บินสำรวจ "หุบเขาไฮโซ" พบถูกบุกรุกมานานกว่า 10 ปี

บินสำรวจ "หุบเขาไฮโซ" พบถูกบุกรุกมานานกว่า 10 ปี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำรวจหุบเขาไฮโซพบถูกบุกรุกมานานกว่า 10 ปี กระทั่งเรื่องแดงเพราะนักลงทุนขัดแย้งกันเอง จนเกิดการร้องเรียนนำไปสู่การตรวจสอบ ขณะราคาที่ดินยังพุ่งสูง ติดป้ายขายคึกคัก

(26 ก.ย.) ภายหลังอธิบดีกรมป่าไม้ และชุดพยัคฆ์ไพร ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่า ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ท่าช้างและป่าแม่ขนิน ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น "หุบเขาไฮโซ" เนื่องจากมีกลุ่มนักธุรกิจและนักลงทุนเข้ามากว้านซื้อที่ดิน เพื่อสร้างบ้านพักตากอากาศ รีสอร์ทหรู จำนวนมาก เนื่องจากมีภูมิประเทศเป็นป่าธรรมชาติที่ตั้งอยู่ใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 30 กิโลเมตร

เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบมีสิ่งปลูกสร้างรุกพื้นที่ป่า 18 แห่ง เนื้อที่รวมประมาณ 144 ไร่ 2 งาน 60 ตารางวา ซึ่งมีรีสอร์ทที่มีหลักฐานเป็นโฉนดที่ดิน จำนวน 11 แปลง เนื้อที่ 47 ไร่ 3 งาน 5 ตารางวา เป็น นส.3 จำนวน 1 แปลง 2 ไร่ 1 งาน 19 ตารางวา และเป็นพื้นที่ที่เคยสำรวจการถือครองตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 จำนวน 8 แปลง เนื้อที่ 41 ไร่ 2 งาน 47 ตารางวา และพื้นที่ประเภทอื่นๆ อีก 8 แปลง

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจในทำเลหุบเขาไฮโซ พบว่ามีการติดป้ายประกาศขายที่ดินกันอย่างคึกคัก แม้บางแปลงมีเอกสารสิทธิ์ นส.3 แต่ก็มีราคาสูงถึง ตารางวาละ 5,000 – 10,000 บาท หรือ ไร่ละ 3 – 5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับราคาประเมินที่ดินอยู่ที่ ตารางวาละ 2,000 – 3,000 บาท

โดยราคาขายจะเพิ่มขึ้นตามมูลค่าของทำเล เช่น ตั้งอยู่ติดเชิงเขา หรือติดถนนสายหลักภายในหมู่บ้าน มีระบบสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า เข้าถึง และส่วนใหญ่เจ้าของที่ดินจะขายยกแปลง แต่ละแปลงมีขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 10 – 50 ไร่

แหล่งข่าวในวงการที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ใน จ.เชียงใหม่ ระบุว่า นอกจากทำเลที่ตั้งจะเป็นป่าธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และยังอยู่ใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่มากที่สุด ที่ดินซึ่งมีเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดินซึ่งมีจำนวนไม่มาก แต่ด้วยความต้องการที่มีสูง ทำให้การบุกรุกและขยายแนวเขตรุกล้ำเข้าไปในเขตป่าสงวนและอุทยานฯ

“ก่อนหน้านี้เมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมา มีนักลงทุนเข้าไปบุกเบิกพื้นที่สร้างรีสอร์ทเพียงไม่กี่รายจนบูมขึ้นมา ยิ่งทำให้ราคาที่ดินในพื้นที่หุบเขาไฮโซมีมูลค่าสูงขึ้นมาก และมีการบุกรุกพื้นที่กันอย่างต่อเนื่อง จนเกิดความขัดแย้ง นำไปสู่การร้องเรียนให้มีการตรวจสอบ กระทั่งหน่วยงานรัฐเข้ามาสำรวจพื้นที่ครั้งใหญ่ และดำเนินการกับผู้บุกรุกป่า ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นที่รู้กันดีกว่ามีการซื้อขายที่ดินและรุกล้ำเข้าไปในเขตป่ากันอย่างโจ่งแจ้ง โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็น”

หนึ่งในผู้ที่ถูกตรวจสอบจากกรมป่าไม้ ระบุว่า เข้ามาซื้อที่ดินในหุบเขาไฮโซตั้งแต่ปี 2555 จากสามีชาวต่างชาติที่มีภรรยาเป็นคนไทย ซึ่งได้ประกาศขายที่ดินผ่านเวปไซต์ โดยก่อนหน้านี้มีชาวต่างชายในวัยเกษียณเข้ามาซื้อที่ดินและสร้างบ้านเพื่อหวังใช้ชีวิตบั่นปลายที่นี่ก่อน จากนั้นจึงชักชวนให้เพื่อนชาวต่างชาติเข้ามาซื้ออีก 5 – 6 ราย โดยแต่ละรายเสียเงินซื้อที่ดินและสร้างบ้านไม่ต่ำกว่าหลังละ 5 – 12 ล้านบาท รวมมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 38 – 39 ล้านบาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้เข้ามาตรวจสอบและรังวัดที่ดินจึงทราบว่า มีที่ดินบางส่วนรุกเข้าไปในเขตป่าสงวน ทางกลุ่มผู้ซื้อจึงรวมตัวกันฟ้องร้องสองสามีภรรยาที่หลอกขายที่ดินให้ รวม 5 คดี เป็นคดีฉ้อโกง 4 คดี และยักยอกทรัพย์ 1 คดี ล่าสุดมี 1 คดีที่ศาลยกฟ้องเพราะฟ้องผิดแปลง และอีกฝ่ายก็มีข้อได้เปรียบเนื่องจากมีรายชื่ออยู่ในการสำรวจการถือครองที่ดิน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook