อภิสิทธิ์หารือนายกฯอังกฤษเห็นร่วมแก้ศก.

อภิสิทธิ์หารือนายกฯอังกฤษเห็นร่วมแก้ศก.

อภิสิทธิ์หารือนายกฯอังกฤษเห็นร่วมแก้ศก.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถึงลอนดอนหารือแบบทวีภาคีกับ กอร์ดอน บราวน์ นายกฯอังกฤษ เห็นร่วมเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เห็นความสำคัญของอาเซียนร่วมแก้ศก.โลก ถูกThe Timesดิสเครดิตก่อนกล่าวสุนทรพจน์ที่ Oxford

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเดินทางเยือนประเทศอังกฤษอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 13-15 มี.ค.ว่า จะพบและหารือกับ นายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งเน้นให้ความความสำคัญเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก เพราะอังกฤษกำลังจะมีการจัดประชุม จี 20 ที่จะเป็นเวทีหารือเกี่ยวกับวิกฤติเศรษฐกิจ และรับฟังความห็นของภูมิภาคต่างๆ ดังนั้น ในฐานะประธานอาเซียน จะบอกเล่าความต้องการและชี้แจงที่ประชุม จี 20 ว่า ต้องคำนึงถึงผลกระทบของประเทศในภูมิภาคอาเซียน ที่ไม่ได้มีปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

"หากการดำเนินนโยบายของประเทศอุตสาหกรรมทั้งหลาย ไม่คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมา สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือปัญหาเศรษฐกิจในระลอกที่ 2 ที่ 3 ซึ่งจะส่งผลย้อนกลับไปยังประเทศอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วย ซึ่งในแง่ของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก หากไม่ฟังเสียงของประเทศในภูมิภาคอาเซียนก็จะเป็นการฟื้นตัวที่ขาดความสมดุล "นายอภิสิทธิ์ ระบุ

นายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า เป็นโอกาสดีที่จะได้ไปถ่ายทอดความห่วงใย ที่สำคัญต้องคำนึงด้วยว่าเศรษฐกิจของไทยที่ติดลบอยู่ในขณะนี้ ก็มีผลมาจากภาคการต่างประเทศทั้งสิ้น ทั้งการส่งออกและการท่องเที่ยว จึงเป็นโอกาสดีที่จะหาทางกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะนอกจากจะพบกับนายกรัฐมนตรีของอังกฤษแล้วยังได้พบกับนักลงทุน ส่วนประเด็นอื่นๆ คงเป็นการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร โดยการค้าในปีที่แล้วก็ยังขยายตัวอยู่ ทั้งนี้ ในส่วนของการขอรับการส่งเสริมการลงทุนนักลงทุนประเทศอังกฤษก็ได้มีการขอเข้ามาเป็นลำดับที่ 1

เมื่อถามว่า อะไรที่จะเป็นแรงจูงใจให้อังกฤษสนใจลงทุนในไทย ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาอังกฤษให้ความสำคัญกับไทยมาตลอด แต่หยุดชะงักไปช่วงมีรัฐประหารและสถานการณ์การเมืองไทยในประเทศ ดังนั้น การพบกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษในครั้งนี้ จะเป็นการให้ความมั่นใจถึงการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของไทย ซึ่งน่าจะทำให้ภาครัฐและภาคธุรกิจของประเทศอังกฤษมีความมั่นใจเพียงพอที่จะหันมาให้ความสำคัญในเรื่องการขยายการค้า การลงทุน จึงเป็นโอกาสที่จะได้ไปเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น หลังจากที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมีรัฐบาลเมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้ทุกอย่างกลับมาเดินหน้าอีกครั้ง ขณะเดียวกันในฐานะที่เป็นประธานอาเซียน จะชี้แจงว่าอาเซียนถือเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพสูงมากรวมทั้งภูมิภาคเอเชียโดยรวม ก็จะเป็นจุดหนึ่งที่จะดึงให้เกิดความสนใจในการเข้ามาลงทุน

"โดยพื้นฐานความต้องการที่จะเข้ามาลงทุนหรือมีความสัมพันธ์ในด้านต่างๆ ทั้งการศึกษาวัฒนธรรมก็มีพื้นฐานอยู่แล้ว ความใกล้ชิดมีอยู่แล้ว เพียงแต่ในช่วงที่สถานการณ์การเมืองมีปัญหาอาจมีข้อจำกัดบ้าง มีข้อวิตกกังวลบ้าง" นายกรัฐมนตรี กล่าว

