณ 7-8 ปี แต่มีค่าใช้จ่ายเข้ามาตลอด เพราะลูกเรียนสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายก็ยิ่งมากขึ้น ค่าผ่อนบ้านก็ยังมีอยู่ และคิดว่าเงินที่เหลืออีกไม่มากหากใช้ไปก็จะหมด จึงอยากกลับมาทำตลกเหมือนเดิม จึงคิดว่าหนทางเดียวที่ทำให้แฟนๆ รู้ได้ก็คือ เอานามบัตรมาแจกแฟนๆ ตามร้านค้า ถนนต่างๆ แฟนๆ ที่เคยสงสารเรา บอกเขาว่าตอนนี้กลับมาเล่นตลกแล้ว ถ้ามีงานอะไรก็สามารถเรียกใช้ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมต้องแต่งชุดล้อเลียนมาช่าและหญิง จุฬาลักษณ์ โชเล่ย์กล่าวว่า เวลาที่เล่นตลกลูกสาวบอกว่าให้แต่งเป็นผู้หญิงดีกว่า เพราะดูตลกและขำดี ถ้าให้แต่งผู้หญิงแบบที่เคยแต่งมันก็ธรรมดาเกินไป และรู้ว่าชุดของใครกำลังฮอต ซึ่งน้องมาช่ากับน้องหญิงเป็นชุดที่ร้อนมากในงานสุพรรณหงส์ ก็เลยเลียนแบบและไม่ได้จ้างช่างที่เป็นมืออาชีพ เอาช่างที่เย็บอยู่ริมถนนให้เขาช่วยเย็บเราบอกทีละขั้นตอนเบ็ดเสร็จแล้ว 140 บาทเท่านั้นเอง

เมื่อถามว่า จะกลับมาเป็นตลกแบบศิลปินเดี่ยวหรือเป็นคณะตลก โชเล่ย์กล่าวว่า คิดว่าจะตั้งคณะตลกและมีพูดคุยไว้แล้วประมาณ 3-4 คน แต่จะไม่ดึงมาจากคณะอื่น จะเอาจากพี่ๆ หรือน้องๆ ที่เขาว่างงานจริงๆ เพราะตอนนี้ตลกมีว่างงานเยอะ เพราะคาเฟ่ไม่ค่อยมีแสดง และคิดว่าเมื่อก่อนตอนที่เล่นตลก คนส่วนใหญ่อยากให้แต่งผู้หญิง อยากให้แสดงเยอะๆ เวลาพูดคุยกับแฟนๆ เยอะ ซึ่งตนจะเน้นตรงนี้ และโดยเฉพาะเสื้อผ้าต่างๆ จะดีไซน์ให้เป็นจุดเด่นของงาน ที่จะไปแสดงในแต่ละครั้ง ก็หวังว่าทุกท่านคงจะเมตตา และสงสารเราเหมือนเดิม

เมื่อถามว่า หายไป 7 ปีมีหนี้สินมากหรือไม่ โชเล่ย์กล่าวว่า มีหนี้บ้านที่พุทธมณฑลสาย 4 ตอนนั้นซื้อมา 4 ล้านกว่า แต่มีเงินจ่ายทุกเดือน ซึ่งช่วงนั้นมีรายได้จากการทำร้านอาหาร โชเล่ย์ครัวปักษ์ใต้ ซึ่งช่วงแรกก็ดี แต่ช่วงหลังเกิดปัญหาต่างๆ เยอะมากสุดท้ายต้องปิด ตอนนี้ทำแผงหนังสือกำไรวันละประ มาณ 200 บาท พอกินถ้าไม่มีหนี้สิน แต่ตอนนี้มีหนี้ค่าบ้านประมาณ 2,700,000 บาท

ผู้สื่อข่าวถามน้องเบลล์ว่า จะช่วยเหลือพ่ออย่างไรบ้าง น.ส.ฉัตรสุมาหรือน้องเบลล์กล่าวว่า ตอนนี้ช่วยเฝ้าร้านหนังสือและยังไม่ได้ช่วยอะไร รู้สึกสงสารพ่อด้วย ถ้าพ่อตั้งคณะตลกแล้วอนุญาตให้ช่วยก็อยากไปช่วย วันนี้มาช่วยแจกนามบัตรก็รู้สึกภูมิใจ "บางครั้งคิดอยากฆ่าตัวตายขับรถลงคลองให้ตายไปเลย แต่พอเห็นหน้าลูกก็ทำไม่ลง"

เมื่อถามถึง ฟ้างาม พิลารักษ์ อดีตภรรยา ว่าเป็นอย่างไรบ้าง โชเล่ย์กล่าวว่า อดีตภรรยาไปทำงานของเขา จากไปตั้งแต่ตอนที่ตนเล่นละครเวทีเรื่อง เวทีนี้ไม่มีผู้ชาย ช่วงนั้นมีข่าวว่าโชเล่ย์เป็นกะเทยตุ้งติ้ง มีเพื่อนผู้ชายเกินเพื่อน ช่วงแรกภรรยาก็รับได้แต่พอเป็นข่าวจริงๆ บางครั้งเจอเพื่อน เพื่อนจะหยอกเราแรงๆ ต่อหน้าภรรยาจนเขารับไม่ได้ ทุกวันนี้ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน นอกจากถ้าลูกคนไหนไม่สบายมากๆ ก็จะบอกเขา หรือว่ามีอะไรสำคัญก็จะบอกเขา เขาเหมือนชีกับพระครับคือเขาตัดไปแล้วก็ตัดเลย เวลามีอะไรเขาก็จะบอกว่าให้แก้ไขเอง ทุกวันนี้ไม่มีกำลังใจจากเขา แต่ก็ยังโชคดีที่มีกำลังใจจากลูกสาวทั้ง 3 คน เคยคิดอยากฆ่าตัวตาย แต่พอเห็นหน้าลูกแล้วเราทำไม่ลง เพราะถ้าตายไปแล้วลูกจะอยู่อย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังไปแจกนามบัตรได้รับเสียงตอบรับอย่างไรบ้าง โชเล่ย์กล่าวว่า หลังจากไปออกราย การทีวีก็มีคนติดต่อมาให้งานเรามาก แต่เป็นงานที่ตนไม่ถนัดอย่างไปขายประกัน และไปให้ความบันเทิงกับลูกทัวร์ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งอยู่ระหว่างดูรายละ เอียด เพราะงานที่ถนัดมากที่สุดคือแสดงหนัง ละคร ร้องเพลงก็ได้

เมื่อถามว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากสมาคมตลกแห่งประเทศไทยหรือไม่ โชเล่ย์กล่าวว่า มีโอกาสคุยกับพี่ถั่วแระ เขาบอกว่าจะให้อยู่ในสมาคมอีก แม้จะปิดรับสมัครไปแล้ว แต่ให้นำบัตรประชาชนและสำเนา ไปให้ เขาก็จะให้โอกาสและให้สิทธิพิเศษ คิดว่าจะทำเผื่อว่าต่อไปเป็นอะไรขึ้นมา ทางสมาคมจะได้ช่วยเหลือลูกๆ ตนไม่ได้ต้องการเรียกร้องความเห็นใจจากสมาคมจึงไม่ไปรบกวน ถือว่าตอนนี้ยังไม่ได้ตกอับ ยังไม่ถึงขั้นไปไหนไม่ได้ ยังไม่เป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ ยังเดินเหินได้อยู่ ก็อยากช่วยเหลือตัวเองก่อนและถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็คงขอความช่วยเหลือ

ผู้สื่อข่าวถามว่าสิ่งของเช่นรถยนต์สปอร์ตไรเดอร์ เคยคิดจะขายหรือไม่ โชเล่ย์กล่าวว่า ตนมีรถคันเดียวและบ้านไม่ได้อยู่ริมถนน ต้องไปเช็กสต๊อกหนังสือที่ร้านต้องใช้รถ และรถคันนี้ไม่มีภาระอะไรเพราะซื้อเงินสด

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook