ทักษิณ เผยถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว! โวถ้ากลับมาชนะเลือกตั้งแน่
แม้ว มาตามนัด จ้อผู้สื่อข่าว ตปท.ที่ฮ่องกง เชื่อมสัญญาณมาไทย ระบุอยู่ดูไบ เผยถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว 3 ฉบับ พร้อมที่จะกลืนเลือดอดทนรอ แต่ไม่วายปากดี บอกกลับมาตอนนี้ชนะเลือกตั้งแน่ "ดีสเตชั่น" เอาเทปมาออนแอร์ซ้ำ "กษิต"ซัดดีแต่ด่าทอ ทำลายประเทศ
"แม้ว" จ้อสื่อต่างประเทศเชื่อมสัญญาณมาไทย
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "วิกฤตเศรษฐกิจโลก : ทำไมจึงไม่ใช่เป็นเพียงแค่วิกฤตการเงิน แต่เป็นวิกฤตทางปัญญา" ผ่านระบบวีดีโอลิงค์ จากเมืองดูไบ ประเทศสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มายังสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ในฮ่องกง เมื่อวันที่ 12 มีนาคม เวลา 12.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ในเวลาเดียวกันมีการถ่ายทอดภาพและเสียงมายังสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทย ที่อาคารมณียา ด้วย นอกจากนี้ยังมีการแจกเอกสารปาฐกถาของพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย โดยท้ายคำแปลภาษาไทย มีข้อความว่า ดร.ทักษิณ ชินวัตร ประธานมูลนิธิสร้างอนาคตที่ดีกว่า (The Building a Better Future Foundation) และอดีตนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีการเคลื่อนไหวในไทย ด้วยการเตรียมซื้อหน้าโฆษณาในหนังสือพิมพ์ ข้อความ "เชิญชมปาฐกถา วิกฤตเศรษฐกิจโลก ทำไมจึงไม่ใช่เป็นเพียงแค่วิกฤตการเงิน แต่เป็น วิกฤตทางปัญญา" ที่จะออกอากาศทางสถานีประชาธิปไตย ในวันที่ 15-16 มิถุนายน 2552
ในการกล่าวปาฐกถาพิเศษ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุ ว่า วิกฤตรอบการเงินรอบใหม่นี้ ยังแต่เป็นวิกฤตทางปัญญาของโลก ( Intellectual Crisis ) เพราะต่างจนปัญญาที่จะแก้ปัญหา ที่สำคัญสหรัฐต้องคิดแก้ปัญหาจากภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ไม่ใช่การค้าตราสารทางการเงินเหมือนที่ผ่านมา รวมทั้ง เรียกร้องให้จีนมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาในขณะนี้ แต่จีนไม่กล้า เพราะเหตุผลทางการเมืองที่ไม่ต้องการแสดงให้เห็นว่า จีนอยากแข่งขัน และเป็นผู้นำของโลกแทนสหรัฐ
อาศัยอยู่"ดูไบ"-แจงเหตุไม่มาฮ่องกง
จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เปิดโอกาสให้ซักถาม โดยผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุที่ไม่เดินทางมาฮ่องกง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ได้ยินว่ารัฐบาลไทยกังวลใจ จึงส่งเจ้าหน้าที่มาฮ่องกงและยื่นหนังสือผ่านช่องทางทางการทูตไปที่จีนและฮ่องกง แต่เนื่องจากไม่มีความตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน รวมทั้ง ข้อกล่าวหาที่มีต่อตนล้วนแต่มีแรงจูงใจทางการเมือง จึงไม่เข้าข่ายสนธิสัญญาดังกล่าว
"ปกติแล้วผมไม่ได้พูดจากับรัฐบาลจีนหรือฮ่องกงโดยตรง แต่ผมมีความรู้สึกว่า พวกเขาอาจไม่ค่อยสบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงไม่ไปฮ่องกง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ" พ.ต.ท.ทักษณ ระบุและว่า ตนยังสามารถเดินทางไปฮ่องกงเมื่อไหร่ก็ได้แบบเงียบๆ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลไทยคงตื่นตระหนกอีก ส่วนการเดินทางกลับประเทศไทยขึ้นกับเงื่อนไข อย่างน้อยตนต้องอยู่ที่ไทยได้อย่างปลอดภัยและมีอิสระ