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังบอกด้วยว่า จะใช้โอกาสนี้ในการดึงนักลงทุนอังกฤษขายการลงทุนประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ และปีนี้เป็นปีแห่งการลงทุนถือเป็นนโยบายใหม่ที่จะไปชี้แจงกับต่างชาติได้เพื่อชักชวนให้เข้ามาลงทุน และมีโอกาสเข้าเฝ้า มีการเข้าเฝ้า ดยุค ออฟ ยอร์ค ซึ่งป็นผู้แทนพิเศษด้านการค้าการลงทุน และดยุค ออฟ ยอร์ค จะพระราชทานเลี้ยงอาหารกลางวัน รวมทั้งจะพบปะกับนักธุรกิจที่มีการลงทุนในไทย ด้วยในส่วนของนักธุรกิจไทย ขณะนี้ก็มีปัญหาเรื่องการส่งออกไปยังสหภาพยุโรป และการดำเนินการของธุรกิจไทยที่อยู่อังกฤษ ซึ่งอาจต้องการการอำนวยความสะดวกในบางเรื่อง

นายอภิสิทธิ์ ยังมั่นใจว่า การเดินทางไปครั้งนี้ จะสามารถทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ในแง่ของการขยายการค้า การลงทุน โดยดูจากการเดินทางไปญี่ปุ่นก่อนหน้านี้ ซึ่งก็ได้รับการตอบสนองที่ดี หลังจากนั้นก็มีคณะนักธุรกิจนักลงทุนจากญี่ปุ่นเริ่มมีข่าวที่จะเข้ามาลงทุนในไทย

เมื่อถามว่า การเดินทางไปครั้งนี้จะพบกับสื่อมวลชนต่างประเทศหลายสำนัก จะชี้แจงเกี่ยวกับอะไร นายกฯ กล่าวว่า ที่อังกฤษก็มีสื่อที่เผยแพร่ไปทั่วโลกอย่างบีบีซี และไฟแนลเชียล ไทม์ ที่ติดต่อขอสัมภาษณ์ เป็นโอกาสดีที่จะแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของงานรัฐบาล และความเปลี่ยนแปลงของประเทศ ขณะเดียวกันข่าวสารที่มีความสับสนอยู่ในต่างประเทศในเรื่องต่างๆ ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงาน นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังและคณะ ออกเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการครั้งแรก ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินทีจี 910 เมื่อเวลา 00.15 น. ในฐานะแขกของรัฐบาลอังกฤษ ระหว่างวันที่ 13-15 มี.ค. เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรในระดับทวิภาคี พร้อมปาฐกถาพิเศษเรื่องประชาธิปไตย ที่มหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด และเตรียมการประชุมกับกลุ่มจี 20 เรื่องผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและกระชับความสัมพันธ์

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้เดินทางถึงกรุงลอนดอน ที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮีทโธรว์ สหราชอาณาจักร เมื่อเวลา 06.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 7 ชั่วโมง เพื่อแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ โดยมี นายจอห์น แมคโดนัลด์ อดีตเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร ประจำสาธารณรัฐปารากวัย ในฐานะผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร ให้การต้อนรับ จากนั้นนายกรัฐมนตรีเดินทางเข้าที่พัก ที่โรงแรมโกล์ฟ โวเนอร์ เฮ้าส์ และบริษัท เทสโก้ เข้าเยี่ยมคารวะ

 

"อภิสิทธิ์"หารือนายกฯอังกฤษเห็นร่วมแก้ศก.

เวลาต่อมานายอภิสิทธิ์ได้หารือทวิภาคีกับ นายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่ บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง ประมาณ 30 นาที จากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า ได้เห็นพ้องร่วมกันเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การปฏิรูปองค์กรด้านการเงินระหว่างประเทศ และยืนยันจะต่อต้านการปกป้องตลาด รวมทั้งเห็นความสำคัญของอาเซียนในการแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจโลก ซึ่งเชื่อมั่นว่าการประชุม จี-20 จะดึงความเชื่อมั่นของประชากรโลกให้กลับมาและร่วมมือกัน

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษยินดีที่อาเซียนมีเป้าหมายชัดเจน นำไปสู่การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สิทธิมนุษยชน และการรวมตัวในระดับภูมิภาค ภายในปี ค.ศ.2015 รวมทั้งให้ความสนใจร่วมกันที่จะให้มีพัฒนาการทางการเมืองในพม่า และต้องการเห็นการขยายการติดต่อระหว่างกันมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สื่อมวลชนต่างประเทศที่รอทำข่าวหน้าบ้านพัก ได้สอบถามนายกรัฐมนตรีถึงการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับเรื่องหมิ่นสถาบัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า สื่อมวลชนต่างประเทศยังเข้าใจกฎหมายดังกล่าวคลาดเคลื่อน เพราะกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นหลักปฏิบัติสากล และเป็นบทหนึ่งของกฎหมายอาญา ซึ่งมีพื้นฐานจากวัฒนธรรมประเพณีของไทยที่จะปกป้องสถาบัน ปัญหาที่เกิดขึ้นใน 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างบิดเบือน และตีความของกฎหมายกว้างขวางเกินไป จึงหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะดูแลเรื่องนี้

นายอภิสิทธิ์ยังตอบคำถามกรณีทหารไทยผลักดันผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮิงญาว่า เป็นข้อกล่าวหาของสื่อต่างประเทศ ซึ่งขอหลักฐานไปทางสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นหลายครั้ง ก็ไม่ส่งข้อเท็จจริงกลับมา

ต่อจากนี้นายกรัฐมนตรีจะให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบีบีซี ก่อนเดินทางไปร่วมงานพระราชทานเลี้ยงรับรองอาหารกลางวัน จากดยุค แห่งยอร์ก ที่พระราชวังบักกิ้งแฮมป์ จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปกล่าวสุนทรพจน์ต่อกลุ่มนักธุรกิจสหราชอาณาจักร และกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดงาน ไทยแลนด์ ทัวร์ริซึ่ม ลิชซิ่ง สำหรับภารกิจสุดท้ายของนายกรัฐมนตรี วันนี้ จะร่วมรับประทานอาหารค่ำกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหราชอาณาจักร

The Timesดิสเครดิต"อภิสิทธิ์"ก่อนกล่าวสุนทรพจน์Oxfordพรุ่งนี้

อย่างไรก็ตามทันทีที่นายอภิสิทธิ์เดินทางถึงประเทศอังกฤษ หนังสือพิมพ์ The Times ของอังกฤษ ตีพิมพ์บทวิพากษ์ของ นายริชาร์ด ลอยด์ แพร์รีย์บรรณาธิการภาคพื้นเอเชีย ซึ่งเคยเป็นศิษย์ร่วมมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดกับ นายอภิสิทธิ์

นายแพร์รีย์ ระบุว่า ถึงแม้นนายอภิสิทธิ์เป็นนักการเมืองหนุ่มไฟแรงที่มีหน้าตาดี ฉลาดหลักแหลม และเป็นขวัญใจของชนชั้นกลางในกรุงเทพมหานคร รวมทั้งการที่นายอภิสิทธิ์เคยเป็นอดีตนักเรียนเก่าของ Eton College โรงเรียนเอกชนชายล้วนชื่อดังระดับโลกของอังกฤษ ร่วมกับนายบอริส จอห์นสัน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนคนปัจจุบัน วัย 44 ปี ซึ่งถือเป็นเพื่อนสนิทของ นายอภิสิทธิ์ ในสมัยนั้น

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ควรที่จะนำมาเป็นปัจจัยดังกล่าวมาเบี่ยงเบนความสนใจของประชาคมโลกจากความจริงอันน่ารังเกียจของสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ที่ทำให้ประเทศไทยกลายสภาพจากการเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเสรีภาพและมีเสถียรภาพมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลายเป็นประเทศที่มีความวุ่นวายและแตกแยกมากที่สุดในภูมิภาค

นายแพร์รีย์ ยังระบุถึงการผลักดันกลุ่มผู้อพยพชาวโรฮิงยานับพันคนจากพม่าที่หมดหนทาง และสิ้นหวังให้ออกไปพบกับความตายในทะเล การที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยถูกบีบและกดดันให้พ้นจากอำนาจไป

นายแพร์รีย์ยังระบุด้วยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวนายอภิสิทธิ์ไม่เหมาะที่จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ Taking on the Challenges of Democracy ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเป็นประชาธิปไตยในวันพรุ่งนี้ที่ออกซ์ฟอร์ด

นายแพร์รีย์ ระบุด้วยว่า นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ไม่ได้เกิดขึ้นจากเจตจำนงของคนส่วนใหญ่ และได้รับการสนับแบบไม่ชอบธรรมจากกลุ่มที่ต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จนได้ก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในที่สุด ทั้งกองทัพ รวมทั้งพันธมิตรฯ ซึ่งพันธมิตรฯ นี้เอง

นายแพร์รีย์ ยังระบุอีกว่า นายอภิสิทธิ์ มีความชาญฉลาดมีความสามารถ และมีคุณสมบัติที่ดีครบถ้วนทุกประการ ยกเว้นเพียงอย่างเดียว คือ ความถูกต้องชอบธรรมตามหลักประชาธิปไตย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook