อภิสิทธิ์ เผยมติกก.สิ่งแวดล้อมต้องยื่นอุทธรณ์ มาบตาพุด

อภิสิทธิ์ เผยมติกก.สิ่งแวดล้อมต้องยื่นอุทธรณ์ มาบตาพุด

อภิสิทธิ์ เผยมติกก.สิ่งแวดล้อมต้องยื่นอุทธรณ์ มาบตาพุด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เผยมติกก.สิ่งแวดล้อมประกาศมาบตาพุดเป็นพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ ระบุไม่กระทบต่อภาคอุตสาหกรรมที่ลงทุน เพราะไม่ได้ประกาศเป็นพื้นที่แรก ยอมรับ จนท.ต้องยื่นอุทธรณ์มาบตาพุด เพื่อยื่นยันการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ละเลย

เมื่อเวลา 13.35น.วันที่ 16 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าให้ประกาศให้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุตเป็นเขตควบคุมมลพิษ ซึ่งจะตรงกับคำวินิจฉัยของศาลปกครอง โดยเมื่อลงนามตามขั้นตอนของกฎหมายก็จะประกาศได้ทันที

ทั้งนี้คณะกรรมการฯได้พิจารณาว่าการกระกาศเขตควบคุมมลพิษเป็นกลไกสำคัญตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้การทำงานในการกำหนดมาตรฐานด้านต่างๆมีกฎหมายรองรับชัดเจนและเป็นกระบวนการที่พื้นที่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ โดยที่ประชุมได้ให้ข้อสังเกตุว่าผู้ที่มีหน้าที่ในการดำเนินการเรื่องนี้ต่อควรรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายและให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุดเพื่อให้การแก้ไขปัญหาต่างๆเดินต่อไปได้ อย่างไรก็ตามจะมีการขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองเพื่อยืนยันว่าไม่ได้ละเลยต่อการปฏิบัติเรื่องการประกาศเขตควบคุมมลพิษตามที่ศาลมีคำวินิจฉัยก่อนหน้านี้ เพราะถ้าเขาไม่อุทธรณ์ก็เท่ากับว่าละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ แต่การยื่นอุทธรณ์จะไม่กระทบกับการประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ

"ผมคิดว่าคงไม่เป็นธรรมสำหรับหลายคนที่ถูกวินิจฉัยว่าละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ แล้วไม่ให้เขาใช้สิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์ตรงนี้ และเราก็ต้องเชื่อในความเป็นธรรมที่ศาลจะให้กับทุกฝ่าย" นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าประชาชนในพื้นที่เรียกร้องไม่ให้อุทธรณ์จะเป็นปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนของนโยบายก็ประกาศให้เป็นเขตควบคุมมลพิษแล้ว ส่วนการเรียกร้องไม่ให้อุทธรณ์นั้นตนคิดว่าจะให้เจ้าหน้าที่ยอมรับว่าละเลยคงไม่ได้ เขาต้องไปต่อสู้ตรงนั้น เมื่อถามว่าการประกาศให้มาบตาพุตเป็นเขตควบคุมมลพิษจะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่มีผลกระทบ เพราะการกำหนดเขตควบคุมมลพิษในประเทศนั้นมีการดำเนินการอยู่หลายพื้นที่ในประเทศไทยที่มาบตาพุตไม่ใช่เป็นพื้นที่แรก ซึ่งเชื่อว่าจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานต่างๆ แต่อย่างใด ส่วนมาตราการที่จะเพิ่มขึ้นมาก็จะมีขั้นตอนที่ต้องไปร่วมกันทำซึ่งต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย

ผู้สื่อข่าวถามว่าคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน(กกร.)เตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสามารถดำเนินการได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเขาคิดว่าสามารถดำเนินการได้หรือจะใช้สิทธิ์ตามกฎหมายก็ทำได้ และคงไม่กระทบต่อการดำเนินการของรัฐบาลเรื่องการประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ ซึ่งตนมั่นใจว่าการประกาศครั้งนี้เป็นการประกาศโดยชอบ ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ยื่นอุทธรณ์จะทำให้ประชาชนคิดว่ารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับความเดือดร้อนของเขาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าไม่ให้ความสำคัญกับความเดือดร้อนของประชาชนคงไม่ประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ รัฐบาลประกาศชัดเจนและจะประกาศต่อไป

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่ที่มีความกังวลกันมี 2 ลักษณะคือ ส่วนที่ 1. เกรงว่าจะไปกระทบการการทำงานที่กำลังดำเนินการอยู่หรือไม่ ซึ่งที่ประชุมก็ไม่คิดว่ามีผลกระทบ 2. มีความกังวลว่าพอเป็นคำว่าเขตควบคุมมลพิษแล้วจะเป็นการส่งสัญญานอะไรหรือไม่ ตนก็ยืนยันว่าไม่ เพราะตามเจตนารมณ์ของกฏหมายคือเป็นการประกาศเพื่อให้เราสามารถแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ได้มีผลเพื่อต่อต้านธุรกิจและธุรกิจต้องเคารพเรื่องการรักษามาตรฐานสิ่งแวดล้อมและต้องทำให้ชุมชนไม่เดือดร้อนด้วย และตนไม่คิดว่าจะทำให้เสียบรรยากาศการลงทุน เพราะถ้าทุกคนอธิบายให้เห็นว่าเป็นกลไกตามปรกติที่รัฐบาลพึงใช้ในการดูแลผลกระทบจากอุตสาหกรรมซึ่งสากลเขาก็มีเหมือนกัน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับปัญหาของบริษัทที่จังหวัดสระบุรีกรณีกากอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ตนขอให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปเร่งดูว่าทำไมยังมีการร้องเรียนมาอย่างต่อเนื่องเกือบ 10 ปี โดยให้รายงานกลับมาให้ตนทราบภายใน 7 วัน ส่วนเรื่องผลกระทบจากเสียงเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิก็ให้เสนอเข้ามาพิจารณาในสัปดาห์หน้า

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook