ก่อการร้ายลอนดอน 2017 ยังไม่จบปีเกิดเหตุแล้ว 4 ครั้ง (สกู๊ปพิเศษ)
เหตุก่อการร้ายจากการโจมตีของกลุ่มไอเอส ได้สร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สินให้กับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในแถบยุโรปที่เป็นเป้าหมายสำคัญ ซึ่งกรุงลอนดอนของประเทศอังกฤษ เป็นเมืองที่ถูกโจมตีถึง 4 ครั้งแล้วในรอบปีนี้ (ไม่นับเหตุระเบิดในคอนเสิร์ตที่เกิดในเมืองแมนเชสเตอร์) ซึ่งทุกครั้งที่มีเหตุร้ายก็จะสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน และเพิ่มความเกลียดชังซึ่งกันและกันมากขึ้น นั่นทำให้กลุ่มก่อการร้ายอาศัยสิ่งนี้บิดเบือนคำสอน ฝังความคิดที่ผิด ๆ ลงไปให้กับสาวกให้ออกปฏิบัติการเข่นฆ่าผู้คน และนี่คือ 4 เหตุการณ์ก่อการร้ายในปีนี้ของกรุงลอนดอน ที่เป็นฝันร้ายที่ยากจะลืมเลือน
22 มีนาคม 2017
คนร้ายขับรถพุ่งชนคนบนสะพานเวสต์มินสเตอร์ ก่อนเข้าไปแทงตำรวจดับในรัฐสภา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 14.40 น. (21.40 น. ตามเวลาในประเทศไทย) ผู้ก่อเหตุทราบชื่อว่า นายคาลิด มาซูด วัย 52 ปี ได้ขับรถพุ่งชนผู้คนที่เดินอยู่บนสะพานเวสต์มินสเตอร์ จากนั้นคนร้ายได้ขับรถมุ่งหน้าไปทางอาคารรัฐสภา และชนเข้ากับรั้ว ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปใช้มีดจ้วงแทงเจ้าหน้าที่ตำรวจจนเสียชีวิต ส่วนผู้ก่อเหตุถูกเจ้าหน้าที่ยิงได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเช่นกัน
ทางการเปิดเผยว่าเหตุโจมตีนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บ 40 ราย นอกจากนี้ ตำรวจนครบาลกรุงลอนดอน ยังแถลงด้วยว่า คนร้ายที่ก่อเหตุ เกิดในอังกฤษและไม่เคยมีชื่ออยู่ในบัญชีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายมาก่อน ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ถูกแทงเสียชีวิต คือ พลตำรวจคีธ พาล์มเมอร์ ซึ่งเลิกงานและกำลังจะกลับบ้านพอดี แต่ด้วยหน้าที่จึงใช้ความกล้าหาญเข้าขัดขวางคนร้ายจนเสียชีวิต
ด้าน นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ประณามเหตุการณ์นี้ว่าเป็นเรื่องเสื่อมทรามและน่ารังเกียจ อังกฤษจะไม่มีวันยอมแพ้และปล่อยให้เสียงของความเกลียดชังและความชั่วร้ายทำให้ประเทศชาติแตกแยก
3 มิถุนายน 2017
รถตู้พุ่งชนคน ก่อนลงมาจ้วงแทงเหยื่อที่ลอนดอนบริดจ์ และโบโรห์มาร์เก็ต
เมื่อเวลา 22.30 น. (05.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย) กลุ่มคนร้ายได้ขับรถตู้สีขาวความเร็ว 50 ไมล์ต่อชั่วโมง (หรือ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) พุ่งเข้าชนคนที่เดินเท้าบนสะพานลอนดอนบริดจ์ จากนั้นคนร้ายได้ขับรถไปถึงย่านโบโรห์มาร์เก็ตที่มีบาร์และร้านอาหารจำนวนมาก แล้วลงจากรถไล่แทงผู้คน ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 48 คน เสียชีวิตทั้งหมด 10 คน ในจำนวนนี้เป็นประชาชน 7 คน และเป็นผู้ก่อการร้ายซึ่งถูกตำรวจยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 3 คน โดยหนึ่งในคนร้ายได้สวมเสื้อกั๊กที่มีระเบิดปลอมอยู่ด้วย
ด้าน กลุ่มไอเอส หรือรัฐอิสลาม ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบอ้างตัวว่าอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุโจมตี ตรงกับที่ได้ส่งข้อความผ่านทางเทเลแกรมมาก่อนหน้านั้นว่า ให้สาวกปฏิบัติการโจมตีด้วยรถบรรทุก มีด ปืน กับผู้ที่ศรัทธาในศาสนาคริสต์ในช่วงเดือนรอมฎอน และให้มุ่งเป้าไปที่สถานที่พลุกพล่าน เช่น ตลาด ถนนสายสำคัญ เป็นต้น
หลังเกิดเหตุการณ์ ตำรวจได้รวบตัวผู้ต้องสงสัยได้ทั้งหมด 12 คน ในจำนวนนี้ 11 คนมาจากที่อยู่เดียวกันในเขตบาร์กิ้งทางตะวันออกของกรุงลอนดอน ซึ่งทั้งหมดถูกทางการควบคุมตัวภายใต้ พ.ร.บ.ก่อการร้าย
ส่วน นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระบุเหตุก่อการร้ายทั้งในครั้งนี้และครั้งก่อน ๆ ล้วนมีความเชื่อมโยงกันจากแนวคิดสุดโต่งด้านศาสนา เป็นการบิดเบือนคำสอนของศาสนาอิสลาม ขอให้ประชาชนรวมกันเป็นหนึ่งเดียวและช่วยป้องกันไม่ให้แนวคิดสุดโต่งมีที่ยืน เพื่อเคารพค่านิยมความหลากหลายในสังคมของสหราชอาณาจักร
19 มิถุนายน 2017
รถตู้พุ่งชนคนใกล้มัสยิดในกรุงลอนดอน เพราะกระแสเกลียดชังชาวมุสลิม
น้ำตายังไม่ทันจางหาย กรุงลอนดอนก็พบกับเหตุก่อการร้ายอีกครั้ง เมื่อคนร้ายบุกเดี่ยว ขับรถตู้สีขาวพุ่งชนคนใกล้กับมัสยิดฟินสเบอรี พาร์ก บนถนนเซเว่น ซิสเตอร์ส ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 10 คน ผู้เห็นเหตุการณ์เผยว่า ผู้ต้องสงสัยลงจากรถแล้วร้องตะโกนว่า "พวกมุสลิมไปอยู่ไหน? ฉันอยากจะฆ่าพวกมันให้หมด" สำนักงานตำรวจนครบาลกรุงลอนดอนเปิดเผยว่า คนร้ายเลือกก่อเหตุในช่วงที่มีผู้สัญจรพลุกพล่านซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมที่มาร่วมศาสนกิจในคืนวันศุกร์และถือศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอน พร้อมระบุว่าเป็นความพยายามในการแก้แค้นชาวมุสลิม หลังเกิดเหตุก่อการร้ายบนสะพานลอนดอนบริดจ์ รวมทั้งระเบิดในเมืองแมนเชสเตอร์
ด้าน สภามุสลิมแห่งอังกฤษ เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลและหวาดกลัวให้กับชาวลอนดอน โดยเฉพาะชาวมุสลิม และประณามว่าโศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นจากกระแสความเกลียดกลัวอิสลามที่เพิ่มขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ และเรียกร้องให้มีการรักษาความปลอดภัยบริเวณมัสยิดและชุมชนมุสลิมอย่างเข้มงวด
15 กันยายน 2107
คนร้ายซุกระเบิด บึ้มรถไฟใต้ดินกลางกรุงลอนดอน
และเหตุล่าสุดที่เกิดขึ้นวานนี้ (15 ก.ย.) นั่นคือ เมื่อเวลา 08.20 น. (15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) คนร้ายได้อาศัยช่วงเวลาเร่งด่วนที่ผู้คนกำลังเดินทางไปทำงาน ซุกซ่อนระเบิดแสวงเครื่องในถุงพลาสติกบรรจุถังสีขาว แล้วจุดระเบิดด้วยการตั้งเวลา ทำให้ผู้โดยสารรถไฟใต้ดินที่ สถานีพาร์สันส์ กรีน (Parsons Green) ได้รับบาดเจ็บจำนวน 29 ราย ส่วนใหญ่มีบาดแผลไฟไหม้ แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งกลุ่มไอเอสเจ้าเดิมได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบว่าอยู่เบื้องหลังเหตุร้ายนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีของอังกฤษได้โต้ตอบว่า "เป็นการกระทำของคนขี้ขลาด"
ด้านรัฐบาลอังกฤษยกระดับเตือนภัยก่อการร้ายเป็น "วิกฤติ" หลังจากมีการประเมินแล้วว่าอาจมีการโจมตีครั้งต่อไปตามมา โดยทางการได้ระดมกำลังทหารเข้าประจำการในกรุงลอนดอน เพื่อช่วยตรวจตราและป้องกันการโจมตีที่อาจจะเกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะตามจุดขนส่งสำคัญต่าง ๆ เพื่อป้องกันเหตุร้ายซ้ำรอย