สรุปมติกทช.สั่งเลิกเก็บค่าเชื่อมสัญญาณโทรฯ 107บ.

สรุปมติกทช.สั่งเลิกเก็บค่าเชื่อมสัญญาณโทรฯ 107บ.

สรุปมติกทช.สั่งเลิกเก็บค่าเชื่อมสัญญาณโทรฯ 107บ.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เตรียมออกคำสั่ง ทุกบริษัทต้องเลิกเก็บค่าต่อสัญญาณ เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภค เหตุฝ่าฝืนมาตรา 57

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 12 มี.ค. ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) มีมติในเรื่องการเรียกเก็บค่าต่อคู่สายโทรศัพท์ 107 บาท หลังจากที่เรื่องนี้ยืดเยื้อมาระยะหนึ่ง โดยให้ทุกบริษัทงดเว้นการเรียกเก็บค่าต่อคู่สายโทรศัพท์ในกรณีที่ผู้ใช้บริการผิดนัดหรือค้างชำระค่าบริการเป็นเวลา 2 เดือน โดยจะมีการออกเป็นคำสั่งทางปกครองแจ้งไปยังทุกบริษัทต่อไป

ทั้งนี้ มติดังกล่าวจะมีผลให้ผู้ใช้บริการหรือผู้บริโภคซึ่งถูกตัดบริการโทรออกเพราะชำระค่าบริการล่าช้าและเมื่อนำเงินไปชำระต้องถูกเรียกเก็บค่าต่อคู่สายโทรศัพท์ใหม่เป็นจำนวน 107 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือในบางรายเรียกเก็บ 214 บาท ต่อไปนี้ไม่สามารถจะทำเช่นนั้นได้อีก ไม่ว่าจะเป็นกรณีของโทรศัพท์บ้านหรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ตาม กล่าวคือ มติดังกล่าวจะใช้บังคับทั้งกับ บมจ. ทีโอที บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส บจก. ฮัทซิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมิเดีย บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น บมจ. ทรูมูฟ บมจ. ทีทีแอนด์ที บจก. เอเชีย ไวร์เลส คอมมิวนิเคชั่น

รายงานระบุว่า มติดังกล่าวเป็นไปเพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคในการที่จะได้รับการพิทักษ์สิทธิอย่างเสมอภาคกัน ขณะเดียวกันก็เป็นการให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ให้บริการบนพื้นฐานการแข่งขันโดยเสรี เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อเดือนธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา กทช. เคยมีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนที่เสนอโดยสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม และมีมติห้ามดีแทค เรียกเก็บค่าต่อคู่สายโทรศัพท์จากผู้บริโภคที่นำเงินมาชำระล่าช้าดังกล่าวไว้แล้ว เนื่องจากเห็นว่า การเรียกเก็บค่าต่อคู่สายโทรศัพท์เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 57 แห่ง พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เนื่องจากบริษัท ฯ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าอัตราที่เรียกเก็บดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย ณ วันที่ประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคมฯ มีผลบังคับใช้ รวมทั้งไม่อาจอ้างข้อสัญญาในการเรียกเก็บค่าบริการต่อคู่สายโทรศัพท์ และบทเฉพาะกาลของประกาศ กทช. ดังกล่าวได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook