อภิสิทธิ์ โชว์สปีชย้ำปชต.ไทยเดินหน้า
นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สปีชที่ ม.อ๊อกฟอร์ด ระบุ ประชาธิปไตยของประเทศไทยจะต้องเดินหน้า
(14 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 17.00 น.ตามเวลาประเทศไทยหรือเวลา 09.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นอังกฤษ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 13-15 มี.ค. ได้ปาฐกถาหัวข้อ "การจัดการความท้าทายในการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย" ที่เซนต์ จอห์น คอลเลจ มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด (St.John"s College OXFORD) ให้คณาจารย์ และนักศึกษาอ็อกซ์ฟอร์ดที่สนใจรับฟัง
ช่วงแรกเป็นการบรรยายถึงความเป็นมาของประชาธิปไตยในไทย ตั้งแต่ 14 ต.ค.2516 ถึงการปฏิวัติครั้งสุดท้าย และยืนยันว่า ประชาธิปไตยในไทยจะยังมีชีวิตอยู่ และอยู่ได้ดี เพราะกว่าจะได้มาแลกกับการสูญเสียไปมากมาย ประชาธิปไตยในไทยเริ่มจะเข้มแข็ง ด้วยการปฏิรูปการเมือง ในปี 2540 รัฐธรรมนูญต้องการสร้างความเข้มแข็งให้พรรคการเมืองบนพื้นฐานการตรวจสอบ และถ่วงดุล โดยคิดไม่ถึงว่านักการเมืองจะบิดเบือน นำเสียงส่วนใหญ่ที่ได้มา มาหักล้างความโปร่งใส นำนโยบายประชานิยมมาใช้ ก่อให้เกิดการคอร์รัปชั่น ทำให้หลักนิติธรรมสั่นคลอน เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงมากมาย ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับรูปแบบประชาธิปไตย ที่ไทยควรเดินหน้าไปสู่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แม้นโยบายประชานิยม จะทำให้คนในชนบทตื่นตัว แต่เมื่อการใช้อำนาจบิดเบือน ทำให้มีการออกมาประท้วงบนท้องถนน ทหารกลับเข้ามาอีกครั้ง โดยได้รับการชื่นชมจากประชาชน และคืนอำนาจให้ได้ภายใน 1 ปี ทำให้ไทยกลับสู่ประชาธิปไตยอีกครั้ง แต่การเลือกตั้ง เสียงส่วนใหญ่ยังคงเลือกพรรคที่ถูกปฏิวัติไป ทำให้ทหารปฏิเสธที่จะเข้ามามีอำนาจ และเป็นธรรมชาติของการเมืองไทย พอจะก้าวหน้า ก็ต้องถอยหลัง แต่ก็พิสูจน์ได้ว่า การก้าวหน้าของประชาธิปไตย โดยเสียงส่วนใหญ่ ที่ปราศจากประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความผันผวนได้ ผมจะไม่ยอมแลกความโปร่งใส ธรรมาภิบาล กับการได้มาซึ่งเสียงส่วนใหญ่ และจะใช้หลักการนี้ นำไปสู่การปฏิรูปการเมือง ที่ก่อให้เกิดประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพ ภายใต้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
คนชั้นกลางทั่วไป ประชาธิปไตยไม่มีความหมาย ถ้าไม่สามารถตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน รัฐบาลนี้จึงต้องนำนโยบายประชานิยมมาใช้ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน เพื่อเกิดความเป็นธรรมกับทุกคนในสังคม และไม่ต้องสงสัยว่า ไทยจะยึดมั่นประชาธิปไตยแค่ไหน เพราะเราสร้างประชาธิปไตยมาด้วยความยากลำบาก ประสบการณ์ของไทยคงเป็นบทเรียนที่ดี สำหรับประเทศที่จะพัฒนาประชาธิปไตย
ในช่วงท้าย นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ไม่สามารถตอบได้ว่าประชาธิปไตยในไทยจะเดินหน้าได้เร็วแค่ไหน แต่ถ้าย้อนดูประสบการณ์ตะวันตก ก็ใช้เวลาเป็นศตวรรษ สิ่งสำคัญที่สุด ประชาธิปไตยในไทยจะไม่ถอยหลังแล้ว คนไทยขณะนี้เหมือนอยู่บนทางแยก แต่ขอให้มั่นใจว่า ประชาชนได้เลือกถูกทางแล้ว ที่จะเดินหน้าต่อไป แม้มีอุปสรรคบ้างก็ตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้ยกคำขวัญมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดมาปิดท้ายว่า "อ็อกซ์ฟอร์ดไม่ใช่ให้แสงสว่างแค่ส่องทาง แต่ทำให้ผมทำทุกอย่างอย่างถูกต้อง สำหรับตัวเองและประเทศชาติ" ซึ่งได้รับเสียงปรบมือกึกก้องและเมื่อเปิดโอกาสให้ซักถาม นายใจ อึ๊งภากรณ์ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน ซึ่งใส่เสื้อสีแดงและพก "ตีนตบ" มาร่วมฟังปาฐกถา ได้ลุกขึ้นถามเกี่ยวกับกฎหมายหมิ่นสถาบันว่า รัฐบาลนำมาใช้เป็นเครื่องมือปกป้องตัวเองและทหาร นายกรัฐมนตรี ตอบว่า เจตนารมณ์กฎหมายดังกล่าว ก็เหมือนกฎหมายหมิ่นประมาทของคนไทยทั่วไป ที่ต้องรักษาสิทธิ ไม่ให้กล่าวหาใครโดยไม่มีหลักฐาน ประเทศในยุโรปก็มีกฎหมายนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบ นายใจ ว่า ที่ผ่านมาก็ถูกฟ้องร้องหลายคดีและเข้าต่อสู้ชั้นศาล ไม่ได้หนีหน้าไปไหน ทำให้นายใจ ตะโกนสวนว่า "ผมก็ไม่ได้หนี" นายกรัฐมนตรี จึงย้อนว่า "ไม่ได้หนี แล้วมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร" ซึ่งก็ได้เสียงปรบมือจากผู้ฟังในห้องประชุม จากนั้นผู้เข้าฟังปาฐกถาคนอื่นได้ถามคำถาม ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับอาเซียน สิทธิมนุษยชนในไทย และปัญหาชาวโรฮิงญา
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะขึ้นปาฐกถา ผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้แนะนำประวัตินายกรัฐมนตรี ซึ่งภายในห้องประชุมได้ปรบมือเป็นการให้เกียรติ ยกเว้นนายใจ ที่ชูตีนตบขึ้นมาตบ