"เวลานี้ผมอยู่ที่ดูไบ ประเทศที่สร้างทะเลทรายให้เป็นเมืองใหญ่ เปลี่ยนน้ำทะเลให้เป็นน้ำสะอาด ต้นไม้เขียวชอุ่มมากกว่าประเทศที่ฝนตก เป็นเมืองที่สวยมากแม้จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ" พ.ต.ท.ทักษิณระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากไทย ประเทศไหนที่พ.ต.ท.ทักษิณ คิดว่าเป็นบ้าน พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า โลกทั้งโลกคือบ้านของผม ผมอยู่ประเทศไหนก็ได้เว้นแต่ประเทศบ้านเกิด
คุยแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากยังบริหารประเทศไทยอยู่จะทำอะไรที่แตกต่างเพื่อนำไทยฝ่าเศรษฐกิจขาลงในขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ประเทศไทยต้องทำในสิ่งที่แตกต่าง เราต้องนั่งลงและหารือกับผู้นำเอเชียอื่น ๆ เพื่อหาวิสัยทัศน์สำหรับเอเชีย และไทยต้องหาว่าจะยืนอยู่ตรงไหนในการเติบโตของเอเชียในอนาคต ต้องนำเงินและทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดไปสร้างให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่มีคุณภาพ ซึ่งมีความสำคัญมาก การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยสร้างความเติบโต ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ที่ต้องทำทันที
"การใช้เงินเพื่อกระตุ้นการบริโภคเพียงอย่างเดียวไม่ใช่คำตอบ การรีไซเคิลนโยบายของพรรคไทยรักไทยทั้งหมดไม่อาจแก้ไขปัญหาในขณะนี้ได้ ถ้าเป็นผม ผมจะทำต่างไปจากนี้" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
เหน็บ!!ขอบคุณปฏิวัติทำให้ไม่เจ๊งหุ้น
เมื่อถามว่าได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจอย่างไรเพราะมีข่าวลือว่าเงินกำลังจะหมดเพราะถูกอายัดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า คนที่โชคร้ายอาจมีสิ่งดีๆ อยู่ ผมไม่รู้ว่าควรประณามหรือขอบคุณคณะปฏิวัติที่อายัดทรัพย์ผมในเมืองไทย ไม่อย่างนั้นอาจจะลงทุนในตลาดหุ้นมากมายและสูญเงินไปแล้ว แต่ผมก็ยังอยากได้เงินของผมกลับ เพราะเป็นของครอบครัว นั่นเป็นเรื่องบวก เรื่องลบคือผมไม่มีเงินมากพอที่จะไปลงทุนภาคธุรกิจแท้จริง เพราะกำลังคิดถึงการกลับไปทำธุรกิจโทรคมนาคม ธุรกิจมือถือ ที่ผมที่เชี่ยวชาญ และทำได้ดี อายุขนาดผม ไม่มีเวลาที่จะเสี่ยงในธุรกิจที่ไม่เชี่ยวชาญ แต่ผมไม่มีเงินนอกประเทศไทย ที่มีก็แค่พอใช้ในชีวิตประจำวันตามมาตรฐานของผม ไม่ใช่แบบคนจน
อ้างสิงคโปร์ลงทุนชินคอร์ปได้ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าการที่ลงทุนในชินคอร์ปเป็นความผิดพลาดหรือไม่ และได้ติดต่อกับฝ่ายบริหารหรือเจ้าหน้าที่ของสิงคโปร์บ้างหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่ ไม่มีใครต้องการพูดกับตน เขาหวาดกลัวพวกเผด็จการในไทย แต่จนถึงขณะนี้ การซื้อชินคอร์ป คือการลงทุนที่ดีที่สุดของเทมาเส็ก เพราะได้ผลตอบแทนสูง แต่ผมไม่รู้รายละเอียดอื่นๆ เพราะไม่ได้ติดต่อกับเขา
ปฏิเสธตอบขออภัยโทษ-ยันจะสู้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งใจจะกลับไทยเพื่อรับโทษและขออภัยโทษหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวยืนยันว่า การประมูลซื้อที่ดินรัชดา ทำอย่างเปิดเผย ถูกกฎหมาย แต่บังเอิญว่าตนเป็นนายกรัฐมนตรี และภริยาตนเป็นผู้ซื้อ ศาลจึงสั่งจำคุกตน 3 ปี ซึ่งไม่เป็นเหตุเป็นผล
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังอ้างว่า ศาลลงมติด้วยคะแนน 5 ต่อ 4 ทั้งที่วันตัดสินมีผู้พิพากษาเข้าร่วมประชุม และมีมติ 4 ต่อ 4 แต่อีก 1 เสียงที่ตัดสินว่าตนผิด ไม่ได้เข้าร่วมประชุมในวันนั้น และยืนยันว่าพร้อมจะสู้เพื่อความยุติธรรม ไม่ว่าในนรกหรือสวรรค์ ก็จะสู้ เพราะผมเป็นนักสู้และผมจะไม่ยอมแพ้
"ผมต้องการเห็นประเทศของผมกลับสู่สภาวะปกติ ไม่แตกแยกเช่นนี้ แต่การตบมือ ต้องการมือทั้งสองมือรวมกัน ไม่ใช่แค่มือเดียว ดังนั้นทั้งสองฝ่ายต้องตกลงกัน และผมอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายฝังอดีต ให้อภัย และกลับมาร่วมมือกัน การเผชิญหน้าทำให้ต่างต่อสู้จนคุณอ่อนแอ" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังตอบคำถามเกี่ยวกับกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในไทย ว่า กฎหมายดังกล่าวใช้มา 50 ปีแล้ว แต่ไม่มีช่วงไหนซีเรียสเท่าตอนนี้ เพราะคำว่า จงรักภักดี ถูกใช้เป็นคีย์เวิร์ดที่ทำให้ล้มรัฐบาลได้ โดยเฉพาะรัฐบาลตน แม้จะเป็นคำกล่าวหาที่ไม่จริง และปัญหาไม่ได้อยู่ที่กฎหมาย แต่อยู่ที่พวกที่พยายามบอกว่าพวกตนจงรักภักดี
เผยถวายฎีกาขออภัยโทษ3ฉบับ
วันเดียวกัน หนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษ เจแปน ไทม์สของญี่ปุ่น รายงานว่าพ.ต.ท.ทักษิณได้ให้สัมภาษณ์กับเจแปน ไทม์ โดยกล่าวว่าเขาได้ขอพระราชทานอภัยโทษในความผิดจากข้อกล่าวหาคอร์รัปชั่นจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้วและต้องการที่จะกลับเข้าสู่การเมืองอีกครั้ง
"ผมได้ส่งจดหมายถวายฎีกาถึงพระองค์แล้ว 3 ฉบับ เพราะผมเชื่อในพระมหากรุณาธิคุณและพระราชวินิจฉัยในพระองค์ หากได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว ผมรู้ว่ากลุ่มผู้สนับสนุนผมจะต้องดีใจและจะไม่ต้องต่อสู้รวมทั้งไม่ต้องมีการพิสูจน์สิ่งใดอีก ขึ้นอยู่กับพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า "รู้ดีว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งกว่าจะได้รับทราบผล แต่ยืนยันได้ว่าตนเต็มใจที่จะรอตราบเท่าที่การพระราชทานอภัยโทษสามารถลบข้อครหาต่อตัวเองได้ ที่เมืองไทยเราพูดกันว่า บางทีเราก็จำเป็นต้องกัดลิ้นตัวเองแล้วก็ยอมกลืนเลือดลงคอไปเงียบๆ ผมอดทนพอ ผมรอได้"
โอ่กลับเมืองไทยชนะเลือกตั้งแน่
พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่าเป็นผู้บริสุทธิ์และกล่าวว่า "ผมไม่สามารถปกป้องตนเองได้ และไม่ได้รับความยุติธรรม เนื่องจากตอนนี้ผมถูกพิพากษาแล้วว่ามีความผิด และศัตรูทางการเมืองของผมก็ให้การสนับสนุนคณะกรรมการที่ทำการตรวจสอบผม" พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุ และว่า ประเทศไทยตอนนี้ไม่มีกฏหมายที่อยู่ในกรอบของประชาธิปไตยที่เหมาะสม
พ.ต.ท.ทักษิณปฏิเสธข้อหาที่ว่าไม่จงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยยืนยันว่าเขาจงรักภักดีและให้ความเคารพพระองค์
"พวกเขา (ศัตรูทางการเมือง) บอกว่าผมต้องการที่จะเป็นประธานาธิบดี และเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งนี่มันเป็นเรื่องผิด ผมไม่เคยมีความปรารถนาแบบนั้น ฝ่ายตรงข้ามของผมยึดอำนาจไปได้ด้วยการกล่าวหาว่าผมไม่จงรักภักดี"
นอกจากนี้พ.ต.ท.ทักษิณยังระบุว่า เขายังคงต้องการที่จะกลับมาเล่นการเมืองในประเทศไทยอีกครั้ง โดยกล่าวว่า ผมต้องกลับไป ผมยังคงติดค้างอยู่กับกลุ่มผู้สนับสนุนผมและกำลังใจจากพวกเขา หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นวันนี้ ผมชนะแน่นอน
ดีสเตชั่นออนแอร์เทป"แม้ว"
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมดี สตั่น ได้ส่งทีมงานไปยังเกาะฮ่องกงเพื่อไปทำสกู๊ปพิเศษการปกฐกถาของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยจะเสนอเป็นรายงานพิเศษ ออกอากาศในวันที่ 16 มีนาคม โดยจะไม่มีการถ่ายทอดสด ขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดสรรเวลาของสถานีเพื่อให้รายงนพิเศษนี้ไปถึงประชาชนทุกคน และอาจจะนำรายงานพิเศษนี้มารีรันออกอากาศหลายรอบ
"กษิต"จวก "แม้ว"ทำลายปท.
นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ที่หนีศาล และพรรคถูกยุบไปแล้ว 5 ปีซึ่งจะต้องไม่มีกิจกรรมทางการเมือง ต้องถามตัวเองว่าสิ่งที่ได้ทำเป็นการบ่อนทำลายประเทศไทยอยู่หรือไม่ แล้วก็มัวแต่พูดอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ตัวเองกลับเป็นนักโทษหนีคุก จะทำอย่างไร
"จากคนที่เคยเป็นผู้นำประเทศ เคยเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นนักเรียนทุน เป็นนายตำรวจ แล้วทำอะไรที่ละเมิดกฎหมาย สิ่งที่ดีที่ควรกลับ แต่ไม่ทำ เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องตอบตัวเองมากกว่าที่จะมาถามพวกเรา ถ้าผมเป็นคุณทักษิณ จะไม่ทำ ไม่มาด่าทอ บ่อนทำลายประเทศไทย เป็นคนขี้แพ้ชวนตี เป็นเด็กขี้แย เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียวไม่ทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่" นายกษิตกล่าว
ปชป.ยันไม่สกัด"ใจ"ที่อ๊อกฟอร์ด
นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่ามหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด ประเทศอังกฤษ คัดค้านการไปปาฐกถาของนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า มีอาจารย์ของมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด ที่น่าจะเป็นเครือข่ายของนายใจ อึ๊งภากรณ์ แกนนำกลุ่มแดงสยาม มาออกแถลงการณ์ต่อต้านนายอภิสิทธิ์ในนามส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย และอย่านำไปโยงว่าเป็นมติมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด และถ้านายใจ มาฟังด้วยก็ดี นายอภิสิทธิ์จะได้ตอบข้อเท็จจริง อธิบายให้ฟังว่าประชาธิปไตยคืออะไร จะได้เข้าใจว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้มาจากเผด็จการ และการปาฐกถาครั้งนี้ จะให้เกียรติทุกทุกคนได้เข้าฟัง ไม่มีการขอให้ทางการของอังกฤษกันตัวนายใจ และพวกออกไปจากบริเวณงานเด็ดขาด
ตร.ชลบุรีหวั่นคนนอกป่วน
ที่รัฐสภา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการที่กลุ่มเสื้อแดงชลบุรีเตรียมป่วนการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีในวันที่ 21 มีนาคมว่า คงไม่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ส่วนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีไม่อยู่ในพื้นที่ในช่วงนั้น ก็ไม่เป็นไรเพราะมีเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลอยู่แล้ว
พล.ต.ต.บัณฑิต คุณจักร์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี กล่าวว่า ตำรวจประชุมเตรียมความพร้อมและหาข่าวเชิงลึกมาตลอด รู้ว่าแต่ละฝ่ายเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง ตนไม่ค่อยห่วงประชาชนในพื้นที่ จ.ชลบุรี แต่เกรงว่าจะเป็นคนนอกพื้นที่มาก่อกวนมากกว่า และได้ประสานงานไปยังทหารขอกำลังป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น
นายประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นโยบายรัฐบาลไม่ให้ข้าราชการเดินทางไปต่างประเทศ แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีกลับไปประเทศเยอรมนี ตามโครงการขององค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ประกอบกับนายกฯ จะเดินทางมาชลบุรี ยังไม่มีการประชุมเตรียมความพร้อม ไม่กระตือรือล้นที่จะวางแผนป้องกันความรุนแรง
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า แม้ว่าผู้ว่าฯชลบุรีจะไม่อยู่ในพื้นที่ แต่ก็มีรองผู้ว่าฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่แทนถึง 3 คน และเชื่อว่าทางจังหวัดจะเตรียมการต้อนรับ และดูแลนายกฯอย่างดีอยู่แล้ว แต่หากส.ส.ในพื้นที่เห็นว่ามีความจำเป็นจริงๆ ก็โทร.เรียกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไปดูแลนายกฯก็ได้
มือปาไข่ใส่"ชวน"ที่ลำปางมอบตัว
วันเดียวกัน แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ลำปาง 51 นำโดยนายสหรัษ นนทมาลย์ เลขานุการฯ และพ.ต.ท.ดีชัย พาณิชย์ นายตำรวจนอกราชการ พานายอินจัน ตากูล อายุ 45 ปี นายสมศักดิ์ ณ ลำปาง อายุ 46 ปี และนายปริญญา สมิทธ์สกุล อายุ 50 ปี เข้ามอบตัวที่ สภ.เมืองลำปาง เนื่องจากถูกกล่าวหามีส่วนร่วมก่อเหตุและปาไข่ใส่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ขณะช่วยหาเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา มีพล.ต.ต.อรรถกิจ กรณ์ทอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง พ.ต.อ.นันทวิทย์ เทียมบุญธง ผกก.สภ.เมืองลำปาง ร่วมรับมอบตัวและสอบสวนก่อนปล่อยตัวชั่วคราว
ด้านพ.ต.อ.นันทวิทย์ กล่าวว่า ในวันที่ 13 มีนาคม จะให้โอกาสบุคคลที่ปรากฎในภาพอีก 10 คน เข้ามอบตัว หากไม่มาจะออกหมายเรียกต่อไป เบื้องต้นแจ้งข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางมาเมอบนโยบายรัฐบาลให้แก่หน่วยงานภาครัฐและร่วมหารือกับภาคเอกชน ที่โรงเรมแชงการีล่า อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจกว่า 100 นาย คอยคุ้มกัน แม้ไม่มีกลุ่มเสื้อแดงตามก่อกวนก็ตาม
ออกหมายจับ 20 พันธมิตร
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. กล่าวถึงกรณีศาลอาญา อนุมัติหมายจับ เลขที่ 3476-3496/2551 ให้จับกุมชายไทยไม่ทราบชื่อจำนวน 20 คน ในข้อหา มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยผู้ร่วมกระทำผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ โดยผู้ต้องหาตามหมายจับ ที่ 3496/2551 เป็นชายที่ใช้อาวุธปืนสั้นยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่บริเวณปากซอยทางเข้าสถานีวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่ วิภาวดีซอย 3 ศาลอาญา ได้เพิ่มข้อหา ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 ว่า หมายจับออกไปนานแล้ว ขณะนี้เป็นการเผยแพร่หมายจับเพื่อติดตามจับกุมตามหมาย และยังไม่มีการติดต่อขอเข้ามอบตัว
พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วยผบ.ตร.) ในฐานะโฆษก ตร. กล่าวว่ายังไม่เห็นรายละเอียดหนังสือที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน 12 คนในคดีของพันธมิตรฯ และนายกฯก็ยังไม่ได้สั่งการอะไร แต่ถือเป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาที่จะขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนหากเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม